ทานยาเพร็พ อย่างไรให้ปลอดภัย คู่มือสำหรับมือใหม่ พร้อมตอบทุกข้อสงสัย

ทานยาเพร็พ อย่างไรให้ปลอดภัย คู่มือสำหรับมือใหม่ พร้อมตอบทุกข้อสงสัย

การ ทานยาเพร็พ (PrEP) ถือเป็นหนึ่งในนวัตกรรมด้านการป้องกันเอชไอวีที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพสูงที่สุดในปัจจุบัน หลักการง่าย ๆ คือ หากร่างกายของคุณมีระดับยาเพร็พเพียงพออยู่ตลอดเวลา ก็จะช่วยลดโอกาสในการติดเชื้อเอชไอวีได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่มีคู่นอนหลายคน ผู้ที่มีคู่รักซึ่งเป็นผู้ติดเชื้อเอชไอวี หรือแม้แต่คนที่ต้องการความมั่นใจและความปลอดภัยในการมีเพศสัมพันธ์ทุกครั้ง

Love2Test

แม้ว่าแนวคิดเรื่องการทานยาเพร็พอาจฟังดูซับซ้อนสำหรับมือใหม่ แต่ความจริงแล้วการเริ่มต้นนั้นไม่ยากอย่างที่คิด หากเข้าใจวิธีการที่ถูกต้อง บทความนี้จะทำหน้าที่เป็น คู่มือสำหรับผู้เริ่มต้น ที่อยากรู้ว่าควรทานยาเพร็พอย่างไรให้ปลอดภัย ได้ผลจริง และตอบทุกข้อสงสัยที่หลายคนกังวล ไม่ว่าจะเป็นวิธีเริ่มต้น ผลข้างเคียง การตรวจสุขภาพ หรือแม้แต่ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับเพร็พ ถ้าคุณกำลังมองหาคำตอบว่า “ควรเริ่มทานยาเพร็พหรือยัง?” หรือ “ทานยาเพร็พแล้วต้องดูแลตัวเองแบบไหน?” บทความนี้จะช่วยไขข้อข้องใจทั้งหมด เพื่อให้คุณมั่นใจได้ว่าทุกก้าวของการป้องกันเริ่มต้นขึ้นได้อย่างปลอดภัยและชาญฉลาด

ทำไมการ ทานยาเพร็พ จึงเป็นกุญแจสำคัญในการหยุดเชื้อ

เพร็พ (PrEP) ถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุดในปัจจุบันสำหรับการป้องกันเอชไอวี เหตุผลที่มันถูกเรียกว่า “กุญแจสำคัญ” ไม่ได้เป็นเพียงเพราะผลการวิจัยยืนยันว่าลดความเสี่ยงติดเชื้อได้มากกว่า 90% เท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะเพร็พช่วยปิดช่องว่างของวิธีป้องกันแบบเดิมที่อาจมีข้อจำกัดอยู่บ้าง

