ด้วยความเชื่อ และความเข้าใจผิดที่ได้ส่งต่อกันมา เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้หลายคนไม่กล้าที่จะ ตรวจ HIV เพื่อเพิ่มการป้องกันตนเองให้ห่างไกลจากเอชไอวีเท่าที่ควร ซึ่งมีแง่มุมต่อผู้ป่วยเอชไอวีในทางลบ จนส่งผลต่อการเลือกปฏิบัติไปจนถึงการตีตราผู้ป่วย นำมาสู่ความกลัว ไม่กล้า ไม่ต้องการถูกมองว่าเป็นผู้ที่น่ารังเกียจของสังคม จึงปฏิเสธไม่ได้ว่า การตรวจเอชไอวี กลายเป็นทางเลือกที่หลายคนไม่กล้าปรึกษาแพทย์โดยตรง ทั้งที่ตนมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวีสูงก็ตาม
ในบทความนี้เราได้รวบรวมคำตอบของทุกข้อสงสัยเกี่ยวกับการตรวจ HIV ที่คัดสรรมาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญแล้วว่า พบคำถามเหล่านี้บ่อยครั้งจากหลากหลายแหล่ง รวมไปถึงความเข้าใจผิดๆ ที่ต้องการให้ผู้คนทั่วไปเข้าใจไปในทิศทางถูกต้อง และเปลี่ยนทัศนคติต่อการตรวจ HIV การป้องกัน HIV การรักษา HIV ไปจนถึงการใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่นหลังจากทราบผลการตรวจ HIV ว่าติดเชื้อเอชไอวี ทั้งหมดนี้จะให้ความรู้ และไขข้อข้องใจได้ครบถ้วนมากน้อยแค่ไหน ไปติดตามในเนื้อหากันได้เลย
ทำไมเราควร ตรวจ HIV ?
ไม่ว่าโรคใดย่อมส่งผลเสียต่อร่างกายทั้งสิ้น ไม่เว้นแม้แต่เอชไอวีที่เรากำลังกล่าวถึงในบทความนี้ หากทราบสถานะได้เร็วมากเท่าไหร่ โอกาสในการรักษาไม่ให้ลุกลามไปสู่ระยะรุนแรงก็มากด้วยเช่นกัน ดังนั้นการตรวจ HIV จึงเป็นทางเลือกในการป้องกันที่สำคัญไม่แพ้การหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ทั้งยังเป็นการเพิ่มการตระหนักถึงการดูแลตนเอง และคู่ของคุณร่วมด้วย เพราะไม่ว่าอย่างไรการติดเชื้อเอชไอวีอาจเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย บางรายมีเชื้อเอชไอวีในร่างกายแต่ไม่รู้ตัวว่าตนติดเชื้อ
ประกอบกับโดยทั่วไปแล้วผู้ติดเชื้อเอชไอวีจะไม่แสดงอาการให้เห็นได้ชัดเจน จนในที่สุดอาการก็ลุกลามไปสู่ระยะรุนแรง ทำให้ไม่สามารถรับมือกับอาการแทรกซ้อนต่างๆ ได้ดีเท่าที่ควร ด้วยสาเหตุเหล่านี้เองทำให้การตรวจ HIV เป็นสิ่งที่จำเป็น และควรทำอย่างยิ่งในทุกๆ ปีเช่นเดียวกับการตรวจสุขภาพประจำปีนั่นเอง
ใครบ้างควรตรวจ HIV ?
ข้อสงสัยนี้จัดว่าเป็นคำถามที่พบได้บ่อยในทุกๆ คน เนื่องจาก การตรวจ HIV เป็นเรื่องใหญ่สำหรับใครหลายคน ด้วยความที่ว่าไม่มั่นใจว่าตนเองนั้นมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ หรือไม่ ตลอดจนมองว่าการตรวจ HIV ควรเข้ารับการตรวจเมื่อจำเป็นเท่านั้น อย่างไรก็ตาม หากคุณคือหนึ่งในผู้ที่จัดอยู่ในกลุ่มเสี่ยงดังต่อไปนี้ ควรเข้ารับการตรวจพร้อมทั้งปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยเร็วที่สุด เท่าที่จะทำได้
- ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้สวม ถุงยางอนามัย
- ผู้ป่วยด้วยโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ
- ผู้ป่วยวัณโรค
- ผู้ที่ใช้เข็มฉีดยาร่วมกับบุคคลอื่น
- ผู้ที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศ หรือผู้ที่มีเพศสัมพันธ์โดยขาดสติ
- หญิงตั้งครรภ์
ตรวจ HIV มีค่าใช้จ่ายแพงไหม?
ปัจจุบัน การตรวจ HIV เป็นเรื่องที่สามารถเข้าถึงได้ง่ายมากขึ้น เนื่องจากกระทรวงสาธารณสุขได้กำหนดให้สิทธิการตรวจ HIV เป็นหนึ่งในสิทธิของประชาชนไทยภายใต้หลักสุขภาพถ้วนหน้า ซึ่งเข้ารับการตรวจได้ ฟรี 2 ครั้ง/ปี ภายในสถานพยาบาลที่มีสิทธิทั่วประเทศ หรือเลือกเข้ารับการตรวจ HIV ในคลีนิกนิรนาม และคลินิกเฉพาะทางโดยตรง หากต้องการความเป็นส่วนตัว ไม่ต้องการเผยข้อมูลส่วนตัว สามารถเลือกได้ตามความสะดวกของแต่ละบุคคลได้เช่นเดียวกัน โดยค่าใช้จ่ายของแต่ละแห่งอาจแตกต่างกันไป แนะนำให้สอบถามก่อนตัดสินใจเลือกเข้ารับการตรวจ HIV จึงจะดีที่สุด
หลังจากตรวจ HIV แล้วทราบผลว่าติดเชื้อเอชไอวีควรทำอย่างไร?
สิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้หลังจากเข้ารับการตรวจ HIV นั่นก็คือผลการตรวจที่มีอยู่ 2 รูปแบบ ได้แก่
- ไม่ติดเชื้อเอชไอวี
- ติดเชื้อเอชไอวี
ในกรณีที่ได้รับผลการตรวจจากเจ้าหน้าที่ว่าคุณมีเชื้อเอชไอวีในร่างกาย เจ้าหน้าที่ซึ่งได้ผ่านการอบรมมาอย่างเป็นทางการแล้ว จะให้คำแนะนำกับคุณ และเปิดโอกาสให้คุณได้ปรึกษาเกี่ยวกับการรักษา การรับมือด้านการดูแลตนเอง ตลอดจนการชี้แจงต่อคนในครอบครัวให้เข้าใจมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้คุณควรตั้งสติให้ได้มากที่สุดโดยเปิดใจรับฟังคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่
พร้อมกับนั้นควรปฏิบัติตามข้อแนะนำต่างๆ อย่างเคร่งครัด เพื่อให้คุณเข้าสู่กระบวนการรักษาเอชไอวีได้อย่างเหมาะสม ให้สามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติอย่างคนทั่วไป รวมถึงควรตระหนักไว้เสมอว่าการป้องกันตนเองไม่ให้แพร่เชื้อเอชไอวีไปสู่บุคคลอื่น คือสิ่งควรทำอย่างยิ่งในการดำเนินชีวิตหลังจากนี้ ควบคู่ไปกับการดูแลตนเอง และการรักษาอย่างต่อเนื่อง
ข้อดีของการ ตรวจ HIV มีดังนี้
- ทราบสถานะการติดเชื้อของตนเอง
- ป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี
- ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม
- ป้องกันไม่ให้เชื้อเอชไอวีแพร่กระจายไปยังผู้อื่นได้
- วางแผนชีวิตได้อย่างเหมาะสม
- ลดความเสี่ยงในการป่วยเป็นโรคฉวยโอกาส
- มีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับเอชไอวี
การตรวจ HIV ใช้เวลานาน หรือไม่จึงจะทราบผล ?
ระยะเวลาในการตรวจ HIV จะขึ้นอยู่กับวิธีการตรวจที่เลือกใช้ หากเป็นการตรวจโดยสถานพยาบาลทั่วไปด้วยวิธีการตรวจที่นิยมใช้หลักๆ ส่วนใหญ่แล้วจะใช้ระยะเวลาทราบผลได้เร็วที่สุดใน 1 ชั่วโมง แต่อย่างไรก็ตามหากต้องการระยะเวลาที่แน่นอน แนะนำให้ปรึกษากับสถานพยาบาลนั้นๆ เพื่อสอบถามโดยตรงจึงจะดีที่สุด
ทั้งนี้ส่วนใหญ่แล้วการตรวจ HIV จะพิจารณาจากระยะความเสี่ยงต่อการติดเชื้อครั้งล่าสุด ดังนั้นการให้ข้อมูลโดยละเอียดต่อแพทย์ถือเป็นสิ่งจำเป็นต่อการพิจารณาวิธีการตรวจด้วยเช่นกัน เพื่อประสิทธิภาพการตรวจที่แม่นยำ และระยะเวลาในการทราบผลที่เหมาะสม จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ควรเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์โดยตรงก่อนตรวจ HIV นั่นเอง
ในประเทศไทย การตรวจ HIV สามารถทำได้หลายแห่ง ดังนี้
- โรงพยาบาลของรัฐ และเอกชน
- คลินิกเฉพาะทาง คลินิกโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
- ศูนย์วิจัยโรคเอดส์ สภากาชาดไทย
- ร้านขายยาบางแห่ง มีบริการชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง
ทั้งหมดนี้เป็นข้อสงสัยเกี่ยวกับการตรวจ HIV ที่จัดอันดับว่าเป็นคำถามที่พบได้บ่อยมากที่สุด เชื่อว่าหากเพื่อนๆ ได้อ่านทำความเข้าใจทั้งหมดนี้ จะมีความรู้ที่ถูกต้องตลอดจนเข้าใจมากยิ่งขึ้น เพื่อตัดสินใจก่อนเข้ารับการตรวจ HIV การเตรียมตัวก่อนตรวจ HIV รวมถึงการรับมือต่อผลการตรวจที่ตามมาได้เป็นอย่างดี หากใครที่มีข้อสงสัยนอกเหนือจากเนื้อหาในบทความนี้ แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยตรง เพื่อรับคำแนะนำที่ตรงประเด็น และเป็นประโยชน์ ซึ่งปัจจุบันมีสถานพยาบาลให้บริการทั่วประเทศทั้งโรงพยาบาล คลินิก มูลนิธิ ฯลฯ