วัคซีน HPV ในผู้ชาย: ความสำคัญที่คุณอาจไม่เคยรู้

วัคซีน HPV ในผู้ชาย: ความสำคัญที่คุณอาจไม่เคยรู้

การฉีด วัคซีน HPV เป็นเรื่องที่ได้รับความสนใจในวงการสาธารณสุขมานาน แต่ในอดีตส่วนใหญ่มักมุ่งเน้นการป้องกันในกลุ่มผู้หญิงเพื่อป้องกันมะเร็งปากมดลูก อย่างไรก็ตาม การตระหนักถึงความสำคัญของการฉีดวัคซีนในผู้ชายกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะเมื่อประเทศจีนได้เริ่มฉีดวัคซีนป้องกันไวรัส HPV ให้กับผู้ชายเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 9 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา บทความนี้ จะสำรวจความสำคัญของการฉีด วัคซีน HPV ในผู้ชาย ความเชื่อมโยงกับประเทศไทย รวมถึงความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับไวรัส HPV และผลกระทบของมันต่อสุขภาพของประชากรชาย

จีนกับก้าวแรกของ วัคซีน HPV สำหรับผู้ชาย

จีนกับก้าวแรกของ วัคซีน HPV สำหรับผู้ชาย

Love2Test

ในเดือนมกราคม พ.ศ. 2568 ประเทศจีนได้สร้างประวัติศาสตร์ด้านการสาธารณสุขด้วยการเริ่มโครงการฉีดวัคซีน HPV ให้กับประชากรชายอย่างเป็นทางการ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลก การดำเนินโครงการนี้แสดงถึงความมุ่งมั่นของจีนในการลดอัตราการเกิดโรคที่เกี่ยวข้องกับไวรัส HPV ในทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ผู้ที่ได้รับวัคซีน HPV คนแรกในโครงการนี้ อยู่ที่เมืองฉางซา มณฑลหูหนาน เมืองแห่งนี้เป็นหนึ่งในพื้นที่ที่รัฐบาลจีนเลือกเป็นสถานที่เปิดตัววัคซีนสำหรับผู้ชาย เนื่องจากเป็นเขตที่มีความพร้อมทางด้านสาธารณสุขและมีความต้องการวัคซีนสูง

ทำความรู้จัก HPV คืออะไร?

ไวรัสเอชพีวี (Human Papillomavirus) เป็นเชื้อไวรัสที่แพร่กระจายได้ง่ายผ่านการสัมผัสทางผิวหนังและการมีเพศสัมพันธ์ ไวรัสนี้เป็นสาเหตุสำคัญของปัญหาสุขภาพในทั้งผู้ชายและผู้หญิง ไม่ว่าจะเป็นมะเร็งหรือการติดเชื้อที่ทำให้เกิดความไม่สบายตัวในชีวิตประจำวัน

ลักษณะและการแพร่กระจายของไวรัส HPV

HPV เป็นไวรัสที่มีสายพันธุกรรมแบบดีเอ็นเอ (DNA) โดยไวรัสนี้มีสายพันธุ์มากกว่า 200 สายพันธุ์ ซึ่งแบ่งออกได้เป็นสองกลุ่มใหญ่:

1. สายพันธุ์ความเสี่ยงต่ำ (Low-Risk HPV)

สายพันธุ์ที่ไม่ทำให้เกิดโรคมะเร็ง แต่มักทำให้เกิดหูดที่ผิวหนังหรือบริเวณอวัยวะเพศ เช่น สายพันธุ์ 6 และ 11 ซึ่งเป็นต้นเหตุของหูดที่อวัยวะเพศหรือที่เรียกว่า “หูดหงอนไก่”

2. สายพันธุ์ความเสี่ยงสูง (High-Risk HPV)

สายพันธุ์ที่เกี่ยวข้องกับการเกิดโรคมะเร็ง เช่น สายพันธุ์ 16 และ 18 ซึ่งมีความสัมพันธ์กับมะเร็งปากมดลูกในผู้หญิง มะเร็งทวารหนัก และมะเร็งช่องปากและลำคอในผู้ชาย

ไวรัส HPV สามารถติดต่อได้จาก

การติดต่อของไวรัส HPV

ไวรัส HPV สามารถติดต่อได้ง่ายผ่านทาง:

  • การมีเพศสัมพันธ์ (ทั้งทางช่องคลอด ทวารหนัก และทางปาก)
  • การสัมผัสโดยตรงกับผิวหนังที่ติดเชื้อ
  • การใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกัน เช่น มีดโกน กรรไกรตัดเล็บ