Love2Test
  1. ลดโอกาสติดเชื้อในกลุ่มเสี่ยงสูง
    • ไม่ว่าจะเป็นกลุ่ม MSM (ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย), คู่รักผลเลือดต่าง, ผู้ที่มีคู่นอนหลายคน หรือผู้ที่ไม่สามารถใช้ถุงยางอนามัยได้สม่ำเสมอ การทานยาเพร็พช่วยลดความเสี่ยงติดเชื้อเอชไอวีได้อย่างมีนัยสำคัญ จึงเป็นเหมือน “เกราะเสริม” ที่ทำให้การป้องกันแน่นหนายิ่งขึ้น
  2. เติมเต็มข้อจำกัดของวิธีป้องกันอื่น
    • ถุงยางอนามัยยังคงเป็นอาวุธสำคัญ แต่ในชีวิตจริงอาจมีเหตุการณ์ที่ถุงยางขาด หลุด หรือไม่ได้ถูกหยิบมาใช้ทุกครั้ง การมีเพร็พร่วมด้วยทำให้มั่นใจได้มากกว่า และลดความเสี่ยงที่เกิดจากความผิดพลาดโดยไม่ตั้งใจ
  3. สร้างความมั่นใจทางจิตใจ
    • หลายคนที่เริ่มทานเพร็พบอกเหมือนกันว่า “ชีวิตเปลี่ยนไป” เพราะไม่ต้องกังวลหรืออยู่กับความกลัวหลังมีเพศสัมพันธ์เหมือนเดิม ความมั่นใจทางจิตใจนี้ทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น และยังช่วยลดความรู้สึกผิดหรือความเครียดที่มากับเรื่องเซ็กส์ได้ด้วย
  4. ป้องกันเชิงรุก และช่วยลดการแพร่เชื้อในสังคม
    • การทานยาเพร็พไม่ได้ปกป้องเพียงตัวคุณ แต่ยังมีผลต่อการลดการแพร่เชื้อเอชไอวีในระดับสังคม ยิ่งมีคนใช้เพร็พมากเท่าไร จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ก็จะลดลงเรื่อย ๆ ซึ่งนี่คือกลไกสำคัญที่ช่วยให้โลกเข้าใกล้เป้าหมาย “End AIDS Epidemic”
  5. เปิดทางสู่อนาคตการป้องกันที่ง่ายขึ้น
    • นอกจากยาเพร็พแบบกินทุกวัน ปัจจุบันยังมีการพัฒนา PrEP แบบฉีด ทุก 2 เดือน หรือแม้แต่ Lenacapavir ที่อาจใช้เพียงปีละ 2 ครั้ง หากสิ่งเหล่านี้ถูกนำมาใช้จริงในวงกว้าง จะทำให้การป้องกันง่ายขึ้น และยิ่งเร่งการหยุดการแพร่เชื้อเอชไอวีให้เร็วกว่าเดิม

กลุ่มเสี่ยงที่ควรพิจารณา ทานยาเพร็พ

แม้ว่าการทานยาเพร็พ (PrEP) จะไม่ใช่เรื่องที่ทุกคนจำเป็นต้องทำ แต่สำหรับบางกลุ่มแล้ว การใช้เพร็พถือเป็นทางเลือกที่ชาญฉลาดในการป้องกันเอชไอวี โดยเฉพาะผู้ที่มีพฤติกรรมหรือสถานการณ์ที่เสี่ยงต่อการสัมผัสเชื้อโดยไม่ตั้งใจ กลุ่มเหล่านี้ควรพิจารณาเป็นพิเศษ

  • ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัยเป็นประจำ ไม่ว่าจะด้วยความไม่สะดวก ความรู้สึกไม่สบายตัว หรือสถานการณ์ที่เกิดขึ้นแบบไม่ทันตั้งตัว การมีเซ็กส์แบบไม่ป้องกัน คือปัจจัยหลักที่เพิ่มความเสี่ยงเอชไอวี การทานเพร็พจึงช่วยเสริมเกราะป้องกันอีกชั้น
  • ผู้ที่มีคู่นอนหลายคน ยิ่งมีคู่นอนมาก ความเสี่ยงที่จะเจอกับผู้ที่มีเชื้อเอชไอวีก็ยิ่งสูง การทานยาเพร็พจึงทำหน้าที่เหมือนเกราะป้องกันส่วนตัว ที่ช่วยลดโอกาสติดเชื้อได้อย่างมีนัยสำคัญ
  • คู่รักผลเลือดต่าง ในกรณีที่ฝ่ายหนึ่งติดเชื้อเอชไอวีและอีกฝ่ายไม่ติด แม้ผู้ติดเชื้อจะได้รับยาต้านและควบคุมปริมาณไวรัสจนตรวจไม่เจอแล้ว (U=U) แต่การที่อีกฝ่ายทานเพร็พก็ช่วยสร้างความมั่นใจและทำให้ความสัมพันธ์ดำเนินไปได้อย่างมั่นคง
  • ผู้ที่มีคู่นอนที่ไม่ทราบสถานะผลเลือด หลายครั้งความสัมพันธ์เกิดขึ้นโดยไม่ได้สอบถามหรือยืนยันผลตรวจเอชไอวีของอีกฝ่าย การทานเพร็พจึงช่วยจัดการกับความเสี่ยง และลดความกังวลในใจได้
  • ผู้ที่เคยติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STIs) หากเคยได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคหนองในแท้ ซิฟิลิส เริม หรือหนองในเทียม แสดงว่ามีพฤติกรรมทางเพศที่เสี่ยงสูงอยู่แล้ว ซึ่งทำให้โอกาสติดเชื้อเอชไอวีเพิ่มขึ้นตาม การทานเพร็พจึงเป็นวิธีที่ช่วยลดความเสี่ยงเพิ่มเติม
  • ผู้ที่ใช้สารเสพติดหรือแอลกอฮอล์ขณะมีเพศสัมพันธ์ ยาเสพติดและแอลกอฮอล์ส ามารถทำให้การควบคุมสติและการตัดสินใจลดลง ส่งผลให้ลืมหรือไม่ใช้ถุงยางอนามัย การมีเพร็พในร่างกายจึงเป็นตัวช่วยป้องกันที่ปลอดภัยกว่า
กลุ่มเสี่ยงที่ควรพิจารณา ทานยาเพร็พ

