วัคซีนป้องกันฝีดาษวานร ในประเทศไทย – รายละเอียดที่ควรรู้

วัคซีนป้องกันฝีดาษวานร ในประเทศไทย – รายละเอียดที่ควรรู้

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โรคติดต่อใหม่ ๆ ได้กลายเป็นภัยคุกคามสำคัญต่อสุขภาพของประชากรโลก ไม่ว่าจะเป็นโรคโควิด-19 หรือโรคที่เกิดจากไวรัสชนิดอื่น ๆ การแพร่ระบาดของโรคเหล่านี้ไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนเท่านั้น แต่ยังสร้างความท้าทายต่อระบบสาธารณสุขและเศรษฐกิจในวงกว้าง ในบริบทนี้ การป้องกันและควบคุมโรคฝีดาษวานร ได้กลายเป็นหัวข้อสำคัญที่ได้รับความสนใจในระดับประเทศและระดับโลก โดยเฉพาะเมื่อมีรายงานการระบาดของโรคในหลายพื้นที่ทั่วโลก และประเทศไทยเองก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับความท้าทายนี้ได้ เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2567 คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติข้อตกลงในการจัดหา วัคซีนป้องกันฝีดาษวานร จำนวน 2,220 โดส เพื่อเสริมสร้างความปลอดภัยให้กับเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ การตัดสินใจครั้งนี้ไม่เพียงแต่สะท้อนถึงความพร้อมของรัฐบาลไทย ในการรับมือกับโรคติดต่อที่อาจเกิดการแพร่ระบาด แต่ยังแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการมีมาตรการเชิงรุกเพื่อปกป้องสุขภาพของประชาชนและเจ้าหน้าที่ในสายงานสำคัญ

Mpox คืออะไร? ทำไมต้องฉีด วัคซีนป้องกันฝีดาษวานร

Mpox หรือที่เรียกว่า โรคฝีดาษวานร (Monkeypox) เป็นโรคติดเชื้อไวรัสที่เกิดจากเชื้อไวรัสในกลุ่ม Orthopoxvirus ซึ่งเป็นไวรัสเดียวกับที่ทำให้เกิดโรคฝีดาษ (Smallpox) แม้ว่า Mpox จะไม่รุนแรงเท่า Smallpox แต่ก็สามารถทำให้เกิดอาการที่รบกวนชีวิตและมีภาวะแทรกซ้อนได้ในบางกรณี โดยมีการติดต่อ ลักษณะของโรค Mpox และกลุ่มที่เสี่ยง ดังนี้:

Love2Test

การติดต่อ

  • ติดต่อผ่านการสัมผัสโดยตรงกับแผล น้ำเหลือง หรือสารคัดหลั่งของผู้ป่วยฝีดาษวานร
  • สัมผัสกับวัตถุที่ปนเปื้อนเชื้อฝีดาษวานร เช่น ผ้าปูที่นอน ผ้าเช็ดตัว หรือเสื้อผ้า
  • การหายใจรับละอองฝอยขนาดใหญ่จากผู้มีเชื้อฝีดาษวานรในระยะใกล้
  • การสัมผัสใกล้ชิด เช่น การมีเพศสัมพันธ์

อาการ

  • อาการเริ่มต้นคล้ายไข้หวัด
  • มีไข้ ปวดหัว
  • ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ
  • ต่อมน้ำเหลืองบวม
  • หลังจากนั้นจะเกิดผื่นหรือตุ่มหนอง ซึ่งสามารถกระจายทั่วร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณ
    • ใบหน้า
    • มือ เท้า
    • และอวัยวะเพศ

กลุ่มเสี่ยง

  • ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่มีเชื้อฝีดาษวานรโดยไม่ป้องกัน
  • ผู้ที่มีประวัติสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยฝีดาษวานร
  • บุคลากรทางการแพทย์ ที่ดูแลผู้ป่วย โดยไม่สวมใส่อุปกรณ์ป้องกันที่เหมาะสม

 

