โรคหูดหงอนไก่ (Genital Warts) เป็นอีกโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ที่เกิดจากเชื้อไวรัสที่เรียกว่า Human Papilloma Virus หรือ ไวรัสเอชพีวี (HPV) โรคหงอนไก่ จัดว่าเป็นหนึ่งในกามโรคที่เกิดได้บ่อยมากๆ สำหรับคนที่มีเพศสัมพันธ์แบบไม่ป้องกัน หรือไม่สวมถุงยางอนามัยบ่อยครั้ง ประกอบกับมีเชื้อไวรัส HPV ที่เป็นต้นเหตุกว่า 150 สายพันธุ์ที่ถูกระบุเอาไว้เป็นสาเหตุทำให้เกิด โรคหูดหงอนไก่ นี้ ปกติแล้วสายพันธุ์ที่พบบ่อยสุดจะเป็น HPV 6 กับ HPV 11 สามารถอาศัยอยู่ในเซลล์ผิวหนังได้เป็นเวลานาน โดยที่ผู้ป่วยอาจไม่แสดงอาการใดๆ เลย หูดหงอนไก่ อาการเริ่มต้น คือมีติ่งเนื้อ หรือก้อนนูนขนาดเล็ก มีลักษณะเป็นตุ่มเนื้อ ฝอย หรือหงอนไก่ คาหูด มักพบบริเวณอวัยวะเพศ ทวารหนัก ปาก หรือแม้แต่คอหอย แม้ว่าคู่นอนของคุณจะไม่มี อาการหูด แสดงออกมาให้เห็น ก็ไม่ได้หมายความว่า จะไม่มีเชื้อนี้หรือไม่ได้เป็นโรคหูดหงอนไก่
อาการที่พบเมื่อเป็น โรคหูดหงอนไก่
หูด หงอนไก่ อาการ เริ่ม ต้น นั้นแทบจะไม่เกิดขึ้น หรือสังเกตได้ยากมากๆ และยังสามารถเกิดได้ในทุกเพศทั้งชายและหญิง ส่วนใหญ่แล้วหูดหงอนไก่จะไม่ทำให้เกิดอาการเจ็บ หรือระคายเคือง โดย หูดหงอนไก่อาการเริ่มต้น ที่สังเกตเห็นได้ มีดังนี้
- มีก้อนเนื้อนิ่มๆ สีชมพู หรืออาจเป็นสีของผิวหนัง เมื่อสัมผัสแล้วจะรู้สึกแฉะๆ
- โดยก้อนเนื้อนี้จะมีทั้งแบบนูนเรียบ หรือถ้ามันมีเยอะมากๆ จนเกาะกันเป็นกลุ่ม ลักษณะจะคล้ายกับดอกกะหล่ำ
- ในเพศชายจะพบเจอได้บริเวณทวารหนัก อัณฑะ และทุกส่วนของอวัยวะเพศ
- ส่วนในเพศหญิงนั้น สามารถพบได้บริเวณทวารหนักกับช่องคลอดทั้งภายในและภายนอก บางรายอาจเกิดบริเวณปากมดลูก
- นอกจากบริเวณดังกล่าวยังสามารถพบได้บริเวณปาก ริมฝีปาก ลิ้น และคอหอย เป็นต้น
หากถามว่ามีผลกระทบใดๆ กับร่างกายมากน้อยแค่ไหน ต้องยอมรับ คือ ไม่ได้ส่งผลอะไรกับภาวะต่างๆ ของร่างกายมากนัก เพียงแค่อาจรู้สึกคัน แสบ หรือเจ็บบริเวณตุ่มที่เกิดขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม มีบางรายที่อาจมีความทรมานมากกว่านั้น เช่น เกิดหูดหงอนไก่บริเวณท่อปัสสาวะ จนทำให้มีความผิดปกติเกิดขึ้น ขณะที่ผู้หญิงอาจมีอาการเลือดออกบริเวณท่อปัสสาวะ เลือดไหลออกทางช่องคลอด ทวารหนัก หรือสารคัดหลั่งไหลออกมาจากช่องคลอดด้วย
โรคหูดหงอนไก่ ติดต่อได้อย่างไร?
