วิธีดูแลตัวเองเมื่อเป็นโรคฝีดาษวานร

วิธีดูแลตัวเองเมื่อเป็นโรคฝีดาษวานร

โรคฝีดาษวานร | Mpox เป็นโรคติดต่อที่เกิดจากเชื้อไวรัส แม้ว่าส่วนใหญ่อาการจะไม่รุนแรง แต่การดูแลตัวเองอย่างถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญ ทั้งเพื่อบรรเทาอาการ และป้องกันการแพร่เชื้อ ิธีต่อไปนี้ คือ วิธีดูแลตัวเองเมื่อเป็นโรคฝีดาษวานร เพื่อให้คุณได้เข้าถึงการดูแลตัวเองอย่างถูกต้อง

วิธีดูแลตัวเองเมื่อเป็นโรคฝีดาษวานร พักผ่อนให้เพียงพอ

การพักผ่อนเป็น วิธีดูแลตัวเองเมื่อเป็นโรคฝีดาษวานร ในการฟื้นฟูร่างกาย ระบบภูมิคุ้มกันของคุณต้องการพลังงานเพื่อต่อสู้กับไวรัส ดังนั้นการนอนหลับและพักผ่อนอย่างเพียงพอจึงมีความสำคัญมาก

  • นอนหลับอย่างน้อย 8-10 ชั่วโมงต่อวัน: พยายามเข้านอนและตื่นนอนในเวลาเดียวกันทุกวันเพื่อสร้างวงจรการนอนที่ดี หากคุณมีปัญหาการนอน ลองใช้เทคนิคผ่อนคลาย เช่น การฟังเพลงบรรเลงเบาๆ หรือการทำสมาธิก่อนนอน
  • หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องใช้แรงมาก: แม้ว่าคุณอาจรู้สึกดีขึ้น แต่การออกกำลังกายหนักหรือทำงานที่ต้องใช้แรงมากอาจทำให้การฟื้นตัวช้าลง ให้เน้นการพักผ่อนและกิจกรรมเบาๆ เช่น การเดินช้าๆ ในบ้านหรือการยืดเหยียดกล้ามเนื้อเบาๆ
  • จัดสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมกับการพักผ่อน: สร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการพักผ่อน ปรับอุณหภูมิห้องให้เย็นสบาย (ประมาณ 18-22 องศาเซลเซียส) ใช้ผ้าม่านทึบแสงเพื่อควบคุมแสงในห้อง และลดเสียงรบกวนโดยใช้เครื่องกรองอากาศหรือพัดลมเพื่อสร้างเสียงขาวที่ช่วยกลบเสียงรบกวนจากภายนอก

ดื่มน้ำมากๆ

ดื่มน้ำมากๆ

การรักษาระดับน้ำในร่างกายเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับผู้ป่วย โรคฝีดาษวานร เนื่องจากอาการไข้ และแผลที่ผิวหนังอาจทำให้สูญเสียน้ำได้มาก การดื่มน้ำมากๆ จะช่วยป้องกันภาวะขาดน้ำ และสนับสนุนการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน

  • ดื่มน้ำอย่างน้อย 8-10 แก้วต่อวัน: พยายามดื่มน้ำสม่ำเสมอตลอดทั้งวัน แม้ว่าคุณจะไม่รู้สึกกระหายน้ำก็ตาม ตั้งเตือนในโทรศัพท์หรือวางขวดน้ำไว้ใกล้ตัวเพื่อเตือนให้ดื่มน้ำบ่อยๆ
  • สังเกตสีปัสสาวะ ควรมีสีอ่อนใส: สีของปัสสาวะเป็นตัวบ่งชี้ที่ดีของระดับน้ำในร่างกาย ปัสสาวะควรมีสีเหลืองอ่อนหรือใส หากมีสีเข้มหรือมีกลิ่นแรง แสดงว่าคุณอาจดื่มน้ำไม่เพียงพอ ให้เพิ่มปริมาณน้ำที่ดื่มทันที
  • ดื่มเครื่องดื่มที่มีอิเล็กโทรไลต์: นอกจากน้ำเปล่า การดื่มเครื่องดื่มที่มีอิเล็กโทรไลต์จะช่วยทดแทนแร่ธาตุที่สูญเสียไปจากการมีไข้หรือเหงื่อออกมาก น้ำมะพร้าวเป็นตัวเลือกที่ดีเพราะมีโพแทสเซียมสูง หรือคุณอาจเลือกดื่มเครื่องดื่มเกลือแร่ที่หาซื้อได้ตามร้านขายยา แต่ควรหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง

รับประทานอาหารที่มีประโยชน์

รับประทานอาหาร ที่มีประโยชน์

อาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงจะช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน และสนับสนุนกระบวนการฟื้นฟูของร่างกาย แม้ว่าคุณอาจไม่รู้สึกหิวมากนัก แต่การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์เป็นสิ่งสำคัญ

  • เน้นผักและผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง: วิตามินซีช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันและสนับสนุนการสร้างคอลลาเจนซึ่งจำเป็นสำหรับการรักษาแผล รับประทานผักและผลไม้สดที่มีวิตามินซีสูง เช่น ส้ม กีวี พริกหวาน บรอกโคลี สตรอเบอร์รี และมะละกอ พยายามรับประทานผักและผลไม้หลากสีเพื่อให้ได้รับวิตามิน และแร่ธาตุที่หลากหลาย
  • รับประทานโปรตีน: โปรตีนเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการซ่อมแซมเนื้อเยื่อและการสร้างภูมิคุ้มกัน เลือกแหล่งโปรตีนที่ย่อยง่าย เช่น ปลา (โดยเฉพาะปลาที่มีไขมันโอเมก้า 3 สูง เช่น ปลาแซลมอน), เนื้อไก่อบหรือต้ม, ไข่ (ต้มสุก), และโยเกิร์ตรสธรรมชาติ หากคุณเป็นมังสวิรัติ ให้เน้นถั่วเมล็ดแห้ง และเต้าหู้
  • เพิ่มอาหารที่มีสังกะสี: สังกะสีมีบทบาทสำคัญในการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน แหล่งอาหารที่มีสังกะสีสูง ได้แก่ เมล็ดฟักทอง ถั่วต่างๆ (โดยเฉพาะถั่วลิสง), เมล็ดทานตะวัน และธัญพืชไม่ขัดสี
  • หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด อาหารทอด และอาหารแปรรูป: อาหารเหล่านี้อาจทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานหนักเกินไป และไม่เป็นประโยชน์ต่อการฟื้นฟูร่างกาย

วิธีดูแลตัวเองเมื่อเป็นโรคฝีดาษวานร แยกตัวจากผู้อื่น

  • กักตัวในห้องแยกจนกว่าแผลจะแห้งและตกสะเก็ดหมด
    • ระยะเวลากักตัวโดยทั่วไปประมาณ 2-4 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรค
    • ติดต่อแพทย์เพื่อประเมินว่าสามารถสิ้นสุดการกักตัวได้เมื่อไร
    • แม้แผลจะแห้งแล้ว ควรระมัดระวังการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้อื่นอีกระยะหนึ่ง
  • ใช้ห้องน้ำแยกหากเป็นไปได้
    • หากต้องใช้ห้องน้ำร่วมกับผู้อื่น ให้ทำความสะอาดทุกครั้งหลังใช้
    • ใช้น้ำยาฆ่าเชื้อเช็ดบริเวณที่สัมผัสบ่อย เช่น ที่จับประตู ก๊อกน้ำ
    • ใช้ผ้าเช็ตตัวและอุปกรณ์อาบน้ำส่วนตัว ไม่ใช้ร่วมกับผู้อื่น
  • ไม่ใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น
    • แยกจาน ชาม ช้อนส้อม แก้วน้ำ ไว้ใช้ส่วนตัว
    • ไม่ใช้ผ้าเช็ตตัว แปรงสีฟัน หวี หรืออุปกรณ์อื่นๆ ร่วมกับผู้อื่น
    • ล้างทำความสะอาดของใช้ส่วนตัวด้วยน้ำร้อน และสบู่หลังใช้ทุกครั้ง

วิธีดูแลตัวเองเมื่อเป็นโรคฝีดาษวานร ดูแลผิวหนังบริเวณที่เป็นแผล

วิธีดูแลตัวเองเมื่อเป็นโรคฝีดาษวานร ดูแลผิวหนังบริเวณที่เป็นแผล

การดูแลผิวหนังบริเวณที่เป็นแผล อย่างถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญมากในการรักษาโรคฝีดาษวานร เนื่องจากอาการหลักของโรคนี้คือผื่น และตุ่มน้ำที่ผิวหนัง การดูแลที่เหมาะสมจะช่วยลดความเสี่ยงของการติดเชื้อแทรกซ้อน และช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น

