คกก.เอดส์ชาติ ไฟเขียว ชุดตรวจ HIV Self-Test รู้ผลเร็ว ลดการแพร่เชื้อ

ชุดตรวจ HIV Self-Test

คณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการป้องกัน และแก้ไขปัญหาเอดส์ (คช.ปอ.) เห็นชอบให้ใช้ชุดตรวจ HIV Self-Test ตรวจคัดกรองเชื้อเอชไอวีด้วยตนเอง ทำให้ทราบผลไว เพื่อเข้าสู่ระบบการป้องกันและการดูแลรักษาอย่างรวดเร็ว พร้อมให้หน่วยงานภาครัฐเป็นตัวอย่างในการดำเนินงานบริหารจัดการด้านเอดส์ในสถานที่ทำงาน ภายใต้แนวคิดองค์กร “ดูแล ห่วงใย ใส่ใจป้องกันเอดส์ในที่ทำงาน” ใช้หลักการ U=U ยุติการตีตราและเลือกปฏิบัติทุกรูปแบบ

วันนี้ (15 มิถุนายน 2565) ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการป้องกัน และแก้ไขปัญหาเอดส์ ครั้งที่ 1/2565 โดยมี กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเข้าร่วมประชุม ทั้งแบบออนไซต์ และออนไลน์

ดร.สาธิต กล่าวว่า ในวาระที่ประเทศไทยเป็นประธานคณะกรรมการบริหารโครงการโรคเอดส์แห่งสหประชาชาติ (UNAIDS Programme Coordinating Board: PCB) ปี 2565 มีประเด็นสำคัญที่จะต้องเน้นขับเคลื่อนในเรื่อง เยาวชน การลดการตีตรา และการเลือกปฏิบัติ โดยกระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ และ UNAIDS ซึ่งมีแผนจัดกิจกรรมเพื่อสนับสนุนบทบาทประเทศไทยในเวทีนานาชาติ

โดยกำหนดการประชุม 2 ครั้ง คือ การประชุม UNAIDS PCB ครั้งที่ 50 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 21-24 มิถุนายน 2565 ณ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส โดยมี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เข้าร่วมประชุม และทำหน้าที่ประธาน มีผู้เข้าร่วมประชุม 22 ประเทศ และครั้งที่ 51 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 13-15 ธันวาคม 2565 ซึ่งจัดที่ประเทศไทย นับเป็นความร่วมมือครั้งสำคัญของพลังภาคีเครือข่ายประชาคมโลกที่จะร่วมกันขับเคลื่อนการยุติการตีตรา และยุติปัญหาเอดส์ให้ได้ภายในปี 2573

ดร.สาธิต กล่าวที่ประชุม มีการพิจารณา และเห็นชอบ 2 เรื่อง

1. ให้ชุดตรวจ HIV Self-Test เป็นเครื่องมือให้ประชาชนทราบสถานะการติดเชื้อเอชไอวีโดยเร็ว

ให้ชุดตรวจ HIV Self-Test เป็นเครื่องมือให้ประชาชนทราบสถานะการติดเชื้อเอชไอวีโดยเร็ว เพื่อเข้าสู่ระบบการป้องกัน เช่น เพร็พ (PrEP) ยาป้องกันก่อนการสัมผัสเชื้อเอชไอวี และการรักษาด้วยยาต้านไวรัส โดยให้ประชาชนทุกคนเข้าถึงการตรวจคัดกรองการติดเชื้อเอชไอวีด้วยตนเอง โดยสมัครใจ เป็นความลับ สะดวก รวดเร็ว ไม่มีค่าใช้จ่าย หรือหาซื้อเองได้ในราคาที่เหมาะสม โดยให้ทุกภาคส่วนนำกลยุทธ์การตลาดเพื่อสังคม หรือแนวทางอื่นๆ เพื่อให้ราคาของชุดตรวจลดลง และส่งเสริมการเข้าถึงได้กว้างขวาง และรวดเร็ว ซึ่งขณะนี้ประเทศไทยมีชุดตรวจที่ผ่านการขึ้นทะเบียน จำนวน 2 แบบ

  • การเจาะเลือดที่ปลายนิ้วมือ ซึ่งรู้ผลภายใน 1 นาที
  • การใช้สารน้ำในช่องปาก อ่านผลได้ใน 20 นาที