โรคหูดหงอนไก่ มักเกิดขึ้นบ่อยกับคนที่มีเพศสัมพันธ์กับคนแปลกหน้าบ่อยครั้ง หรือชอบเปลี่ยนคู่นอนโดยไม่มีการป้องกันใดๆ ทั้งสิ้น เช่นเดียวกับคนที่มีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุน้อยๆ ก็ถือว่ามีความเสี่ยงต่อโรคนี้ด้วย อย่างไรก็ตาม โอกาสที่จะเกิดโรคหูดหงอนไก่ขึ้นได้ มาจากปัจจัยต่างๆ ดังนี้
- เป็นหรือเคยเป็นโรคเริมมาก่อน ผู้ป่วยที่ติดเชื้อเริมมาก่อนแล้วหากมีเชื้อหูดหงอนไก่เข้าไปเพิ่มเป็นภาวะโรคแทรกซ้อน
- ร่างกายอ่อนแอ ภูมิคุ้มกันต่ำ อาจด้วยภาวะเครียด ป่วย พักผ่อนไม่เพียงพอ
- มีปัญหาเรื่องภูมิคุ้มกัน เช่น ป่วยเป็นโรคเอดส์, มีเชื้อเอชไอวีในร่างกาย หรือเกิดจากการใช้ยาบางประเภทที่ทำให้ร่างกายมีโอกาสได้รับเชื้อหูดหงอนไก่ได้ง่ายกว่าปกติ
- ดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ เป็นประจำ
- ติดเชื้อจากแม่สู่ลูก ในกรณีที่แม่ตั้งครรภ์แล้วมีเชื้อหูดหงอนไก่อยู่ก่อนแล้ว
ถึงแม้โรคหูดหงอนไก่จะสามารถติดต่อกันผ่านทางเพศสัมพันธ์ได้ แต่ไม่สามารถติดต่อผ่านการกอด การจูบ หรือการใช้สิ่งของต่างๆ ร่วมกันได้ ซึ่งการวินิจฉัยหูดหงอนไก่มักเน้นไปที่การตรวจหาเชื้อไวรัส HPV เนื่องจาก หูดหงอนไก่ ระยะฟักตัว มีด้วยเหมือนกามโรคอื่นๆ หากพบว่า หากมีการติดนี้ในร่างกายก็สามารถระบุได้อย่างทันทีว่าหูดที่เกิดขึ้นบริเวณอวัยวะเพศหรือทวารหนักคือ หูดหงอนไก่ โดยในการวินิจฉัยเบื้องต้น แพทย์อาจใช้กรดอะซิติก เพื่อทำให้หูดมีสีซีดลง แล้วตรวจด้วยแว่นขยายหรือกล้อง เพื่อให้เห็นได้ชัดเจน จากนั้นแพทย์จะมีการสั่งตรวจด้วยวิธีแปปสเมียร์ (Pap Smear หรือ Pap Test) ซึ่งจะเก็บตัวอย่าง เซลล์ที่บริเวณปากมดลูก หรือบริเวณทวารหนักไปตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์เป็นการระบุเชื้ออีกที ไม่เพียงเท่านั้น แพทย์ยังอาจเก็บตัวอย่างเพิ่มเติมเพื่อตรวจหาสายพันธุ์ของเชื้อ HPV และความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งปากมดลูกในผู้หญิงด้วย
ความเสี่ยงของการเกิดภาวะแทรกซ้อนจากโรคหูดหงอนไก่
หากมองเผินๆ อาจคิดว่าโรคหูดหงอนไก่ไม่ได้มีความรุนแรงจนถึงขั้นทำให้เสียชีวิต แต่ในความเป็นจริงโรคนี้ถือเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงของโรคมะเร็งเพิ่มมากขึ้น อ้างอิงจากข้อมูลของ CDC หรือหน่วยงานด้านการป้องกันโรคติดต่อในสหรัฐฯ ระบุเอาไว้ว่าเชื้อ HPV เกี่ยวข้องกับโรคมะเร็งต่างๆ ประกอบไปด้วย
- มะเร็งทวารหนัก เกี่ยวข้อง 91%
