การ ทานยาเพร็พ (PrEP) ถือเป็นหนึ่งในนวัตกรรมด้านการป้องกันเอชไอวีที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพสูงที่สุดในปัจจุบัน หลักการง่าย ๆ คือ หากร่างกายของคุณมีระดับยาเพร็พเพียงพออยู่ตลอดเวลา ก็จะช่วยลดโอกาสในการติดเชื้อเอชไอวีได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่มีคู่นอนหลายคน ผู้ที่มีคู่รักซึ่งเป็นผู้ติดเชื้อเอชไอวี หรือแม้แต่คนที่ต้องการความมั่นใจและความปลอดภัยในการมีเพศสัมพันธ์ทุกครั้ง
แม้ว่าแนวคิดเรื่องการทานยาเพร็พอาจฟังดูซับซ้อนสำหรับมือใหม่ แต่ความจริงแล้วการเริ่มต้นนั้นไม่ยากอย่างที่คิด หากเข้าใจวิธีการที่ถูกต้อง บทความนี้จะทำหน้าที่เป็น คู่มือสำหรับผู้เริ่มต้น ที่อยากรู้ว่าควรทานยาเพร็พอย่างไรให้ปลอดภัย ได้ผลจริง และตอบทุกข้อสงสัยที่หลายคนกังวล ไม่ว่าจะเป็นวิธีเริ่มต้น ผลข้างเคียง การตรวจสุขภาพ หรือแม้แต่ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับเพร็พ ถ้าคุณกำลังมองหาคำตอบว่า “ควรเริ่มทานยาเพร็พหรือยัง?” หรือ “ทานยาเพร็พแล้วต้องดูแลตัวเองแบบไหน?” บทความนี้จะช่วยไขข้อข้องใจทั้งหมด เพื่อให้คุณมั่นใจได้ว่าทุกก้าวของการป้องกันเริ่มต้นขึ้นได้อย่างปลอดภัยและชาญฉลาด
ทำไมการ ทานยาเพร็พ จึงเป็นกุญแจสำคัญในการหยุดเชื้อ
เพร็พ (PrEP) ถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุดในปัจจุบันสำหรับการป้องกันเอชไอวี เหตุผลที่มันถูกเรียกว่า “กุญแจสำคัญ” ไม่ได้เป็นเพียงเพราะผลการวิจัยยืนยันว่าลดความเสี่ยงติดเชื้อได้มากกว่า 90% เท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะเพร็พช่วยปิดช่องว่างของวิธีป้องกันแบบเดิมที่อาจมีข้อจำกัดอยู่บ้าง

- ลดโอกาสติดเชื้อในกลุ่มเสี่ยงสูง
- ไม่ว่าจะเป็นกลุ่ม MSM (ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย), คู่รักผลเลือดต่าง, ผู้ที่มีคู่นอนหลายคน หรือผู้ที่ไม่สามารถใช้ถุงยางอนามัยได้สม่ำเสมอ การทานยาเพร็พช่วยลดความเสี่ยงติดเชื้อเอชไอวีได้อย่างมีนัยสำคัญ จึงเป็นเหมือน “เกราะเสริม” ที่ทำให้การป้องกันแน่นหนายิ่งขึ้น
- เติมเต็มข้อจำกัดของวิธีป้องกันอื่น
- ถุงยางอนามัยยังคงเป็นอาวุธสำคัญ แต่ในชีวิตจริงอาจมีเหตุการณ์ที่ถุงยางขาด หลุด หรือไม่ได้ถูกหยิบมาใช้ทุกครั้ง การมีเพร็พร่วมด้วยทำให้มั่นใจได้มากกว่า และลดความเสี่ยงที่เกิดจากความผิดพลาดโดยไม่ตั้งใจ
- สร้างความมั่นใจทางจิตใจ