ผลกระทบของไวรัส HPV

1. มะเร็งที่เกี่ยวข้องกับ HPV

HPV สายพันธุ์ความเสี่ยงสูง เช่น สายพันธุ์ 16 และ 18 เป็นสาเหตุหลักของโรคมะเร็งในหลายส่วนของร่างกาย:

  • มะเร็งปากมดลูก: โรคนี้เป็นสาเหตุการเสียชีวิตของผู้หญิงหลายล้านคนทั่วโลกในแต่ละปี
  • มะเร็งทวารหนัก: พบบ่อยในผู้ชาย โดยเฉพาะในกลุ่มชายรักชายและผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ
  • มะเร็งอวัยวะเพศชาย: แม้จะพบได้น้อยกว่าในผู้ชาย แต่ก็ยังคงเป็นปัญหาสุขภาพที่สำคัญ
  • มะเร็งช่องปากและลำคอ: การติดเชื้อ HPV ทางปากสามารถนำไปสู่มะเร็งบริเวณนี้ โดยเฉพาะในผู้ชายที่มีพฤติกรรมการสูบบุหรี่หรือดื่มแอลกอฮอล์

2. หูดที่อวัยวะเพศ (Genital Warts)

สายพันธุ์ความเสี่ยงต่ำ เช่น สายพันธุ์ 6 และ 11 มักทำให้เกิดหูดที่อวัยวะเพศ หูดเหล่านี้อาจไม่ก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรง แต่สร้างความไม่สบายตัว ความอาย และความเครียดในชีวิตประจำวัน

3. การแพร่เชื้อโดยไม่มีอาการ

ผู้ติดเชื้อ HPV ส่วนใหญ่มักไม่มีอาการปรากฏ ทำให้เชื้อแพร่กระจายได้ง่าย และเพิ่มโอกาสในการเกิดโรคในกลุ่มเสี่ยง

วัคซีนการ์ดาซิล (Gardasil) วัคซีน HPV ที่จีนเลือกใช้

วัคซีนการ์ดาซิล (Gardasil) วัคซีน HPV ที่จีนเลือกใช้

วัคซีนการ์ดาซิล (Gardasil) ผลิตโดยบริษัทเมอร์ค (Merck) ในสหรัฐอเมริกา เป็นวัคซีนที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล สำหรับการป้องกันไวรัส HPV สายพันธุ์ที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดโรคมะเร็งและสายพันธุ์ที่ก่อให้เกิดหูดที่อวัยวะเพศ

  • ประสิทธิภาพของวัคซีน: การ์ดาซิลมีประสิทธิภาพในการป้องกันไวรัส HPV สายพันธุ์ 16 และ 18 ซึ่งเกี่ยวข้องกับการเกิดมะเร็งปากมดลูกในผู้หญิงและมะเร็งทวารหนักในผู้ชาย นอกจากนี้ยังสามารถป้องกันสายพันธุ์ 6 และ 11 ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเกิดหูดที่อวัยวะเพศ
  • กลุ่มเป้าหมาย: ในจีน วัคซีนนี้ได้รับอนุมัติให้ฉีดในผู้ชายที่มีอายุระหว่าง 9-26 ปี ซึ่งเป็นช่วงอายุที่เหมาะสมที่สุดในการสร้างภูมิคุ้มกันก่อนการสัมผัสเชื้อ

ความสำคัญของการเริ่มต้นฉีด วัคซีน HPV ในผู้ชาย

หัวข้อ รายละเอียด
ป้องกันโรคที่เกิดจาก HPV การฉีดวัคซีนช่วยลดความเสี่ยงของมะเร็งทวารหนัก มะเร็งอวัยวะเพศ และหูดที่อวัยวะเพศในผู้ชาย
ลดการแพร่กระจายของไวรัส ผู้ชายที่ได้รับวัคซีนจะลดโอกาสในการแพร่เชื้อไปยังคู่ครองหรือคนรอบข้าง ส่งผลให้ลดการระบาดของ HPV ในชุมชน
สร้างภูมิคุ้มกันในสังคม การฉีดวัคซีนในทั้งผู้ชายและผู้หญิงช่วยสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ ลดการแพร่กระจายของเชื้อในวงกว้าง
เสริมความเข้าใจด้านสุขภาพทางเพศ การเริ่มโครงการฉีดวัคซีนช่วยส่งเสริมความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทางเพศและการป้องกันโรคที่ติดต่อทางเพศสัมพันธ์
ลดความเหลื่อมล้ำในด้านสุขภาพ การให้ความสำคัญกับวัคซีนในผู้ชายแสดงถึงความเท่าเทียมในการดูแลสุขภาพของประชากรทุกเพศ
สร้างแบบอย่างในระดับโลก จีนสามารถเป็นตัวอย่างในการดำเนินโครงการฉีดวัคซีน HPV ในผู้ชาย ซึ่งอาจกระตุ้นให้ประเทศอื่น ๆ พิจารณาโครงการคล้ายกันเพื่อลดโรคที่เกี่ยวข้องกับ HPV

