หนองใน (Gonorrhea) อันตรายหรือไม่?
โรคหนองใน หรือ หนองในแท้ (Gonorrhea) คือ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่พบได้มากถึง 50% ถือได้ว่าเป็นอันดับต้นๆ ของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์หลายๆชนิด หนองในมีหลายชนิด เช่นหนองในแท้ หนองในเทียม มีสาเหตุเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย Neisseria Gonorrhoeae หนองในสามารถเกิดได้ทั้งหนองในผู้ชาย และหนองในผู้หญิง โดยการติดต่อจากบุคคลสู่อีกบุคคลจากการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่สวมถุงยางอนามัย หรือการสัมผัสสารคัดหลั่งจากร่างกายของผู้ที่มีเชื้อหนองใน ซึ่งการติดเชื้อหนองในส่วนใหญ่จะพบที่บริเวณอวัยวะเพศ ทวารหนัก ลำคอ และเยื่อบุตา เป็นต้น

Table of contents
- หนองใน (Gonorrhea) มีทั้งหมด กี่ประเภท
- หนองในมีอาการอย่างไร?
- ภาวะแทรกซ้อนของโรคหนองใน
- ใครบ้างที่เสี่ยงติดโรคหนองใน
- วิธีการป้องกันและลดความเสี่ยงการติดหนองใน
- วิธีการรักษาโรคหนองใน (Gonorrhea)
- ดูแลตัวเองอย่างไรเมื่อเป็นโรคหนองใน?
- รักษาโรคหนองในที่ไหนดี?
- ราคารักษาหนองในเท่าไหร่
- ถามตอบเกี่ยวกับหนองใน
- บทความเกียวกับหนองใน (Gonorrhea)
หนองใน (Gonorrhea) มีทั้งหมด กี่ประเภท
โรคหนองในสามารถแบ่งออกได้ 2 ประเภท คือ โรคหนองในแท้ และ โรคหนองในเทียม
- หนองในแท้ (Gonorrhoea) โรคหนองในที่สามารถพบได้ทั้งเพศชาย เพศหญิง และทารกแรกเกิด เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่ชื่อว่า Neisseria gonorrhoeae โดยเชื้อหนองในประเภทนี้จะมีระยะการฟักตัวของเชื้อแบคทีเรียประมาณ 1-10 วัน
- หนองในเทียม (Non Gonococcal Urethritis) โรคหนองในเทียมมีอาการคล้ายกับโรคหนองในแท้ แต่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่ชื่อว่า Chlamydia trachomatis โดยเชื้อหนองในประเภทนี้จะไม่ค่อยแสดงอาการที่ชัดเจน และมีระยะการฟักตัวของเชื้อแบคทีเรียนานกว่า 10 วันขึ้นไป
หนองในมีอาการอย่างไร?