วิธีเริ่มต้นทานยาเพร็พอย่างปลอดภัย

การเริ่มต้นทานยาเพร็พ ไม่ได้ซับซ้อนอย่างที่หลายคนคิด แต่การทำให้ปลอดภัยและได้ผลจริงนั้น ต้องอาศัยการเตรียมความพร้อมทั้งร่างกายและพฤติกรรมของผู้ใช้ ซึ่งสามารถแบ่งออกได้เป็นหลายแนวทางดังนี้

✦ ขั้นตอนที่ 1 ตรวจสุขภาพและยืนยันผลเลือดก่อนเริ่ม

ก่อนเริ่มทานยาเพร็พ สิ่งแรกที่ต้องทำคือไปพบแพทย์หรือคลินิกที่มีบริการ PrEP เพื่อตรวจ HIV ให้แน่ใจว่าคุณยังไม่ติดเชื้อ และตรวจสุขภาพโดยรวม เช่น การทำงานของไต การตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STIs) รวมถึงตรวจไวรัสตับอักเสบบี เนื่องจากยาบางชนิดในเพร็พอาจมีผลกับผู้ที่ติดเชื้อไวรัสชนิดนี้อยู่แล้ว การตรวจเบื้องต้นจึงช่วยยืนยันความปลอดภัยก่อนเริ่มใช้

✦ ขั้นตอนที่ 2 เลือกสูตรการทานเพร็พที่เหมาะกับคุณ

“PrEPLove2Test"

เพร็พไม่ได้มีรูปแบบเดียว ผู้ใช้สามารถเลือกวิธีที่ตรงกับพฤติกรรมและความสะดวกของตนเอง เช่น

  • Daily PrEP (ทานทุกวัน): เหมาะกับผู้ที่มีเพศสัมพันธ์บ่อย หรือไม่สามารถคาดเดาความเสี่ยงได้แน่นอน การทานทุกวันทำให้มั่นใจได้ว่า มีระดับยาป้องกันในร่างกายอย่างต่อเนื่อง
  • On-Demand PrEP (สูตร 2-1-1): ใช้เฉพาะผู้ชายที่มีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก โดยทานยา 2 เม็ดก่อนมีเพศสัมพันธ์ 2–24 ชั่วโมง และอีก 2 ครั้งหลังจากนั้น เหมาะสำหรับคนที่มีความเสี่ยงไม่บ่อย
  • Long-Acting Injectable PrEP: ทางเลือกใหม่ที่กำลังแพร่หลาย เช่น Cabotegravir ฉีดทุก 2 เดือน เหมาะกับคนที่มักลืมทานยาเป็นประจำ หรือไม่สะดวกพกยาเม็ดทุกวัน

✦ ขั้นตอนที่ 3 สร้างวินัยและระบบช่วยจำ

ประสิทธิภาพของเพร็พขึ้นอยู่กับ “ความสม่ำเสมอ” หากลืมบ่อย ระดับยาจะลดลงจนป้องกันได้ไม่เต็มที่ ดังนั้นควรสร้างระบบช่วยจำ เช่น ตั้งปลุกในโทรศัพท์ ใช้กล่องแบ่งยา หรือวางยาไว้ใกล้ของใช้ประจำวันอย่างแปรงสีฟันหรือกุญแจ วิธีง่าย ๆ เหล่านี้ช่วยให้ไม่พลาดแม้ในวันที่ยุ่งที่สุด