- หลายคนที่เริ่มทานเพร็พบอกเหมือนกันว่า “ชีวิตเปลี่ยนไป” เพราะไม่ต้องกังวลหรืออยู่กับความกลัวหลังมีเพศสัมพันธ์เหมือนเดิม ความมั่นใจทางจิตใจนี้ทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น และยังช่วยลดความรู้สึกผิดหรือความเครียดที่มากับเรื่องเซ็กส์ได้ด้วย
- ป้องกันเชิงรุก และช่วยลดการแพร่เชื้อในสังคม
- การทานยาเพร็พไม่ได้ปกป้องเพียงตัวคุณ แต่ยังมีผลต่อการลดการแพร่เชื้อเอชไอวีในระดับสังคม ยิ่งมีคนใช้เพร็พมากเท่าไร จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ก็จะลดลงเรื่อย ๆ ซึ่งนี่คือกลไกสำคัญที่ช่วยให้โลกเข้าใกล้เป้าหมาย “End AIDS Epidemic”
- เปิดทางสู่อนาคตการป้องกันที่ง่ายขึ้น
- นอกจากยาเพร็พแบบกินทุกวัน ปัจจุบันยังมีการพัฒนา PrEP แบบฉีด ทุก 2 เดือน หรือแม้แต่ Lenacapavir ที่อาจใช้เพียงปีละ 2 ครั้ง หากสิ่งเหล่านี้ถูกนำมาใช้จริงในวงกว้าง จะทำให้การป้องกันง่ายขึ้น และยิ่งเร่งการหยุดการแพร่เชื้อเอชไอวีให้เร็วกว่าเดิม
กลุ่มเสี่ยงที่ควรพิจารณา ทานยาเพร็พ
แม้ว่าการทานยาเพร็พ (PrEP) จะไม่ใช่เรื่องที่ทุกคนจำเป็นต้องทำ แต่สำหรับบางกลุ่มแล้ว การใช้เพร็พถือเป็นทางเลือกที่ชาญฉลาดในการป้องกันเอชไอวี โดยเฉพาะผู้ที่มีพฤติกรรมหรือสถานการณ์ที่เสี่ยงต่อการสัมผัสเชื้อโดยไม่ตั้งใจ กลุ่มเหล่านี้ควรพิจารณาเป็นพิเศษ
- ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัยเป็นประจำ ไม่ว่าจะด้วยความไม่สะดวก ความรู้สึกไม่สบายตัว หรือสถานการณ์ที่เกิดขึ้นแบบไม่ทันตั้งตัว การมีเซ็กส์แบบไม่ป้องกัน คือปัจจัยหลักที่เพิ่มความเสี่ยงเอชไอวี การทานเพร็พจึงช่วยเสริมเกราะป้องกันอีกชั้น
- ผู้ที่มีคู่นอนหลายคน ยิ่งมีคู่นอนมาก ความเสี่ยงที่จะเจอกับผู้ที่มีเชื้อเอชไอวีก็ยิ่งสูง การทานยาเพร็พจึงทำหน้าที่เหมือนเกราะป้องกันส่วนตัว ที่ช่วยลดโอกาสติดเชื้อได้อย่างมีนัยสำคัญ
- คู่รักผลเลือดต่าง ในกรณีที่ฝ่ายหนึ่งติดเชื้อเอชไอวีและอีกฝ่ายไม่ติด แม้ผู้ติดเชื้อจะได้รับยาต้านและควบคุมปริมาณไวรัสจนตรวจไม่เจอแล้ว (U=U) แต่การที่อีกฝ่ายทานเพร็พก็ช่วยสร้างความมั่นใจและทำให้ความสัมพันธ์ดำเนินไปได้อย่างมั่นคง
- ผู้ที่มีคู่นอนที่ไม่ทราบสถานะผลเลือด หลายครั้งความสัมพันธ์เกิดขึ้นโดยไม่ได้สอบถามหรือยืนยันผลตรวจเอชไอวีของอีกฝ่าย การทานเพร็พจึงช่วยจัดการกับความเสี่ยง และลดความกังวลในใจได้