เหตุผลที่ต้องฉีด วัคซีนป้องกันฝีดาษวานร

เหตุผลที่ต้องฉีด วัคซีนป้องกันฝีดาษวานร

การฉีดวัคซีนป้องกันโรคฝีดาษวานรมีความสำคัญเพราะโรคฝีดาษวานรเป็นโรคติดต่อที่อาจก่อให้เกิดการระบาดในชุมชน โดยเฉพาะในกลุ่มบุคคลที่มีความเสี่ยงสูงและบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับการรักษาหรือการปฏิบัติงานในห้องปฏิบัติการเกี่ยวกับเชื้อฝีดาษวานร

  • ป้องกันการติดเชื้อและลดการแพร่ระบาด
    • วัคซีน Jynneos ซึ่งเป็นวัคซีนป้องกันโรคฝีดาษที่ใช้แทนในการป้องกันโรคฝีดาษวานร มีประสิทธิภาพสูงถึง 80-85% ในการป้องกันการติดเชื้อ
    • การฉีดวัคซีนให้กลุ่มเสี่ยงจะช่วยลดความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของเชื้อไปยังชุมชนที่กว้างขึ้น
  • การป้องกันเฉพาะกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง
    • กลุ่มเสี่ยงที่ได้รับการพิจารณาให้ฉีดวัคซีนก่อน ได้แก่:
    • บุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่ห้องปฏิบัติการ
    • ผู้ติดเชื้อเอชไอวี
    • ผู้ที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
  • เสริมสร้างระบบสาธารณสุขในการควบคุมโรค
    • การได้รับวัคซีนช่วยเพิ่มความพร้อมในการรับมือกับการแพร่ระบาดของโรคในระดับประเทศ
    • ช่วยลดภาระงานของบุคลากรทางการแพทย์และป้องกันการสูญเสียทรัพยากรทางการแพทย์ในระยะยาว
      ความร่วมมือระดับอาเซียน
    • วัคซีนที่จัดหาโดยบรูไนผ่านโครงการอาเซียนเป็นตัวอย่างของความร่วมมือในระดับภูมิภาคที่ช่วยลดต้นทุนและเพิ่มการเข้าถึงวัคซีนสำหรับประเทศสมาชิก

ฉีดวัคซีนป้องกัน ฝีดาษวานร ต้องเตรียมตัวอย่างไร

 

ฉีดวัคซีนป้องกันฝีดาษวานรต้องเตรียมตัวอย่างไร?

เข้าใจเกี่ยวกับวัคซีน

วัคซีนที่ใช้ป้องกันโรคฝีดาษวานรในปัจจุบันคือวัคซีน Jynneos ซึ่งได้รับการพัฒนามาเพื่อป้องกันโรคฝีดาษ (Smallpox) โดยเฉพาะ แต่จากการวิจัยพบว่าสามารถนำมาใช้ป้องกันโรคฝีดาษวานรได้อย่างมีประสิทธิภาพถึง 80-85% วัคซีนนี้ถูกออกแบบมาให้ฉีด 2 เข็ม โดยมีระยะเวลาห่างกันประมาณ 28 วัน ซึ่งการฉีดวัคซีนดังกล่าวจะช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อและช่วยควบคุมการแพร่ระบาดของโรคในชุมชนได้เป็นอย่างดี

กลุ่มเป้าหมายหลักที่ควรได้รับวัคซีน ได้แก่ บุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่ห้องปฏิบัติการที่ทำงานเกี่ยวข้องกับเชื้อฝีดาษวานร รวมถึงผู้ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น ผู้ติดเชื้อเอชไอวีหรือผู้ที่ได้รับการวินิจฉัยว่ามีโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ การทำความเข้าใจเกี่ยวกับวัคซีนนี้ อย่างถี่ถ้วนจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้มั่นใจว่าการฉีดวัคซีนจะเกิดผลลัพธ์ที่ดีที่สุด และปลอดภัยต่อทุกคนที่เข้ารับการฉีดวัคซีนนี้