เปรียบเทียบการฉีด วัคซีน HPV กับประเทศไทย

ในประเทศไทย การฉีดวัคซีน HPV ยังเน้นในกลุ่มผู้หญิง เพื่อป้องกัน “โรคมะเร็งปากมดลูก” เป็นหลัก แต่ยังไม่มีการรณรงค์ในวงกว้างเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนในผู้ชาย แม้ว่าผู้ชายจะมีความเสี่ยงต่อโรคที่เกิดจากไวรัส HPV เช่นเดียวกับผู้หญิง นอกจากนี้ การเข้าถึงวัคซีน HPV ในประเทศไทยยังเผชิญกับข้อจำกัดในด้านต้นทุนและความรู้ความเข้าใจในกลุ่มประชาชน การผลักดันนโยบายที่ส่งเสริมให้ผู้ชายได้รับการฉีดวัคซีนอาจเป็นก้าวสำคัญในการลดอัตราการติดเชื้อและการเกิดโรคที่เกี่ยวข้องในประเทศไทย

วิธีป้องกันไวรัส HPV

วิธีป้องกันไวรัส HPV

การฉีด วัคซีน HPV

วัคซีน HPV ได้รับการพัฒนาเพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัส HPV สายพันธุ์ที่มีความเสี่ยงสูง ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคมะเร็งปากมดลูก มะเร็งทวารหนัก และหูดที่อวัยวะเพศ

วัคซีนที่ได้รับความนิยม:

  • การ์ดาซิล (Gardasil): ป้องกัน HPV สายพันธุ์ 6, 11, 16, และ 18 ครอบคลุมทั้งสายพันธุ์ที่ก่อให้เกิดมะเร็งและหูดที่อวัยวะเพศ
  • เซอร์วาริกซ์ (Cervarix): ป้องกัน HPV สายพันธุ์ 16 และ 18 ซึ่งมีความสัมพันธ์กับการเกิดมะเร็งปากมดลูก

ช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการฉีดวัคซีน:

  • แนะนำให้ฉีดวัคซีนในเด็กอายุ 9-14 ปี ก่อนเริ่มมีเพศสัมพันธ์ เนื่องจากจะมีประสิทธิภาพสูงสุดเมื่อฉีดก่อนการสัมผัสเชื้อ
  • สำหรับผู้ใหญ่ที่ยังไม่เคยติดเชื้อ HPV สามารถฉีดวัคซีนได้ถึงอายุ 45 ปี

การใช้ถุงยางอนามัย

ความสามารถในการป้องกันไวรัส HPV:

ถุงยางอนามัยเป็นเครื่องมือสำคัญในการลดความเสี่ยงของการติดเชื้อ HPV แม้จะไม่สามารถป้องกันได้ 100% เนื่องจากเชื้อ HPV สามารถแพร่ผ่านการสัมผัสผิวหนังบริเวณอวัยวะเพศที่ไม่ได้ปกคลุมด้วยถุงยาง การใช้ถุงยางอนามัยจึงลดความเสี่ยงได้ในระดับหนึ่ง

ข้อควรระวังในการใช้ถุงยางอนามัย:

  • ต้องใช้ถุงยางอนามัยอย่างถูกวิธีทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์
  • ถุงยางอนามัยควรได้รับการจัดเก็บในสภาพที่เหมาะสมและตรวจสอบวันหมดอายุก่อนใช้งาน
  • ใช้ควบคู่กับวัคซีน แม้ว่าถุงยางอนามัยจะช่วยลดการแพร่เชื้อ HPV การฉีดวัคซีน HPV ควบคู่ไปด้วยจะเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันโรค

การตรวจสุขภาพเป็นประจำ

ความสำคัญของการตรวจคัดกรอง:

การตรวจคัดกรองช่วยตรวจหาการติดเชื้อ HPV และการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ในระยะเริ่มต้น ซึ่งอาจนำไปสู่มะเร็งหากไม่ได้รับการรักษา การตรวจอย่างสม่ำเสมอช่วยลดอัตราการเสียชีวิตจากมะเร็งปากมดลูกและโรคที่เกี่ยวข้องกับ HPV

การตรวจที่แนะนำ:

  • การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก (Pap smear): ช่วยตรวจหาเซลล์ที่ผิดปกติในปากมดลูกซึ่งอาจเกิดจาก HPV
  • การตรวจหาเชื้อ HPV (HPV DNA Test): ใช้ตรวจหาเชื้อ HPV สายพันธุ์ที่มีความเสี่ยงสูง
    ความถี่ในการตรวจ:

*ผู้หญิงควรเริ่มตรวจคัดกรองตั้งแต่อายุ 21 ปี และตรวจเป็นประจำทุก 3-5 ปี ขึ้นอยู่กับอายุและประวัติการตรวจสุขภาพ

การลดพฤติกรรมเสี่ยง

พฤติกรรมเสี่ยงที่ควรหลีกเลี่ยง:

  • การมีคู่นอนหลายคนเพิ่มโอกาสในการติดเชื้อ HPV
  • การเริ่มมีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุยังน้อย เพิ่มโอกาสในการสัมผัสเชื้อ
  • การใช้สิ่งของส่วนตัวร่วมกัน เช่น มีดโกนหรือผ้าเช็ดตัว อาจเป็นช่องทางการแพร่เชื้อ

แนวทางลดความเสี่ยง:

  • มีคู่นอนเพียงคนเดียวที่มีความสัมพันธ์อย่างซื่อสัตย์
  • หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้ป้องกัน
  • หลีกเลี่ยงการใช้สิ่งของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น

“การป้องกันไวรัส HPV ไม่ได้หยุดเพียงแค่การฉีดวัคซีน
แต่ต้องเสริมด้วยการใช้ถุงยางอนามัย
การตรวจสุขภาพสม่ำเสมอและการลดพฤติกรรมเสี่ยง
ความรู้และความตระหนักรู้ที่ถูกต้องคือกุญแจสำคัญ
ในการลดการแพร่เชื้อและป้องกันโรคในระยะยาว
โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่นที่เป็นอนาคตของสังคม”

 

ฉีดวัคซีน HPV ในไทยได้ที่ไหนบ้าง

ฉีดวัคซีน HPV ในไทยได้ที่ไหนบ้าง?

การฉีดวัคซีน HPV ในประเทศไทยสามารถเข้ารับบริการได้ในสถานพยาบาลหลายแห่ง ทั้งในภาครัฐและเอกชน โดยสถานที่ที่ให้บริการฉีดวัคซีน HPV มีดังนี้:

โรงพยาบาลรัฐบาล

ส่วนใหญ่มีบริการฉีดวัคซีน HPV โดยสามารถตรวจสอบรายละเอียดและนัดหมายได้ที่โรงพยาบาลในพื้นที่ เช่น:

    • โรงพยาบาลศูนย์และโรงพยาบาลทั่วไปในแต่ละจังหวัด
    • โรงพยาบาลประจำอำเภอในบางพื้นที่
    • สถาบันเฉพาะทาง เช่น สถาบันมะเร็งแห่งชาติ

ค่าใช้จ่าย ราคาวัคซีนในโรงพยาบาลรัฐบาลจะมีราคาถูกกว่าโรงพยาบาลเอกชน และในบางโครงการอาจมีการสนับสนุนวัคซีน HPV ฟรีสำหรับเด็กหญิงอายุ 9-14 ปี หรือในกลุ่มเป้าหมายพิเศษ

โรงพยาบาลเอกชน

โรงพยาบาลเอกชนทั่วประเทศ มีบริการฉีดวัคซีน HPV ที่สะดวกและรวดเร็ว โดยสามารถเลือกยี่ห้อของวัคซีน เช่น การ์ดาซิล หรือเซอร์วาริกซ์ ได้ตามคำแนะนำของแพทย์

ค่าใช้จ่าย ราคาวัคซีน HPV ในโรงพยาบาลเอกชนจะสูงกว่าโรงพยาบาลรัฐบาล โดยราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 2,500-7,000 บาทต่อเข็ม ขึ้นอยู่กับประเภทของวัคซีนและสถานพยาบาล

คลินิกสุขภาพ

เช่น คลินิกเวชกรรม คลินิกสุขภาพทางเพศ และคลินิกเฉพาะทางบางแห่ง มีบริการฉีดวัคซีน HPV โดยเฉพาะในพื้นที่เมืองใหญ่ เช่น กรุงเทพมหานคร เชียงใหม่ ภูเก็ต เป็นต้น ค้นหาสถานที่ฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสเอชพีวีได้ที่ https://www.love2test.org