หนองในส่วนใหญ่จะแสดงอาการหลังจากได้รับเชื้อประมาณ 2 สัปดาห์ ในผู้ป่วยบางรายอาจไม่แสดงอาการที่ชัดเจน และจะมีอาการที่เห็นได้ชัดเมื่อเวลาผ่านไปตั้งแต่ 1 เดือนขึ้นไป ซึ่งจากสถิติพบว่าผู้ป่วยเพศหญิงร้อยละ 50 และเพศชายร้อยละ 10 มักจะไม่แสดงอาการของโรค ทำให้ผู้ป่วยไม่รู้ตัวจึงไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง โดยการติดเชื้อหนองในที่บริเวณอวัยวะเพศของทั้งหญิงและชายจะมีอาการที่แตกต่างกัน ดังนี้
อาการของโรคหนองในที่ทั้งเพศชายและเพศหญิงจะมีอาการคล้ายกัน หากติดเชื้อบริเวณทวารหนัก ในช่องคอ ดวงตา หรือข้อต่อ จะแสดงอาการแตกต่างกันไปตามบริเวณที่ติดเชื้อ ดังนี้
- หนองในบริเวณทวารหนัก : มีอาการรู้สึกปวดหรือเจ็บ อาจมีของเหลวขับออกมาบริเวณทวารหนัก
- หนองในบริเวณลำคอ : มีอาการเจ็บคอ ต่อมน้ำเหลืองโต
- หนองในบริเวณดวงตา : มีอาการระคายเคืองที่ดวงตา ตาบวม มีของเหลวไหลออกจากดวงตา
- หนองในบริเวณข้อต่อ : บวมแดง รู้สึกปวดขณะเคลื่อนไหวบริเวณข้อต่อที่ติดเชื้อ
อาการหนองในผู้ชาย
- ขณะปัสสาวะมีอาการแสบขัด
- หลังจากมีเพศสัมพันธ์จะมีหนองเหลืองหรือเขียวไหลออกจากปลายอวัยวะเพศ
- ถุงอัณฑะบวม
- ปลายหนังหุ้มอวัยวะเพศอักเสบ
- ปวด ฟกช้ำ บริเวณลูกอัณฑะข้างใดข้างหนึ่ง
- หนองในที่ลำคอมักจะไม่แสดงอาการชัดเจน
- มีของเหลวออกจากทวารหนัก
อาการหนองในผู้หญิง
- ช่วงมีประจำเดือนจะเสี่ยงเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงมากกว่าชาย
- ขณะปัสสาวะมีอาการแสบขัด
- มีของเหลวออกจากช่องคลอดมากผิดปกติ
- ประจำเดือนมาไม่ปกติ
- มีอาการปวดบริเวณอุ้งเชิงกรานในขณะมีเพศสัมพันธ์
- ตกขาว สีเหลือง หรือสีเขียวผิดปกติ
- ช่วงที่ไม่มีประจำเดือนมักมีเลือดออกจากช่องคลอด

สรุปอาการหนองในผู้หญิงและหนองในผู้ชาย
หนองในผู้ชาย | หนองในผู้หญิง |
---|---|
รู้สึกแสบร้อนเมื่อถ่ายปัสสาวะ | ตกขาว |
สีขาวสีเหลืองหรือสีเขียวออกจากอวัยวะเพศ | เจ็บปวดหรือแสบร้อนเมื่อถ่ายปัสสาวะ |
ลูกอัณฑะที่เจ็บปวดหรือบวม | มีเลือดออกทางช่องคลอดระหว่างช่วงเวลา |
ภาวะแทรกซ้อนของโรคหนองใน
พบว่าโรคนี้มีอาการแทรกซ้อน เช่น การเกิดฝีบริเวณอวัยวะเพศ ลูกอัณฑะอักเสบ ในผู้ชาย และสวนผู้หญิงจะพบว่าปากมดลูกอักเสบ มีหนองที่ปากมดลูก นอกจากนี้ยังมีการติดเชื้อบริเวณปีกมดลูกและรังไข่ การพบภาวะแทรกซ้อนในการตั้งครรภ์
นอกจากนี้ยังพบว่าบางคนยังมีการอื่น ๆ ที่พบบ่อยคือ การติดเชื้อบริเวณข้อ การอักเสบของเอ็นรอบข้อ ผิวหนังอักเสบ การติดเชื้อที่ลิ้นหัวใจ และเยื่อหุ้มสมองอักเสบ เป็นต้น
ใครบ้างที่เสี่ยงติดโรคหนองใน
ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดการติดเชื้อหนองใน คือ การสัมผัสของเหลวในร่างกายของผู้มีเชื้อหนองใน เช่น เยื่อบุช่องคลอด องคชาต ทวารหนัก ช่องปาก ดวงตา ในช่องคอ รวมถึงอาจติดได้จากมารดาสู่ทารกในระหว่างการคลอดได้ ซึ่งปัจจัยหลักๆที่ทำให้เสี่ยงการติดเชื้อโรคหนองในคือ ผู้ที่ไม่มีสวมถุงยางอนามัยขณะมีเพศสัมพันธ์ ผู้ที่เคยติดเชื้อหนองในหรือเคยติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆมาก่อน ผู้ที่เปลี่ยนคู่นอนบ่อย และผู้ที่ติดยาเสพติด