  • ทำความสะอาดแผลด้วยน้ำสะอาดหรือน้ำเกลือ: ล้างมือให้สะอาดด้วยสบู่และน้ำก่อนทำความสะอาดแผลทุกครั้ง ใช้น้ำสะอาดหรือน้ำเกลือล้างแผลเบาๆ วันละ 2-3 ครั้ง หรือตามคำแนะนำของแพทย์ หลีกเลี่ยงการใช้สบู่หรือน้ำยาฆ่าเชื้อที่รุนแรงซึ่งอาจระคายเคืองผิวหนัง หลังทำความสะอาด ซับแผลให้แห้งด้วยผ้าสะอาดหรือกระดาษทิชชู่แบบนุ่ม
  • ใช้ยาทาตามที่แพทย์สั่ง: ทายาตามชนิด และปริมาณที่แพทย์กำหนดอย่างเคร่งครัด โดยทั่วไปมักเป็นยาต้านไวรัสหรือยาฆ่าเชื้อชนิดทา ทายาบางๆ ให้ทั่วบริเวณแผลโดยใช้ไม้พันสำลีหรือถุงมือสะอาด ระวังไม่ให้ยาเปียกแฉะเกินไปเพราะอาจทำให้แผลช้ำ และเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อ
  • ห้ามแกะหรือบีบตุ่มน้ำใสหรือแผล: การแกะหรือบีบแผลอาจทำให้เกิดการติดเชื้อ และทำให้เกิดแผลเป็นได้ หากรู้สึกคัน ให้ปรึกษาแพทย์เพื่อขอยาบรรเทาอาการคัน เช่น ยาทาคาลามายน์ หรือยารับประทานแก้แพ้
  • สวมเสื้อผ้าหลวมๆ: เลือกเสื้อผ้าที่ทำจากผ้าฝ้ายหรือผ้าที่ระบายอากาศได้ดี สวมเสื้อผ้าหลวมๆ เพื่อไม่ให้เสียดสีกับแผล
  • เปลี่ยนผ้าปูที่นอนและเสื้อผ้าบ่อยๆ: เปลี่ยนผ้าปูที่นอนและปลอกหมอนทุกวันหรือทุกครั้งที่เปื้อน ซักผ้าด้วยน้ำร้อนและผงซักฟอกเพื่อฆ่าเชื้อ ใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มที่อ่อนโยนต่อผิว เพื่อลดการระคายเคือง

รับประทานยาอย่างเคร่งครัด

รับประทานยา อย่างเคร่งครัด
  • หากได้รับยาต้านไวรัส ต้องรับประทานให้ครบตามกำหนด
  • ยาต้านไวรัสอาจช่วยลดความรุนแรงของโรคและระยะเวลาการเจ็บป่วย
  • แจ้งแพทย์ทันทีหากมีอาการแพ้ยาหรือผลข้างเคียงรุนแรง
  • ใช้กล่องยาหรือแอปพลิเคชันเตือนการรับประทานยา
  • ไม่หยุดยาเองแม้จะรู้สึกดีขึ้น ต้องรับประทานให้ครบตามที่แพทย์สั่ง

ควรติดต่อแพทย์ทันทีหากมีอาการดังต่อไปนี้

  • ไข้สูงเกิน 39°C
  • หายใจลำบากหรือเจ็บหน้าอก
  • แผลมีหนองหรือมีอาการบวมแดงมาก
  • ปวดศีรษะรุนแรง
  • อาเจียนหรือท้องเสียรุนแรง
  • มีอาการทางระบบประสาท

อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง

การดูแลตัวเองอย่างถูกต้อง และครบถ้วนจะช่วยให้คุณฟื้นตัวได้เร็วขึ้น และลดความเสี่ยงในการแพร่เชื้อสู่ผู้อื่น อย่าลืมว่าการปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดเป็นสิ่งสำคัญที่สุด

เว็บไซต์ของเราใช้คุกกี้เพื่อทำให้คุณพบกับความแตกต่างจากผู้ใช้อื่น ๆ ของเว็บไซต์ของเรา Cookies policy ทั้งนี้เพื่อช่วยให้เราสามารถส่งมอบประสบการณ์ ที่ดีเมื่อคุณติดตามเนื้อหาในเว็บไซต์ของเราและยังช่วยให้เราในการปรับปรุงเว็บไซต์ของเราอย่างต่อเนื่อง เมื่อคุณใช้งานเว็บไซต์ของเรา ถือว่าคุณได้ยินยอมให้เราใช้คุกกี้ Cookie settings

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว บันทึกการตั้งค่า