✦ ขั้นตอนที่ 4 ใช้ร่วมกับการป้องกันอื่น ๆ

แม้การทานยาเพร็พจะป้องกันเอชไอวีได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่เพร็พไม่สามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ เช่น ซิฟิลิส หนองใน เริม หรือ HPV ได้ การใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วย และการตรวจสุขภาพทางเพศเป็นประจำทุก 3–6 เดือน จึงยังเป็นสิ่งสำคัญเพื่อดูแลสุขภาพโดยรวม

✦ ขั้นตอนที่ 5 ตรวจติดตามและพบแพทย์สม่ำเสมอ

การทานยาเพร็พไม่ใช่แค่การกินยาแล้วจบ แต่ควรกลับไปพบแพทย์ทุก 3 เดือน เพื่อ

  • ตรวจ HIV ซ้ำ เพื่อยืนยันว่ายังไม่ติดเชื้อ
  • ตรวจการทำงานของไตและสุขภาพโดยรวม
  • ตรวจคัดกรองโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ
  • รับคำปรึกษาเรื่องผลข้างเคียง หรือการปรับเปลี่ยนสูตรการใช้ยา

การติดตามเหล่านี้ทำให้มั่นใจได้ว่าการทานยาเพร็พยังคงปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ

✦ ขั้นตอนที่ 6 ดูแลสุขภาพระยะยาวและรู้จักปรับตามสถานการณ์

การทานยาเพร็พจะมีประสิทธิภาพสูงสุดก็ต่อเมื่อผู้ใช้ใส่ใจสุขภาพของตัวเองอย่างต่อเนื่อง เช่น ดื่มน้ำให้เพียงพอ ออกกำลังกาย พักผ่อนพอ และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ หากต้องการหยุดใช้เพร็พก็ไม่ควรตัดสินใจเอง แต่ควรปรึกษาแพทย์ โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคตับอักเสบบีเรื้อรัง เพราะการหยุดยาอย่างกะทันหันอาจกระตุ้นให้โรคกำเริบได้

คำแนะนำในการ ทานยาเพร็พ ให้ได้ผลจริง

หลายคนที่เริ่มทานเพร็พมักเจอปัญหาเหมือนกัน—ลืมยา, ไม่มั่นใจว่าได้ผลจริงไหม, หรือบางครั้งกังวลกับผลข้างเคียงจนหยุดกลางคัน ทั้งหมดนี้สามารถจัดการได้ หากคุณเข้าใจวิธีใช้เพร็พอย่าง “สมาร์ท” มากกว่าการกินตามเวลาเพียงอย่างเดียว

