การตรวจเอชไอวี หรือตรวจเอดส์ ทำให้เราทราบถึงสถานะของตัวเอง และเป็นที่ทราบกับดีอยู่แล้วว่า “โรคเอดส์” มีสาเหตุมาจากการติดเชื้อไวรัสเอชไอวี (HIV) ซึ่งเป็นต้นเหตุทำให้ภูมิคุ้มกันในร่างกายผู้ติดเชื้อถูกทำลาย จนส่งผลให้ร่างกายอ่อนแอ และเสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคต่างๆ ได้ง่ายมากขึ้น ดังนั้นนอกจากการหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง และการใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์แล้ว
อีกหนึ่งวิธีการป้องกันที่มีประสิทธิภาพไม่แพ้กัน นั่นก็คือการ ตรวจเอชไอวี หรือ ตรวจเอดส์ เพราะวิธีนี้จะช่วยให้ผู้ที่มีภาวะเสี่ยงทราบว่าตนติดเชื้อเอชไอวี หรือไม่ หากตรวจพบว่าติดเชื้อจะได้ทำการรักษาได้อย่างทันท่วงที เพื่อลดโอกาสในการลุกลามจนกลายเป็นระยะของโรคเอดส์ได้ รวมถึงช่วยลดการแพร่กระจายของเชื้อ HIV ต่อคู่นอน และผู้อื่นได้อีกด้วย
การตรวจเอชไอวี หรือตรวจเอดส์ มีกี่ประเภท
วิธีการตรวจเอชไอวี หรือโรคเอดส์ สามารถทำได้ทั้งหมด 3 วิธี ดังนี้
- Anti-HIV antibody เป็นการตรวจหาเชื้อไวรัสเอชไอวี โดยการตรวจหาภูมิต้านทาน (Antibody) ต่อเชื้อเอชไอวี จากการตรวจเลือด โดยวินิจฉัยจากการทำงานของระบบภูมิต้านทานภายในเซลล์เม็ดเลือดขาวที่มีการต้านทานต่อเชื้อไวรัส HIV ซึ่งวิธีนี้สามารถตรวจพบเชื้อได้ในระยะเวลา 3 สัปดาห์ ถึง 3 เดือนของการติดเชื้อ
- NAT (Nucleic Acid Testing) เป็นวิธีตรวจหาสารพันธุกรรมของเชื้อไวรัสเอชไอวี ด้วยการตรวจปริมาณของเชื้อ และตรวจการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันภายในร่างกาย ซึ่งวิธีนี้แพทย์มักใช้ในกรณีผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงในการติดเชื้อสูง เนื่องจากเป็นวิธีมีประสิทธิภาพ และรวดเร็ว สามารถตรวจพบเชื้อได้ภายใน 1 – 4 สัปดาห์ของการติดเชื้อเอชไอวีในร่างกาย แต่วิธีนี้มีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูงพอสมควร
- PCR (Polymerase Chain Reaction) เป็นเทคนิคการตรวจหาสารพันธุกรรมในระดับอณูชีวโมเลกุล โดยสามารตรวจได้ในเด็กทารกที่อาจได้รับเชื้อเอชไอวีจากมารดาหลังคลอดตั้งแต่ช่วงอายุ 1 เดือน และใช้ตรวจในผู้ใหญ่หลังจากมีความเสี่ยงติดเชื้อ 14 วันขึ้นไป ซึ่งเป็นวิธีการตรวจหาเชื้อ HIV ที่ทำให้การวินิจฉัยโรคเพื่อทำการรักษาเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
การตรวจเอชไอวีด้วยตัวเอง
ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง (HIV Self Test) คือ ชุดตรวจเอชไอวีที่ได้พัฒนาขึ้นเพื่อใช้ในการตรวจคัดกรองการติดเชื้อเอชไอวีเบื้องต้น ซึ่งได้รับการทดสอบ และปรับปรุงจนได้เป็นเครื่องมือที่มีความแม่นยำ สามารถใช้งานได้สะดวกง่ายดาย รวมไปถึงมีความปลอดภัยต่อผู้ตรวจ และเป็นขยะที่สามารถทิ้งได้อย่างปลอดภัยด้วยเช่นเดียวกัน ปัจจุบันมีเพียง ยี่ห้อเดียวที่ได้รับอนุญาติจาก คณะกรรมการอาหาร และยาของประเทศไทย คือชุดตรวจ INSTi อินสติ
เปรียบเทียบการตรวจเอชไอวีด้วยตัวเอง และตรวจ ณ สถานบริการ
ข้อแตกต่าง | ตรวจโดยหน่วยบริการ | ตรวจเอชไอวีด้วยตัวเอง |
---|---|---|
การให้คำปรึกษา | จะมีผู้ให้คำปรึกษา | ต้องอ่านคู่มือเอง |
ราคา | แล้วแต่สถานบริการ ฟรี หากเป็นของรัฐ -1000 | 500-700 |
ความลับ | จะมีเจ้าหน้าที่แจ้งผล | สามารถทราบผลด้วยตัวเอง |
เวลา | ต้องรอคิว และการให้คำปรึกษา และรอผล | สามารถทราบผลได้ทันที |
ความสะดวก | ค้นหาศูนย์บริการ | สามารถซื้อได้จากร้านขายยา และ Online |
การทดสอบ | โดยทีมทางการแพทย์ | สามารถทำเองได้ |
สามารถรับการตรวจเอชไอวีได้ที่ไหนบ้าง?
สำหรับผู้ที่คิดว่าตนเองมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสเอชไอวี และต้องการเข้ารับการตรวจ สามารถเข้ารับการตรวจได้ฟรีที่โรงพยาบาลรัฐ หรือสถานพยาบาลภายใต้ระบบประกันสุขภาพ จำนวน 2 ครั้ง/ปี รวมถึงสามารถเข้ารับการตรวจจากโรงพยาบาลเอกชน ศูนย์สุขภาพ แล็ปตรวจโรค คลินิกพิเศษ และคลีนิคนิรนามตามจังหวัดต่างๆ ได้ตามความสะดวก ซึ่งผู้ที่ต้องการตรวจควรสอบถามรายละเอียด เงื่อนไข ค่าใช้จ่าย เอกสารต่างๆ เพื่อความสะดวกรวดเร็วก่อนเข้ารับบริการ หรือเข้าที่เว็บ hivthai.org
ประโยชน์ของการตรวจเอชไอวี และเอดส์
- ป้องกันการติดเชื้อ และการแพร่เชื้อเอชไอวี
- กรณีตรวจพบเชื้อเอชไอวี สามารถรับการรักษาได้ทันท่วงที
- ป้องกันการพัฒนาของเชื้อเอชไอวีเข้าสู่ระยะโรคเอดส์
- ลดโอกาสการในติดเชื้อแทรกซ้อนอื่นๆ
- สามารถวางแผนชีวิตคู่ และวางแผนการมีบุตรได้ดียิ่งขึ้น
- สามารถดำเนินชีวิตคู่ในกรณีที่คู่รักติดเชื้อได้อย่างเข้าใจ
- คลายความกังวลใจของผู้ที่คิดว่าตนมีความเสี่ยงติดเชื้อ
บทความเกี่ยวกับการตรวจเอชไอวี
ค่าใช้จ่ายในการตรวจเอชไอวี และตรวจเอดส์ราคาเท่าไหร่?
ราคาค่าบริการตรวจหาเชื้อเอชไอวีในปัจจุบันนั้น สามารถเข้ารับการตรวจฟรีในโรงพยาบาลรัฐ หรือสถานพยาบาลภายใต้ระบบประกันสุขภาพ หรือโรงพยาบาลเอกชน ศูนย์สุขภาพ แล็ปตรวจโรค คลินิกพิเศษ รวมถึงคลีนิคนิรนามตามจังหวัดต่างๆ โดยราคาในการตรวจจะเริ่มตั้งแต่ 200 – 1,500 บาท ทั้งนี้ควรสอบถามสถานพยาบาลนั้นๆ เพื่อรับคำแนะนำที่ถูกต้องก่อนเข้ารับบริการ
ผลตรวจเอชไอวี “ผลบวก ผลลบ” หมายความว่าอย่างไร?