วิธีการป้องกันและลดความเสี่ยงการติดหนองใน
- สวมถุงยางอนามัยในการมีเพศสัมพันธ์ทุกครั้ง
- หลีกเลี่ยงการเปลี่ยนคู่นอนบ่อย
- หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์กับคู่นอนที่ไม่รู้จัก
- งดการใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกับผู้ป่วยโรคหนองใน
- หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ป่วยโรคหนองใน หรือ ผู้ที่เคยเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ
- ตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เป็นประจำอย่างน้อย 1 ครั้ง/ปี
วิธีการรักษาโรคหนองใน (Gonorrhea)
หากมีอาการผิดปกติคล้ายอาการของโรคหนองในตามที่กล่าวมาข้างต้น ควรรีบปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับการรักษาอย่างถูกต้อง ผู้ป่วยควรให้คู่นอนมาพบแพทย์เพื่อรับการตรวจรักษาด้วยเช่นกัน เนื่องจากโรคหนองในสามารถติดต่อได้ทางเพศสัมพันธ์ คู่นอนอาจมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อหรือเป็นผู้แพร่เชื้อ ซึ่งอาจส่งผลให้ผู้ป่วยกลับมาเป็นหนองในซ้ำได้อีกครั้ง
แพทย์จะทำการรักษาโดยการใช้ยาปฏิชีวนะชนิดฉีดเพื่อลดการติดเชื้อ และตามด้วยการทานยาปฏิชีวนะแบบเม็ด ผู้ป่วยจะมีอาการดีขึ้นภายใน 2 – 3 วัน และในส่วนของอาการปวดบริเวณเชิงกรานหรือลูกอัณฑะอาจใช้เวลานานกว่า 2 สัปดาห์ ซึ่งในระหว่างรับการรักษาผู้ควรพบแพทย์ตามการนัดหมายอย่างเคร่งครัด เพื่อให้มั่นใจว่าเชื้อแบคทีเรียนั้นลดลงและไม่หลงเหลือในร่างกาย ในกรณีทารกแรกเกิดที่ได้รับเชื้อหนองจากมารดาแพทย์จะให้ยาหยอดตากับเด็กที่คลอดออกมาทันทีเพื่อเป็นการป้องกันการติดเชื้ออย่างทันทวงที หากเด็กมีอาการติดเชื้อรุนแรงมากขึ้นแพทย์จำเป็นต้องทำการรักษาด้วยปฏิชีวนะที่ปลอดภัยเพื่อป้องกันการสูญเสียการมองเห็นและลดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆได้

ดูแลตัวเองอย่างไรเมื่อเป็นโรคหนองใน?
- พาคู่นอนเข้ารับรักษาร่วมด้วยเพื่อป้องกันการเกิดซ้ำได้
- งดการมีเพศสัมพันธ์ในระหว่างการรักษาเป็นเวลา 2-4 สัปดาห์
- ควรรับการรักษาทุกกรณีไม่ว่าจะมีอาการรุนแรงหรือไม่ เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อและป้องกันภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ที่อาจเป็นอันตรายต่อชีวิต
- กรณีที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ได้ จะต้องสวมถุงยางอนามัยเพื่อป้องกัน
- งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ระหว่างการรักษาหนองใน
- หากอาการยังไม่ดีขึ้น มีอาการคล้ายแพ้ยา หรือ มีอาการลุกลามเพิ่มมากขึ้นอาจ ควรรีบปรึกษาแพทย์โดยเร็วเพื่อวินิจฉัยซ้ำอีกครั้ง
- ควรเข้าพบแพทย์ตามกำหนดนัดทุกครั้งอย่างเคร่งครัด
รักษาโรคหนองในที่ไหนดี?