  • ผูกยาเข้ากับกิจวัตรประจำวัน: แทนที่จะพยายามจำเวลาใหม่ ๆ ให้ลองทานเพร็พไปพร้อมกับสิ่งที่ทำทุกวัน เช่น หลังแปรงฟันตอนเช้า หรือก่อนนอน วิธีนี้ทำให้ร่างกาย “จดจำ” ว่าต้องทานยาโดยอัตโนมัติ
  • ใช้เทคโนโลยีช่วย: ปัจจุบันมีแอปพลิเคชันด้านสุขภาพที่สามารถตั้งเตือนการกินยาได้ หรือจะใช้ไลน์/มือถือธรรมดาก็ตั้งแจ้งเตือนประจำวันไว้ เมื่อเสียงเตือนดัง = ถึงเวลาทานเพร็พ
  • พกเม็ดสำรองไว้เสมอ: ชีวิตจริงไม่เหมือนในตำรา บางครั้งคุณอาจค้างบ้านเพื่อน เที่ยวต่างจังหวัด หรือไปปาร์ตี้จนไม่ได้กลับบ้าน การพกเม็ดยาสำรองไว้ในกระเป๋าสตางค์หรือกระเป๋าเล็ก ๆ จะช่วยให้ไม่พลาด
  • อย่าลืมคุยกับคู่รัก: ถ้าคุณอยู่ในความสัมพันธ์ การบอกคู่ของคุณว่าคุณกำลังทานเพร็พ อาจช่วยให้ได้รับกำลังใจ และยังสร้างความมั่นใจร่วมกันว่า “เรากำลังป้องกันด้วยกัน”
  • ฟังร่างกายและสังเกตผลข้างเคียง: ช่วงแรก ๆ บางคนอาจมีอาการคลื่นไส้ เวียนหัว หรืออ่อนเพลีย ซึ่งมักหายไปเองใน 1–2 สัปดาห์ หากอาการหนักขึ้นควรรีบพบแพทย์ทันที การจดบันทึกอาการไว้ก็ช่วยให้คุณและแพทย์ปรับแผนการใช้ได้ง่ายขึ้น
  • ไม่ลืมตรวจติดตาม: แม้คุณจะมั่นใจว่าทานยาตามเวลาเป๊ะ แต่การตรวจ HIV และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ทุก 3 เดือนยังจำเป็น เพราะจะทำให้มั่นใจว่าเพร็พทำงานได้ผล และสุขภาพของคุณปลอดภัยจริง ๆ

รวมข้อสงสัยเกี่ยวกับการ ทานยาเพร็พ

รวมข้อสงสัยเกี่ยวกับการ ทานยาเพร็พ

คำถามที่พบบ่อย คำตอบ
ทานยาเพร็พแล้วต้องใช้ถุงยางอีกไหม? ควรใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วยเสมอ เพราะเพร็พป้องกันได้เฉพาะ HIV
แต่ไม่ป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ เช่น หนองใน ซิฟิลิส หรือ HPV รวมถึงการตั้งครรภ์
ถ้าลืมทานยาเพร็พจะเป็นอะไรไหม? ถ้าลืมไม่เกิน 12 ชั่วโมง ควรทานทันทีที่นึกได้ แต่ถ้าเลยเวลาไปมาก ให้ข้ามเม็ดนั้น
แล้วทานต่อเม็ดถัดไปตามปกติ ห้ามทานซ้ำสองเม็ดพร้อมกันเพื่อชดเชย
ทานยาเพร็พแล้วดื่มแอลกอฮอล์ได้ไหม? ไม่มีปฏิกิริยาโดยตรงระหว่างเพร็พกับแอลกอฮอล์ แต่การดื่มมากเกินไป
อาจทำให้ลืมทานยาได้ จึงควรตั้งเตือนหรือพกยาเม็ดสำรองไว้
ผลข้างเคียงจากการทานเพร็พมีอะไรบ้าง? บางคนอาจมีอาการคลื่นไส้ ปวดหัว หรืออ่อนเพลียในช่วงแรก ซึ่งมักหายไปเองใน 1–2 สัปดาห์
หากอาการรุนแรงหรือยาวนานควรรีบปรึกษาแพทย์
ต้องตรวจสุขภาพบ่อยแค่ไหนเมื่อทานเพร็พ? โดยทั่วไปควรตรวจ HIV ทุก 3 เดือน พร้อมตรวจการทำงานของไต
และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ ตามความเสี่ยงของผู้ใช้
หยุดทานเพร็พได้เมื่อไร? หากไม่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงแล้วสามารถหยุดได้ แต่ต้องปรึกษาแพทย์ก่อนเสมอ
โดยเฉพาะผู้ที่มีไวรัสตับอักเสบบีเรื้อรัง เพราะการหยุดยาอาจกระตุ้นให้โรคกำเริบได้

ผลข้างเคียงในการ ทานยาเพร็พ ที่อาจเกิดขึ้นได้

แม้ว่าการทานยาเพร็พ (PrEP) จะปลอดภัยและได้รับการยืนยันจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ว่าใช้ได้ในระยะยาว แต่ผู้ใช้บางคนอาจพบผลข้างเคียงเล็กน้อยในช่วงเริ่มต้น โดยทั่วไปอาการเหล่านี้ไม่รุนแรงและจะหายไปเองภายใน 1–2 สัปดาห์เมื่อร่างกายปรับตัวกับยาได้แล้ว