- หูดหงอนไก่ ผู้หญิง ทำให้เกิดมะเร็งช่องคลอด 75%
- มะเร็งในลำคอ (คอหอย, ต่อมทอนซิล, ฐานของลิ้น) เกี่ยวข้อง 72%
- มะเร็งแคมใหญ่ เกี่ยวข้อง 69%
- หูดหงอนไก่ ผู้ชาย ทำให้เกิดมะเร็งอวัยวะเพศชาย 63%
ทว่าจากข้อมูลที่ CDC เผยมานี้ก็ได้มีการออกมาทำความเข้าใจเพิ่มเติมด้วย คือ การมีเชื้อ HPV ในร่างกายจะทำให้เกิดโรคมะเร็งโดยตรง แต่มักเกี่ยวข้องกับพฤติกรรมของผู้ป่วยมากกว่า เช่น ดื่มเหล้าหนัก สูบบุหรี่จัด อีกประเด็น คือ สายพันธุ์ของเชื้อ HPV ระหว่างการเกิดโรคหูดหงอนไก่กับโรคมะเร็งเป็นคนละตัวกัน โดยจะเป็น HPV สายพันธุ์ 16 กับ HPV สายพันธุ์ 18 อย่างไรก็ตามเพื่อความมั่นใจ การหมั่นตรวจสุขภาพและตรวจคัดกรองมะเร็งเป็นประจำ ไม่ใช่เรื่องเสียหาย
วิธีป้องกันไม่ให้เกิดโรคหูดหงอนไก่
อย่างที่กล่าวไปว่า หูดหงอนไก่มักเกิดจากเชื้อ HPV สายพันธุ์ 6 กับ HPV สายพันธุ์ 11 วิธีป้องกันง่ายที่สุด คือ การรับวัคซีนป้องกันเอาไว้ตั้งแต่เด็กๆ เพื่อที่จะลดโอกาสเสี่ยงการติดเชื้อได้ นอกจากนี้ยังมีวิธีป้องกันอื่นๆ ประกอบไปด้วย
- มีเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัย หากรู้ตัวว่าต้องมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ใช่สามี, ภรรยา หรือแฟนของตนเองก็ควรป้องกันด้วยการสวมถุงยางอนามัย ไม่ควรใช้ปากในบริเวณจุดเสี่ยง เช่น อวัยวะเพศ แต่ทั้งนี้ก็ไม่มีอะไรที่จะสามารถมั่นใจได้เต็มร้อย เนื่องจากเชื้ออาจเกิดบริเวณผิวหนังส่วนอื่นๆ ภายนอกได้ ดังนั้น หากไม่มั่นใจว่าคู่นอนของคุณมีความเสี่ยงหรือมีเชื้อ HPV หรือไม่ก็ให้สวมถุงยางอนามัยทุกครั้งจะดีที่สุด
- ดูแลสุขภาพตนเอง ลด ละ เลิก การดื่มแอลกอฮอล์หนักๆ และการสูบบุหรี่ พร้อมทั้งพยายามพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่เครียดจนเกินไป ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
แนวทางการรักษาโรคหูดหงอนไก่
หลักๆ แล้วจะมี 2 วิธี คือ การที่แพทย์ให้ยามารับประทาน กับการผ่าตัด โดยขึ้นอยู่ที่ว่าแพทย์จะเลือกพิจารณาการรักษาแบบไหนตามความหนักของอาการ นอกจากนี้ยังมีวิธีอื่นๆ ที่พอจะช่วยรักษา ได้แก่
- การใช้เครื่องจี้ไฟฟ้า เพื่อเผาให้หูดหงอนไก่หายไป แต่ในกรณีที่หูดมีขนาดใหญ่มากๆ อาจต้องใช้การผ่าตัดร่วมด้วย
- วิธีบำบัดจากความเย็นจัด โดยใช้ไนโตรเจนเหลว ทำหน้าที่แช่แข็งให้เนื้อเยื่อบริเวณนั้นโดนทำลาย แต่ก็มีผลข้างเคียงค่อนข้างมาก เช่น มีแผลพุพอง หรือเกิดอาการเจ็บปวดตรงจุดที่รักษา
รักษา โรคหูดหงอนไก่ ที่ไหน?