**แต่ยังมีข้อจำกัดในการจำหน่ายที่ร้านขายยา ซึ่งยังไม่ครอบคลุมทั่วประเทศ**

2. ร่างแผนปฏิบัติการที่มีงบประมาณกำกับ เพื่อลดการตีตรา และการเลือกปฏิบัติ

เพื่อลดการตีตรา และการเลือกปฏิบัติอันเนื่องมาจากเอชไอวี และเพศสภาพทุกรูปแบบ บนความร่วมมือของโครงการ “ประเทศไทยสานพลัง : ยุติการตีตรา และการเลือกปฏิบัติอันเนื่องมาจากเอชไอวีทุกรูปแบบ” พ.ศ. 2565 – 2569 เพื่อใช้เป็นกลยุทธ์สำคัญที่จะเร่งรัดสู่การยุติปัญหาเอดส์ของประเทศไทย ในอีก 9 ปีข้างหน้า ในที่ประชุมได้ให้หน่วยงานภาครัฐเป็นตัวอย่างในการดำเนินงานตามแนวปฏิบัติแห่งชาติว่าด้วยการป้องกัน และบริหารจัดการด้านเอดส์ในสถานที่ทำงาน

ภายใต้แนวคิดองค์กร “ดูแล ห่วงใย ใส่ใจป้องกันเอดส์ในที่ทำงาน” นำหลักการ U=U (Undetectable = Untransmittable) หรือ ตรวจไม่พบเชื้อ = ไม่ถ่ายทอดเชื้อ ส่งเสริมให้ผู้มีเชื้อเอชไอวีคงอยู่ในระบบการรักษา ถือเป็นมาตรการสำคัญที่นำมาใช้ในการขับเคลื่อนการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการฯ และเร่งสื่อสารสร้างความตระหนัก และความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับหลักการ U=U เพื่อลดการตีตรา และการเลือกปฏิบัติอันเนื่องมาจากเอชไอวี และเพศสภาพทุกรูปแบบ

ทั้งนี้ จากการคาดประมาณสถานการณ์เอชไอวีในประเทศไทย พบว่า ปี 2564 มีผู้ติดเชื้อเอชไอวี จำนวน 520,345 คน และมีผู้ติดเชื้อที่รู้สถานะ จำนวน 491,017 คน สอดคล้องกับผลการเฝ้าระวังพฤติกรรมที่สัมพันธ์กับการติดเชื้อเอชไอวีในกลุ่มนักเรียน กองระบาด พ.ศ. 2562 พบว่า มีอัตราการใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งในนักเรียน ยังคงต่ำกว่าเป้าหมาย ซึ่งเป็นความเสี่ยงที่ทำให้ติดเชื้อเอชไอวี และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ รวมถึงยังมีบางส่วนที่ไม่ทราบสถานะการติดเชื้อของตนเอง

เนื่องจากส่วนใหญ่ผู้ติดเชื้อเอชไอวีในระยะแรก ไม่แสดงอาการ จะทราบได้ก็ต่อเมื่อได้ตรวจหาการติดเชื้อเอชไอวีเท่านั้น ปัจจุบันเทคโนโลยีการตรวจรักษาการติดเชื้อเอชไอวีก้าวหน้ามากขึ้น โดยมีการตรวจแบบทราบผลในวันเดียว (same day result) และการตรวจหาการติดเชื้อเอชไอวีด้วยตนเอง (HIV self test) ส่งผลให้การเข้าถึงการตรวจคัดกรองหาการติดเชื้อเอชไอวีมากขึ้น

และเมื่อผู้ติดเชื้อรู้สถานะการติดเชื้อของตนเองเร็ว แล้วเข้าสู่ระบบการรักษาได้เร็ว กินยาอย่างต่อเนื่อง สามารถกดปริมาณเชื้อไวรัสลดลงได้จนตรวจไม่พบเชื้อ ทำให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และอีกทางเลือกหนึ่งในการป้องกันเชื้อเอชไอวี และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ด้วยการใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์

ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง คืออะไร?

ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง (HIV Self Test) คือ ชุดเครื่องมือที่ทางการแพทย์ที่ได้ออกแบบมาอย่างเหมาะสม เพื่อให้ผู้ที่ต้องการทราบสถานะ ได้สามารถตรวจด้วยตัวเองอย่างสะดวกรวดเร็ว เหมาะสำหรับผู้ที่ผ่านความเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวี แต่ไม่ต้องการ หรือไม่สะดวกในการเข้ารับการตรวจคัดกรองยังสถานพยาบาล

เนื่องจากต้องการความเป็นส่วนตัวมากกว่า ซึ่งชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเองได้มีการพัฒนาขึ้นโดยมีจุดประสงค์ให้ผู้คนทั่วไปสามารถเข้าถึงการตรวจเอชไอวีได้ง่ายมากยิ่งขึ้น โดยชุดตรวจที่มีประสิทธิภาพจะต้องได้รับการรับรองจากองค์กรระดับสากลอย่างถูกต้อง

ข้อดี และประโยชน์ ของชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง

  • ใช้งานง่าย และมีความปลอดภัย
  • สามารถเข้าถึงชุดตรวจได้ง่าย และสะดวก
  • ลดความกังวล และความเครียดต่อความเสี่ยงที่ได้รับ
  • มีความเป็นส่วนตัวสูง ไม่ต้องแสดงข้อมูลส่วนตัวก่อนการตรวจ
  • มีความแม่นยำ และประสิทธิภาพเทียบเท่าการตรวจคัดกรองในสถานพยาบาล
  • ช่วยให้ทราบสถานะได้ทันที โดยไม่ต้องรอให้แสดงอาการ
  • ช่วยให้รับการรักษาได้อย่างทันทีท่วงที อาการไม่ลุกลามเข้าสู่ขั้นรุนแรง
  • สามารถป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี และสร้างการตระหนักรู้มากยิ่งขึ้น
  • สามารถวางแผนการใช้ชีวิตคู่ได้อย่างเหมาะสม
  • สามารถวางแผนป้องกันการติดเชื้อไปสู่ลูกได้

ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง ใช้งานอย่างไร ?

ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเองในปัจจุบันที่ผ่าน อย. มีอยู่ด้วยกัน 2 แบบ โดยวิธีการใช้งานจะแตกต่างกันออกไป

ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง (เจาะเลือด)

เป็นรูปแบบการตรวจเอชไอวีเบื้องต้นที่สามารถทำได้เอง โดยการตรวจคัดกรองจากเลือด หรือส่วนประกอบของเลือด ซึ่งผู้ตรวจจะต้องศึกษาการใช้งานชุดตรวจอย่างละเอียดผ่านเอกสารที่แนบมาภายในชุดตรวจ ทั้งนี้ข้อควรระวังสำหรับชุดตรวจนี้คือใช้ได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น กรณีที่ชุดตรวจเอชไอวีมีสภาพไม่สมบูรณ์ห้ามใช้ชุดตรวจนั้นๆ เด็ดขาด ที่สำคัญคือการตรวจด้วยชุดตรวจนี้เป็นการตรวจเบื้องต้นเท่านั้น หากทราบผลว่าติดเชื้อผู้ตรวจต้องเข้ารับการตรวจยืนยันจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอีกครั้ง

ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง (น้ำลาย)

เป็นรูปแบบการตรวจเอชไอวีเบื้องต้นที่สามารถทำได้เอง โดยการตรวจคัดกรองจากน้ำลาย หรือของเหลวในช่องปาก ซึ่งผู้ตรวจจะต้องทำความเข้าใจ และทราบขั้นตอนการตรวจอย่างครบถ้วนก่อน เพื่อกระบวนการตรวจที่แม่นยำ และผลที่แน่ชัดมากที่สุด ทั้งนี้ข้อควรระวังไม่แตกต่างจากชุดตรวจด้วยการเจาะเลือดเท่าไหร่นัก จำกัดเพียงว่าจะต้องใช้ของเหลวจากช่องปากในตำแหน่งที่เจาะจงไว้ในคำแนะนำเท่านั้น สิ่งสำคัญคือไม่ควรทำความสะอาดช่องปากอย่างน้อย 30 นาทีก่อนการตรวจ

ขอบคุณข้อมูลจาก : pr.moph.go.th/?url=pr/detail/2/04/175171/

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า