- ผู้ที่เคยติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STIs) หากเคยได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคหนองในแท้ ซิฟิลิส เริม หรือหนองในเทียม แสดงว่ามีพฤติกรรมทางเพศที่เสี่ยงสูงอยู่แล้ว ซึ่งทำให้โอกาสติดเชื้อเอชไอวีเพิ่มขึ้นตาม การทานเพร็พจึงเป็นวิธีที่ช่วยลดความเสี่ยงเพิ่มเติม
- ผู้ที่ใช้สารเสพติดหรือแอลกอฮอล์ขณะมีเพศสัมพันธ์ ยาเสพติดและแอลกอฮอล์ส ามารถทำให้การควบคุมสติและการตัดสินใจลดลง ส่งผลให้ลืมหรือไม่ใช้ถุงยางอนามัย การมีเพร็พในร่างกายจึงเป็นตัวช่วยป้องกันที่ปลอดภัยกว่า

วิธีเริ่มต้นทานยาเพร็พอย่างปลอดภัย
การเริ่มต้นทานยาเพร็พ ไม่ได้ซับซ้อนอย่างที่หลายคนคิด แต่การทำให้ปลอดภัยและได้ผลจริงนั้น ต้องอาศัยการเตรียมความพร้อมทั้งร่างกายและพฤติกรรมของผู้ใช้ ซึ่งสามารถแบ่งออกได้เป็นหลายแนวทางดังนี้
✦ ขั้นตอนที่ 1 ตรวจสุขภาพและยืนยันผลเลือดก่อนเริ่ม
ก่อนเริ่มทานยาเพร็พ สิ่งแรกที่ต้องทำคือไปพบแพทย์หรือคลินิกที่มีบริการ PrEP เพื่อตรวจ HIV ให้แน่ใจว่าคุณยังไม่ติดเชื้อ และตรวจสุขภาพโดยรวม เช่น การทำงานของไต การตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STIs) รวมถึงตรวจไวรัสตับอักเสบบี เนื่องจากยาบางชนิดในเพร็พอาจมีผลกับผู้ที่ติดเชื้อไวรัสชนิดนี้อยู่แล้ว การตรวจเบื้องต้นจึงช่วยยืนยันความปลอดภัยก่อนเริ่มใช้
✦ ขั้นตอนที่ 2 เลือกสูตรการทานเพร็พที่เหมาะกับคุณ

เพร็พไม่ได้มีรูปแบบเดียว ผู้ใช้สามารถเลือกวิธีที่ตรงกับพฤติกรรมและความสะดวกของตนเอง เช่น
- Daily PrEP (ทานทุกวัน): เหมาะกับผู้ที่มีเพศสัมพันธ์บ่อย หรือไม่สามารถคาดเดาความเสี่ยงได้แน่นอน การทานทุกวันทำให้มั่นใจได้ว่า มีระดับยาป้องกันในร่างกายอย่างต่อเนื่อง
- On-Demand PrEP (สูตร 2-1-1): ใช้เฉพาะผู้ชายที่มีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก โดยทานยา 2 เม็ดก่อนมีเพศสัมพันธ์ 2–24 ชั่วโมง และอีก 2 ครั้งหลังจากนั้น เหมาะสำหรับคนที่มีความเสี่ยงไม่บ่อย
- Long-Acting Injectable PrEP: ทางเลือกใหม่ที่กำลังแพร่หลาย เช่น Cabotegravir ฉีดทุก 2 เดือน เหมาะกับคนที่มักลืมทานยาเป็นประจำ หรือไม่สะดวกพกยาเม็ดทุกวัน
✦ ขั้นตอนที่ 3 สร้างวินัยและระบบช่วยจำ
ประสิทธิภาพของเพร็พขึ้นอยู่กับ “ความสม่ำเสมอ” หากลืมบ่อย ระดับยาจะลดลงจนป้องกันได้ไม่เต็มที่ ดังนั้นควรสร้างระบบช่วยจำ เช่น ตั้งปลุกในโทรศัพท์ ใช้กล่องแบ่งยา หรือวางยาไว้ใกล้ของใช้ประจำวันอย่างแปรงสีฟันหรือกุญแจ วิธีง่าย ๆ เหล่านี้ช่วยให้ไม่พลาดแม้ในวันที่ยุ่งที่สุด
✦ ขั้นตอนที่ 4 ใช้ร่วมกับการป้องกันอื่น ๆ