รักษา โรคหูดหงอนไก่ กรุงเทพฯ
หูดหงอนไก่ รักษา ได้ที่โรงพยาบาลทุกแห่ง และคลินิก หรือสามารถไปได้ตามสถานที่ดังนี้
- โรงพยาบาลรัฐ เช่น โรงพยาบาลศิริราช โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย โรงพยาบาลรามาธิบดี โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า เป็นต้น
- โรงพยาบาลเอกชน เช่น โรงพยาบาลกรุงเทพ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ โรงพยาบาลสมิติเวช โรงพยาบาลพญาไท โรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน เป็นต้น
- คลีนิคนิรนาม สภากาชาดไทย
- คลินิกเฉพาะทาง เช่น คลินิกผิวหนัง คลินิกโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ คลินิกสุขภาพทางเพศ เซฟ คลินิก (Safe Clinic)
รักษา โรคหูดหงอนไก่ เชียงใหม่ ภูเก็ต สมุย พัทยา อุดรธานี ขอนแก่น
การ รักษาหูดหงอนไก่ ที่โรงพยาบาลทุกแห่งทั่วประเทศ และคลินิก สามารถทำได้หลายวิธี ขึ้นอยู่กับขนาดและตำแหน่งของหูด และความรุนแรงของเชื้อ HPV ค่าใช้จ่ายในการ รักษาหูด หงอนไก่ในโรงพยาบาลรัฐหรือเอกชน ขึ้นอยู่กับแต่ละที่ โดยผู้ป่วยที่ใช้สิทธิบัตรทอง สามารถเข้ารับการรักษาโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายที่โรงพยาบาลเข้าร่วม หรือผู้ป่วยที่มีประกันสังคมสามารถเข้ารับการรักษาได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเช่นกัน คุณสามารถเลือกเดินทางไปได้ตามสถานที่ ดังต่อไปนี้
โรงพยาบาลรัฐประจำจังหวัดที่ รักษาหูดหงอนไก่
โรงพยาบาลรัฐประจำจังหวัด | ตัวอย่างรายชื่อ |
---|---|
เชียงใหม่ | โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ โรงพยาบาลนครพิงค์ โรงพยาบาลแม่โจ้ โรงพยาบาลสันทราย โรงพยาบาลสันกำแพง |
ชลบุรี | โรงพยาบาลชลบุรี โรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา โรงพยาบาลแหลมฉบัง โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ชลบุรี โรงพยาบาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช |
ภูเก็ต | โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต โรงพยาบาลองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต โรงพยาบาลฉลอง โรงพยาบาลถลาง โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชภูเก็ต |
สุราษฎร์ธานี | โรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชเวียงสระ โรงพยาบาลท่าโรงช้าง โรงพยาบาลเกาะสมุย โรงพยาบาลพุนพิน |
โรงพยาบาลเอกชน คลินิก ที่รักษาหูดหงอนไก่
โรงพยาบาลเอกชน คลินิก | ตัวอย่างรายชื่อ |
---|---|
เชียงใหม่ | คลินิก ฮักษา กลางเวียง เชียงใหม่ โรงพยาบาลกรุงเทพ เชียงใหม่ โรงพยาบาลลานนา โรงพยาบาลเทพปัญญา 2 โรงพยาบาลเชียงใหม่ราม |
ชลบุรี | โรงพยาบาลสมิติเวชชลบุรี โรงพยาบาลเอกชล โรงพยาบาลกรุงเทพ พัทยา โรงพยาบาลพญาไท 3 พัทยา โรงพยาบาลวิภาราม อมตะนคร |
ภูเก็ต | ภูเก็ต เมดิคอล คลินิก โรงพยาบาลกรุงเทพ ภูเก็ต โรงพยาบาลมิชชั่น โรงพยาบาลดีบุก โรงพยาบาลสิริโรจน์ |
สุราษฎร์ธานี | วีระพงศ์ คลินิก (เกาะสมุย) โรงพยาบาลกรุงเทพ สุราษฎร์ โรงพยาบาลทักษิณ โรงพยาบาลศรีวิชัย โรงพยาบาลปิยะรักษ์ |
อ่านบทความอื่นๆ ที่เกี่ยวกับหูดหงอนไก่
แม้ว่า อาการของโรคหูดหงอนไก่ ไม่ได้มีความรุนแรงอย่างที่ใครหลายคนกังวลใจ แต่ถ้าหากเป็นขึ้นมา ก็คงรู้สึกกังวลใจกันอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว ความเข้าใจถึงสาเหตุ อาการ และ วิธีรักษาหูดหงอนไก่ เป็นสิ่งสำคัญในการจัดการกับโรคนี้ ทำให้สามารถลดความเสี่ยงของหูดหงอนไก่ และปกป้องสุขภาพทางเพศของตนเองได้ โดยการมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย สวมใส่ถุงยางอนามัย ไม่เปลี่ยนคู่นอนบ่อยๆ ทำการฉีดวัคซีน HPV และขอคำแนะนำจากแพทย์ทันทีที่มีอาการหรือมีความเสี่ยงใดๆ โปรดจำไว้ว่า การตรวจพบและรักษาแต่เนิ่นๆ เป็นกุญแจสำคัญในการลดผลกระทบของหูดหงอนไก่ต่อความเป็นอยู่ที่ดีของคุณครับ