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการฉีดวัคซีน HPV

➮ วัคซีน HPV เหมาะสำหรับทั้งผู้หญิงและผู้ชาย โดยเฉพาะในช่วงอายุ 9-26 ปี ซึ่งเป็นช่วงที่วัคซีนมีประสิทธิภาพสูงสุด เนื่องจากควรฉีดก่อนการสัมผัสเชื้อผ่านการมีเพศสัมพันธ์ อย่างไรก็ตาม ในบางประเทศอนุญาตให้ฉีดวัคซีนสำหรับผู้ใหญ่ที่มีอายุมากกว่า 26 ปีได้ ขึ้นอยู่กับประวัติสุขภาพและความเสี่ยงของแต่ละบุคคล

➮ วัคซีน HPV ช่วยป้องกันการติดเชื้อไวรัส HPV สายพันธุ์ที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดมะเร็ง เช่น มะเร็งปากมดลูก, มะเร็งทวารหนัก, มะเร็งอวัยวะเพศ, มะเร็งช่องปากและลำคอ นอกจากนี้ ยังสามารถป้องกันการเกิดหูดที่อวัยวะเพศจากสายพันธุ์ความเสี่ยงต่ำ เช่น HPV 6 และ 11

ผู้ที่มีอายุ 9-14 ปี: แนะนำให้ฉีดวัคซีน 2 เข็ม โดยเข็มที่สองฉีดห่างจากเข็มแรกประมาณ 6-12 เดือน และ
ผู้ที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไป: แนะนำให้ฉีดวัคซีน 3 เข็ม โดยกำหนดช่วงเวลาฉีดคือ 0 เดือน (เข็มแรก), 1-2 เดือน (เข็มที่สอง) และ 6 เดือน (เข็มที่สาม)

➮ วัคซีน HPV มีความปลอดภัยสูง ผลข้างเคียงที่พบได้ทั่วไปมีลักษณะคล้ายกับวัคซีนชนิดอื่น เช่น อาการปวด บวม หรือแดงบริเวณที่ฉีด อาการไข้ต่ำ ปวดศีรษะ หรือรู้สึกเมื่อยล้า ผลข้างเคียงร้ายแรงมีโอกาสเกิดขึ้นได้น้อยมาก

➮ สามารถฉีดวัคซีนได้ แม้ว่าจะเริ่มมีเพศสัมพันธ์แล้ว แต่ประสิทธิภาพของวัคซีนอาจลดลง หากผู้ฉีดได้รับเชื้อ HPV มาก่อน อย่างไรก็ตาม การฉีดวัคซีนยังช่วยป้องกันการติดเชื้อจากสายพันธุ์ที่ยังไม่เคยสัมผัส

➮ จากข้อมูลในปัจจุบัน วัคซีน HPV มีประสิทธิภาพในการป้องกันเชื้อในระยะยาว และยังไม่มีคำแนะนำให้ฉีดวัคซีนซ้ำในผู้ที่ฉีดครบตามกำหนดแล้ว อย่างไรก็ตาม ควรติดตามคำแนะนำจากแพทย์และองค์การสาธารณสุขอย่างต่อเนื่อง

อ่านบทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

กล่าวโดยสรุป

การฉีดวัคซีน HPV ในผู้ชายเป็นก้าวสำคัญในการป้องกันโรคที่เกี่ยวข้องกับไวรัส HPV ไม่ว่าจะเป็นมะเร็งทวารหนัก มะเร็งอวัยวะเพศ หรือหูดที่อวัยวะเพศ ความพยายามของจีนในการเริ่มโครงการนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาสุขภาพของประชากร และเป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับประเทศอื่น ๆ รวมถึงประเทศไทย ประเทศไทยควรให้ความสำคัญกับการฉีดวัคซีน HPV ในผู้ชายมากขึ้น ทั้งในด้านการให้ความรู้ การปรับปรุงการเข้าถึงวัคซีน และการพัฒนานโยบายที่ส่งเสริมการฉีดวัคซีนในกลุ่มประชากรชายเพื่อสร้างสังคมที่มีสุขภาพดีในระยะยาว

อ้างอิงข้อมูลจาก:

เริ่มแล้ว! จีนฉีดวัคซีน ป้องกันไวรัส HPV ให้ผู้ชายโดสแรก

  • matichon.co.th/foreign/news_5002417

เช็ค 4 กลุ่มเป้าหมายควรฉีดวัคซีน HPV ป้องกันมะเร็งปากมดลูก

  • thansettakij.com/health/wellbeing/617121

จีนฉีดวัคซีน HPV ให้ผู้ชายเป็นครั้งแรก มุ่งป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

  • brickinfotv.com/news/262986

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า