ผลข้างเคียงที่พบได้บ่อย (ช่วงเริ่มใช้)

  • คลื่นไส้หรือมวนท้องเล็กน้อย
  • ปวดหัว เวียนศีรษะ
  • อ่อนเพลียหรือเหนื่อยง่าย
  • ท้องเสียหรือระบบขับถ่ายเปลี่ยนแปลง

ผลข้างเคียงที่ต้องเฝ้าระวัง (พบไม่บ่อย)

  • ค่าไตเปลี่ยนแปลง (ยาบางตัวถูกขับออกทางไต จึงควรตรวจติดตามทุก 3–6 เดือน)
  • ผลต่อความหนาแน่นของกระดูก (ในบางรายที่ใช้ยาต่อเนื่องนาน)
  • อาการแพ้ยา เช่น ผื่น คัน หรือบวม (ควรหยุดยาและรีบพบแพทย์)

ในกรณีที่มีอาการผิดปกติ หรือไม่พึงประสงค์เกิดขึ้นหลังจากทานยาเพร็พให้รีบไปพบแพทย์เพื่อประเมินสภาพ และดูแลรักษาให้เหมาะสม เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียง หรือการเปลี่ยนแปลงสุขภาพอื่นๆ ที่ไม่พึงประสงค์ได้

บทสรุป

การทานยาเพร็พ ไม่ได้เป็นเรื่องซับซ้อนหรือไกลตัวอย่างที่หลายคนกังวล ตรงกันข้าม มันคือหนึ่งในเครื่องมือป้องกันเอชไอวีที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุดในปัจจุบัน และเป็นทางเลือกที่ช่วยเติมเต็มการป้องกันในชีวิตจริงที่ถุงยางอนามัยเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ สำหรับมือใหม่ สิ่งสำคัญคือการเข้าใจขั้นตอนตั้งแต่การตรวจสุขภาพ การเลือกสูตรการทานที่เหมาะสม การสร้างวินัยในการใช้ยา ไปจนถึงการติดตามผลกับแพทย์อย่างต่อเนื่อง แม้บางคนอาจพบผลข้างเคียงเล็กน้อยในช่วงแรก แต่ส่วนใหญ่สามารถหายได้เอง และการใช้เพร็พอย่างต่อเนื่องจะทำให้คุณมั่นใจได้ว่าร่างกายมีเกราะป้องกันเสมอ ที่สำคัญ การทานยาเพร็พไม่ได้หมายถึงการมีพฤติกรรมเสี่ยง แต่คือการเลือกปกป้องสุขภาพของตัวเองอย่างชาญฉลาด เปรียบเหมือนการทำประกันที่ทำให้คุณพร้อมรับมือกับความเสี่ยงโดยไม่ต้องอยู่กับความกังวล

วันนี้ PrEP ในรูปแบบเม็ดอาจเป็นตัวเลือกหลัก แต่ในอนาคตจะมีทั้งแบบฉีดและวิธีใหม่ ๆ ที่ทำให้การป้องกันง่ายขึ้นและเข้าถึงได้มากกว่าเดิม ซึ่งสะท้อนว่าเพร็พไม่ใช่แค่เรื่องของวันนี้ แต่เป็น กุญแจสำคัญสู่การยุติการแพร่เชื้อเอชไอวีในอนาคต หากคุณกำลังลังเล คำถามที่ควรถามตัวเองคือ ถึงเวลาที่ฉันจะเริ่มทานยาเพร็พแล้วหรือยัง? เพราะการตัดสินใจเล็ก ๆ วันนี้ อาจเป็นก้าวสำคัญที่ช่วยให้ชีวิตทางเพศของคุณเต็มไปด้วย อิสระ ความมั่นใจ และความปลอดภัย ไปพร้อมกัน

อ้างอิงข้อมูลจาก:

การป้องกันก่อนการสัมผัสโรค (PrEP)

การป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีก่อนการสัมผัสเชื้อ

วิธีและเวลาที่ควรรับประทาน PrEP

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า