แม้การทานยาเพร็พจะป้องกันเอชไอวีได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่เพร็พไม่สามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ เช่น ซิฟิลิส หนองใน เริม หรือ HPV ได้ การใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วย และการตรวจสุขภาพทางเพศเป็นประจำทุก 3–6 เดือน จึงยังเป็นสิ่งสำคัญเพื่อดูแลสุขภาพโดยรวม
✦ ขั้นตอนที่ 5 ตรวจติดตามและพบแพทย์สม่ำเสมอ
การทานยาเพร็พไม่ใช่แค่การกินยาแล้วจบ แต่ควรกลับไปพบแพทย์ทุก 3 เดือน เพื่อ
- ตรวจ HIV ซ้ำ เพื่อยืนยันว่ายังไม่ติดเชื้อ
- ตรวจการทำงานของไตและสุขภาพโดยรวม
- ตรวจคัดกรองโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ
- รับคำปรึกษาเรื่องผลข้างเคียง หรือการปรับเปลี่ยนสูตรการใช้ยา
การติดตามเหล่านี้ทำให้มั่นใจได้ว่าการทานยาเพร็พยังคงปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
✦ ขั้นตอนที่ 6 ดูแลสุขภาพระยะยาวและรู้จักปรับตามสถานการณ์
การทานยาเพร็พจะมีประสิทธิภาพสูงสุดก็ต่อเมื่อผู้ใช้ใส่ใจสุขภาพของตัวเองอย่างต่อเนื่อง เช่น ดื่มน้ำให้เพียงพอ ออกกำลังกาย พักผ่อนพอ และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ หากต้องการหยุดใช้เพร็พก็ไม่ควรตัดสินใจเอง แต่ควรปรึกษาแพทย์ โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคตับอักเสบบีเรื้อรัง เพราะการหยุดยาอย่างกะทันหันอาจกระตุ้นให้โรคกำเริบได้
คำแนะนำในการ ทานยาเพร็พ ให้ได้ผลจริง
หลายคนที่เริ่มทานเพร็พมักเจอปัญหาเหมือนกัน—ลืมยา, ไม่มั่นใจว่าได้ผลจริงไหม, หรือบางครั้งกังวลกับผลข้างเคียงจนหยุดกลางคัน ทั้งหมดนี้สามารถจัดการได้ หากคุณเข้าใจวิธีใช้เพร็พอย่าง “สมาร์ท” มากกว่าการกินตามเวลาเพียงอย่างเดียว
- ผูกยาเข้ากับกิจวัตรประจำวัน: แทนที่จะพยายามจำเวลาใหม่ ๆ ให้ลองทานเพร็พไปพร้อมกับสิ่งที่ทำทุกวัน เช่น หลังแปรงฟันตอนเช้า หรือก่อนนอน วิธีนี้ทำให้ร่างกาย “จดจำ” ว่าต้องทานยาโดยอัตโนมัติ
- ใช้เทคโนโลยีช่วย: ปัจจุบันมีแอปพลิเคชันด้านสุขภาพที่สามารถตั้งเตือนการกินยาได้ หรือจะใช้ไลน์/มือถือธรรมดาก็ตั้งแจ้งเตือนประจำวันไว้ เมื่อเสียงเตือนดัง = ถึงเวลาทานเพร็พ
- พกเม็ดสำรองไว้เสมอ: ชีวิตจริงไม่เหมือนในตำรา บางครั้งคุณอาจค้างบ้านเพื่อน เที่ยวต่างจังหวัด หรือไปปาร์ตี้จนไม่ได้กลับบ้าน การพกเม็ดยาสำรองไว้ในกระเป๋าสตางค์หรือกระเป๋าเล็ก ๆ จะช่วยให้ไม่พลาด