- ผลตรวจเอชไอวี : HIV Negative หรือ ผลลบ หมายถึง ผู้รับการตรวจไม่ติดเชื้อเอชไอวี
- ผลตรวจเอชไอวี : HIV Positive หรือ ผลบวก หมายถึง ผู้รับการตรวจติดเชื้อเอชไอวี
เมื่อไหร่ควรตรวจเอชไอวี
การตรวจแต่ละวิธีจะมีระยะวินโดว์ (window period ) หรือระยะเวลาที่ตรวจยังไม่พบเชื้อต่างกันไปไม่เหมือนกัน และต้องขึ้นกับความเร็วของชุดตรวจนั้นด้วย ปัจจุบัน ถ้าชุดตรวจรุ่นที่ 1 Gen1 และรุ่นที่ 2 Gen2 ที่ใช้ตรวจในยุคก่อนซึ่งจะใช้นำยาที่ตรวจหาภูมิคุ้มกันที่ร่างกายสร้างขึ้นเฉพาะเชื้อเอชไอวี ซึ่งร่างกายจะสร้างภูมิคุ้มกันนี้ได้หลังจากมีเชื้อเข้าไปในร่างกายแล้วกว่า 1 เดือน ซึ่งถือว่านานมาก และปัจจุบันไม่ค่อยนำมาใช้ จึงสามารถตรวจพบว่าติดเชื้อได้หลังจากรับเชื้อแล้วมากกว่า 1 เดือน
ในปัจจุบัน มีการพัฒนาชุดตรวจที่สามารถตรวจภูมิคุ้มกันที่ร่างกายสร้างได้เร็ว มากกขึ้น เช่นรุ่นที่ 3 Gen3 สามารถตรวจได้ภายใน 1 เดือน และรุ่นที่ 4 Gen4 สามารถตรวจได้หลังจากรับเชื้อประมาณ 3 สัปดาห์ และหากใช้วิธีการตรวจที่หาสารพันธุกรรมจากเชื้อเอชไอวีโดยตรงจะมารถตรวจพบได้ภายหลังจากการรับเชื้อประมาณ 3 สัปดาห์ และหากใช้วิธีการตรวจที่หาสารพันธุกรรมจากเชื้อเอชไอวีโดยตรง จะสามารถตรวจพบได้ภายหลังรับเชื้อ 2 สัปดาห์
ตรวจเอชไอวีที่ไหน
- คลินิกนิรนาม ของสภากาชาดไทย
- คลินิกพิเศษ ฟ้าสีรุ้ง ซอยรามคำแหง 87
- โรงพยาบาลรัฐทั่วไป
- ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตัวเอง thailandhivtest.com
- ตรวจฟรีที่ศูนย์ ดรอปอินในบางจังหวัด
- ขั้นตอน การตรวจเอชไอวีฟรี เพียงพกบัตรประชาชน โดยไม่ต้องอดข้าว อดน้ำ สามารถตรวจได้ฟรีปีละ 2 ครั้ง อย่างไรก็ตาม หากไม่แน่ใจ ว่าโรงพยาบาลใด สามารถ ตรวจเอชไอวีฟรี ได้บ้าง แนะนำ ให้ท่านโทรสอบถาม รายละเอียด ได้ล่วงหน้า
- สามารถจองตรวจฟรีได้ทั่วประเทศที่ love2test.org
สรุป
ประเด็นสำคัญ คือ ผู้รับการตรวจเอชไอวีควรประเมินความเสี่ยงครั้งล่าสุดให้ถูกต้อง และแม่นยำมากที่สุด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการวินิจฉัยได้ดียิ่งขึ้น
แหล่งข้อมูลอ้างอิงเกี่ยวกับการตรวจเอชไอวี
- สมาคมโรคเอดส์แห่งประเทศไทย แนวทางการตรวจวินิจฉัยรักษา และป้องกันการติดเชื้อเอสไอวีแห่งประเทศไทยปี 2563 จาก thaiaidssociety.org
- การติดเชื้อเอชไอวี และโรคเอดส์กับแนวทางการรักษาในปัจจุบัน med.mahidol.ac.th