การเตรียมตัวก่อนฉีดวัคซีน

  • ตรวจสอบสุขภาพ
    • หากคุณมีอาการเจ็บป่วย เช่น ไข้หรือไอ ควรแจ้งแพทย์และเลื่อนการฉีดออกไป
    • แจ้งประวัติสุขภาพ เช่น:
    • โรคประจำตัว เช่น เบาหวาน โรคหัวใจ หรือภูมิคุ้มกันบกพร่อง
    • การตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
    • การใช้ยากดภูมิคุ้มกัน เช่น ยาสเตียรอยด์
    • ประวัติการแพ้ยา วัคซีน หรือสารอื่น ๆ
  • การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
    • ดื่มน้ำ: ดื่มน้ำมาก ๆ ก่อนฉีดวัคซีนเพื่อให้ร่างกายชุ่มชื้น
    • อาหาร: รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ให้ครบหมู่
    • หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์: งดดื่มแอลกอฮอล์ก่อนและหลังการฉีดวัคซีน 24-48 ชั่วโมง เพื่อไม่ให้รบกวนการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกัน
  • เตรียมเอกสารที่จำเป็น
    • บัตรประชาชนหรือเอกสารที่เกี่ยวข้อง
    • ประวัติการฉีดวัคซีนก่อนหน้า หากมี

วันฉีดวัคซีน

  • มาถึงตรงเวลา: ควรมาถึงสถานที่ฉีดวัคซีนล่วงหน้าอย่างน้อย 10-15 นาที
  • ใส่เสื้อผ้าที่สะดวก: เสื้อที่แขนหลวมเพื่อความสะดวกในการฉีดที่ต้นแขน
  • ฟังคำแนะนำ: รับฟังคำอธิบายจากเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับวัคซีนและอาการที่อาจเกิดขึ้น
  • สังเกตอาการ: หลังฉีดวัคซีน ควรรอสังเกตอาการในพื้นที่ 15-30 นาที เพื่อป้องกันอาการแพ้ที่อาจเกิดขึ้นทันที

การดูแลหลังฉีดวัคซีน

  • อาการทั่วไปที่อาจพบ ได้แก่
    • เจ็บ บวม หรือแดงบริเวณที่ฉีด
    • มีไข้ต่ำ ๆ หรืออาการคล้ายไข้หวัด เช่น ปวดหัว อ่อนเพลีย
    • อาการเหล่านี้มักหายไปเองภายใน 1-3 วัน
  • เมื่อใดควรพบแพทย์
    • อาการรุนแรง เช่น หายใจลำบาก มีผื่นทั่วร่างกาย หรือมีไข้สูงเกิน 38.5°C
    • บริเวณที่ฉีดวัคซีนมีอาการบวมแดงมากผิดปกติ
  • คำแนะนำทั่วไป
    • หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักใน 24 ชั่วโมงแรก
    • อย่าเกาบริเวณที่ฉีดเพื่อป้องกันการติดเชื้อ
    • ดื่มน้ำและพักผ่อนให้เพียงพอ

ความสำคัญของการจัดหา วัคซีนป้องกันฝีดาษวานร

ปัจจุบัน โรคฝีดาษวานรได้กลับมาเป็นประเด็นสำคัญในระดับโลก เนื่องจากการแพร่ระบาดในบางพื้นที่ รวมถึงการพบผู้ป่วยในหลายประเทศ การจัดหาวัคซีนจึงมีบทบาทสำคัญในการป้องกันและควบคุมการระบาด การฉีดวัคซีนไม่เพียงแต่ช่วยลดความเสี่ยงของการติดเชื้อในกลุ่มผู้มีความเสี่ยงสูง เช่น เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง แต่ยังช่วยลดความเสี่ยงของการแพร่เชื้อไปยังประชากรทั่วไปอีกด้วย

นายคารม พรพลกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า “วัคซีนจำนวน 2,220 โดสที่จัดหามานั้น จะนำมาใช้ฉีดให้กับกลุ่มเป้าหมายที่มีความเสี่ยงสูง เช่น เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานตามด่านศุลกากร และเจ้าหน้าที่ที่ต้องพบปะกับประชาชนจำนวนมาก นอกจากนี้ วัคซีนยังได้รับการอนุมัติให้ใช้ในกรณีฉุกเฉิน โดยการจัดหาวัคซีนครั้งนี้ใช้เงินงบประมาณที่เคยจัดซื้อวัคซีนป้องกันโควิด-19 ซึ่งยังคงเหลืออยู่จากการดำเนินงานที่ผ่านมา”

 

ความท้าทายในการจัดการวัคซีนฝีดาษวานร

ความท้าทายในการจัดการ วัคซีนป้องกันฝีดาษวานร

การจัดหาวัคซีนในครั้งนี้ ประเทศไทยต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดโดยองค์การอนามัยโลก (WHO) ซึ่งรวมถึงการติดตามผลกระทบจากการฉีดวัคซีนและการรับผิดชอบต่อความเสียหายหรือผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น กระทรวงสาธารณสุขได้ยืนยันว่า จะมีการตรวจสอบและติดตามอาการของผู้ที่ได้รับวัคซีนอย่างใกล้ชิด เพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยและประสิทธิภาพของวัคซีน แม้ว่าการจัดหาวัคซีนจะเป็นก้าวสำคัญในการป้องกันโรค แต่ก็มีความท้าทายหลายประการที่ต้องเผชิญ ได้แก่:

  • การกระจายวัคซีน: การกระจายวัคซีนให้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายในพื้นที่ห่างไกลและพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดสูง
  • ความเข้าใจของประชาชน: การให้ข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับโรคฝีดาษวานรและวัคซีน เพื่อป้องกันความเข้าใจผิดและความลังเลในการรับวัคซีน
  • การเฝ้าระวังผลข้างเคียง: การตรวจสอบและรายงานผลข้างเคียงอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในวัคซีน

อ่านบทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

บทสรุป

การอนุมัติข้อตกลงในการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคฝีดาษวานรจำนวน 2,220 โดสครั้งนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญที่สะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจของรัฐบาลไทยในการเฝ้าระวังและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคฝีดาษวานร ซึ่งเป็นภัยสุขภาพที่อาจส่งผลกระทบต่อประชาชนในวงกว้าง วัคซีนดังกล่าวจะช่วยเสริมสร้างความปลอดภัยให้กับเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานด่านหน้า รวมถึงกลุ่มประชากรที่มีความเสี่ยงสูง นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันการแพร่กระจายของโรคในชุมชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้การดำเนินงานครั้งนี้จะมีความท้าทายหลายประการ เช่น การจัดสรรวัคซีนให้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมาย การสร้างความเข้าใจและความเชื่อมั่นในประสิทธิภาพของวัคซีน และการบริหารจัดการวัคซีนในระดับประเทศ แต่ด้วยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งหน่วยงานสาธารณสุข องค์กรระดับภูมิภาค และประชาชน ประเทศไทยจะสามารถสร้างระบบป้องกันโรคที่แข็งแกร่งและยั่งยืนได้ในอนาคต ความพยายามนี้ไม่เพียงแค่ตอบสนองต่อความจำเป็นในปัจจุบัน แต่ยังเป็นการวางรากฐานที่มั่นคงเพื่อเสริมสร้างความพร้อมในการรับมือกับปัญหาสุขภาพใหม่ๆ ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนไทยให้ดียิ่งขึ้นอย่างยั่งยืน

อ้างอิงข้อมูลจาก:

ครม.เห็นชอบ ข้อตกลงจัดหาวัคซีนป้องกันฝีดาษลิง 2,220 โดส จ่อฉีดจนท. ด่านศุลกากร

  • matichon.co.th/politics/news_4948495

ไทยรับเงื่อนไขจัดหาวัคซีนป้องกันฝีดาษวานร 2,220 โดส จากบรูไน

  • infoquest.co.th/2024/452666

ร่างหนังสือข้อตกลงสำหรับการจัดหาวัคซีนป้องกันการติดเชื้อโรคฝีดาษวานร

  • resolution.soc.go.th/PDF_UPLOAD/2567/P_412485_9.pdf

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า