- อย่าลืมคุยกับคู่รัก: ถ้าคุณอยู่ในความสัมพันธ์ การบอกคู่ของคุณว่าคุณกำลังทานเพร็พ อาจช่วยให้ได้รับกำลังใจ และยังสร้างความมั่นใจร่วมกันว่า “เรากำลังป้องกันด้วยกัน”
- ฟังร่างกายและสังเกตผลข้างเคียง: ช่วงแรก ๆ บางคนอาจมีอาการคลื่นไส้ เวียนหัว หรืออ่อนเพลีย ซึ่งมักหายไปเองใน 1–2 สัปดาห์ หากอาการหนักขึ้นควรรีบพบแพทย์ทันที การจดบันทึกอาการไว้ก็ช่วยให้คุณและแพทย์ปรับแผนการใช้ได้ง่ายขึ้น
- ไม่ลืมตรวจติดตาม: แม้คุณจะมั่นใจว่าทานยาตามเวลาเป๊ะ แต่การตรวจ HIV และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ทุก 3 เดือนยังจำเป็น เพราะจะทำให้มั่นใจว่าเพร็พทำงานได้ผล และสุขภาพของคุณปลอดภัยจริง ๆ
รวมข้อสงสัยเกี่ยวกับการ ทานยาเพร็พ
คำถามที่พบบ่อย | คำตอบ |
---|---|
ทานยาเพร็พแล้วต้องใช้ถุงยางอีกไหม? | ควรใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วยเสมอ เพราะเพร็พป้องกันได้เฉพาะ HIV แต่ไม่ป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ เช่น หนองใน ซิฟิลิส หรือ HPV รวมถึงการตั้งครรภ์ |
ถ้าลืมทานยาเพร็พจะเป็นอะไรไหม? | ถ้าลืมไม่เกิน 12 ชั่วโมง ควรทานทันทีที่นึกได้ แต่ถ้าเลยเวลาไปมาก ให้ข้ามเม็ดนั้น แล้วทานต่อเม็ดถัดไปตามปกติ ห้ามทานซ้ำสองเม็ดพร้อมกันเพื่อชดเชย |
ทานยาเพร็พแล้วดื่มแอลกอฮอล์ได้ไหม? | ไม่มีปฏิกิริยาโดยตรงระหว่างเพร็พกับแอลกอฮอล์ แต่การดื่มมากเกินไป อาจทำให้ลืมทานยาได้ จึงควรตั้งเตือนหรือพกยาเม็ดสำรองไว้ |
ผลข้างเคียงจากการทานเพร็พมีอะไรบ้าง? | บางคนอาจมีอาการคลื่นไส้ ปวดหัว หรืออ่อนเพลียในช่วงแรก ซึ่งมักหายไปเองใน 1–2 สัปดาห์ หากอาการรุนแรงหรือยาวนานควรรีบปรึกษาแพทย์ |
ต้องตรวจสุขภาพบ่อยแค่ไหนเมื่อทานเพร็พ? | โดยทั่วไปควรตรวจ HIV ทุก 3 เดือน พร้อมตรวจการทำงานของไต และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ ตามความเสี่ยงของผู้ใช้ |
หยุดทานเพร็พได้เมื่อไร? | หากไม่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงแล้วสามารถหยุดได้ แต่ต้องปรึกษาแพทย์ก่อนเสมอ โดยเฉพาะผู้ที่มีไวรัสตับอักเสบบีเรื้อรัง เพราะการหยุดยาอาจกระตุ้นให้โรคกำเริบได้ |
ผลข้างเคียงในการ ทานยาเพร็พ ที่อาจเกิดขึ้นได้
แม้ว่าการทานยาเพร็พ (PrEP) จะปลอดภัยและได้รับการยืนยันจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ว่าใช้ได้ในระยะยาว แต่ผู้ใช้บางคนอาจพบผลข้างเคียงเล็กน้อยในช่วงเริ่มต้น โดยทั่วไปอาการเหล่านี้ไม่รุนแรงและจะหายไปเองภายใน 1–2 สัปดาห์เมื่อร่างกายปรับตัวกับยาได้แล้ว
ผลข้างเคียงที่พบได้บ่อย (ช่วงเริ่มใช้)
- คลื่นไส้หรือมวนท้องเล็กน้อย
- ปวดหัว เวียนศีรษะ
- อ่อนเพลียหรือเหนื่อยง่าย
- ท้องเสียหรือระบบขับถ่ายเปลี่ยนแปลง
ผลข้างเคียงที่ต้องเฝ้าระวัง (พบไม่บ่อย)
- ค่าไตเปลี่ยนแปลง (ยาบางตัวถูกขับออกทางไต จึงควรตรวจติดตามทุก 3–6 เดือน)
- ผลต่อความหนาแน่นของกระดูก (ในบางรายที่ใช้ยาต่อเนื่องนาน)
- อาการแพ้ยา เช่น ผื่น คัน หรือบวม (ควรหยุดยาและรีบพบแพทย์)
ในกรณีที่มีอาการผิดปกติ หรือไม่พึงประสงค์เกิดขึ้นหลังจากทานยาเพร็พให้รีบไปพบแพทย์เพื่อประเมินสภาพ และดูแลรักษาให้เหมาะสม เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียง หรือการเปลี่ยนแปลงสุขภาพอื่นๆ ที่ไม่พึงประสงค์ได้
อ่านบทความอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
บทสรุป
การทานยาเพร็พ ไม่ได้เป็นเรื่องซับซ้อนหรือไกลตัวอย่างที่หลายคนกังวล ตรงกันข้าม มันคือหนึ่งในเครื่องมือป้องกันเอชไอวีที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุดในปัจจุบัน และเป็นทางเลือกที่ช่วยเติมเต็มการป้องกันในชีวิตจริงที่ถุงยางอนามัยเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ สำหรับมือใหม่ สิ่งสำคัญคือการเข้าใจขั้นตอนตั้งแต่การตรวจสุขภาพ การเลือกสูตรการทานที่เหมาะสม การสร้างวินัยในการใช้ยา ไปจนถึงการติดตามผลกับแพทย์อย่างต่อเนื่อง แม้บางคนอาจพบผลข้างเคียงเล็กน้อยในช่วงแรก แต่ส่วนใหญ่สามารถหายได้เอง และการใช้เพร็พอย่างต่อเนื่องจะทำให้คุณมั่นใจได้ว่าร่างกายมีเกราะป้องกันเสมอ ที่สำคัญ การทานยาเพร็พไม่ได้หมายถึงการมีพฤติกรรมเสี่ยง แต่คือการเลือกปกป้องสุขภาพของตัวเองอย่างชาญฉลาด เปรียบเหมือนการทำประกันที่ทำให้คุณพร้อมรับมือกับความเสี่ยงโดยไม่ต้องอยู่กับความกังวล
วันนี้ PrEP ในรูปแบบเม็ดอาจเป็นตัวเลือกหลัก แต่ในอนาคตจะมีทั้งแบบฉีดและวิธีใหม่ ๆ ที่ทำให้การป้องกันง่ายขึ้นและเข้าถึงได้มากกว่าเดิม ซึ่งสะท้อนว่าเพร็พไม่ใช่แค่เรื่องของวันนี้ แต่เป็น กุญแจสำคัญสู่การยุติการแพร่เชื้อเอชไอวีในอนาคต หากคุณกำลังลังเล คำถามที่ควรถามตัวเองคือ ถึงเวลาที่ฉันจะเริ่มทานยาเพร็พแล้วหรือยัง? เพราะการตัดสินใจเล็ก ๆ วันนี้ อาจเป็นก้าวสำคัญที่ช่วยให้ชีวิตทางเพศของคุณเต็มไปด้วย อิสระ ความมั่นใจ และความปลอดภัย ไปพร้อมกัน
อ้างอิงข้อมูลจาก:
การป้องกันก่อนการสัมผัสโรค (PrEP)
การป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีก่อนการสัมผัสเชื้อ
วิธีและเวลาที่ควรรับประทาน PrEP