หากมีอาการคล้ายโรคหนองในและต้องการตรวจเพื่อการวินิจฉัยจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ สามารถรับการรักษาโดยการใช้สิทธิประกันสุขภาพถ้วนหน้าและสิทธิประกันสังคมได้ จากทั้งสถานพยาบาลของรัฐและเอกชน หรือ คลินิกเฉพาะทางเกี่ยวกับโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ตามจังหวัดต่างๆ ซึ่งค่าใช้จ่ายในการรักษาหนองในจะขึ้นอยู่กับสิทธิการรักษา เช่น ประกันสุขภาพถ้วนหรือประกันสังคม โดยอาจไม่เสียค่าใช้จ่าย หรือจ่ายเพียง 30 บาทเท่านั้น ทั้งนี้อาจมีค่าใช้จ่ายอื่นๆขึ้นอยู่กับอาการของโรคในแต่ละบุคคลด้วยเช่นกัน ดังนั้นควรสอบถามสถานพยาบาลโดยตรงเพื่อให้ทราบรายละเอียดค่ารักษาที่ชัดเจน
ราคารักษาหนองในเท่าไหร่
ค่ารักษาหนองใน หากคนไทยใช้สิทธิประกันสุขภาพถ้วนหรือประกันสังคมไม่เสียค่าใช้จ่าย บางคนใช้สิทธิบัตรทอง 30 บาทเ ทั้งนี้อาจมีค่าใช้จ่ายอื่นๆขึ้นอยู่กับอาการของโรคในแต่ละบุคคลด้วยเช่นกัน ส่วนใครที่รักษากับคลินิคเอกชน หรือโรงพยาลาบ ราคาเริ่มต้นที่ 500 บาท แนะนำโทรปรึกษาก่อนเพราะจะได้ทราบถึงค่าใช้จ่าย
สามารถค้นหาสถานที่ตรวจหนองในและรักษาหนองในได้ที่ http://love2test.org

ถามตอบเกี่ยวกับหนองใน
- หนองในรักษาหายหรือไม่
- เมื่อพบว่าตัวเองมีอาการผิดปกติ ให้ทำการพบแพทย์เพื่อรับคำปรึกษาและรับการรักษา แพทย์อาจจะให้ยาทาน ยาทา หรือฉีดยา แล้วแต่คนไข้ โดยแผนการรักษาไม่เหมือนกัน และการรักษาหนองในมีการรักษาหาย แต่หนองในสามารถกลับมาเป็นซ้ำได้อีกหากไม่ได้ป้องกัน
- หนองในรักษาอย่างไร
- การรักษาหนองใน ปัจจุบันอยู่ที่การวินิจฉัยของแพทย์ บางคนหมอให้ทานยา บางคนก็มีการฉีดยาและใช้ยาทาควบคู่ไปด้วย แนะนำการรักษาต้องปรึกษาแพทย์ ไม่ควรซื้อยาทานเอง
- เป็นหนองในเป็นเอดส์ไหม
- หนองในเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์หนึ่ง สามารถรักษาได้ ดังนั้นการเป็นหนองในไม่จำเป็นว่าเราได้รับเชื้อเอชไอวี หรือเราเป็นเอดส์ ดังนั้นเพื่อให้เกิดความสบายใจ แนะนำให้ทำการตรวจเอชไอวี ทุกครั้งเมื่อพบว่าตัวเองถูกวินิจฉัยว่าเป็นหนองใน
- รักษาหนองในที่ไหนดีที่สุด
- สำหรับสถานที่รักษาหนองใน สามารถเลือกสถานบริการที่มีแพทย์ให้คำปรึกษาและจ่ายยา ไม่ควรซื้อยาทานเอง หรือสั่งยาออนไลน์เพื่อรักษาเอง
บทความเกียวกับหนองใน (Gonorrhea)
- อาการของโรคหนองใน
- หนองใน อาการ สาเหตุ และการรักษา
- หนองในเทียม โรคติดต่อทางเพศที่ต้องระวัง
- Safe Sex (การมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย)