เพศสัมพันธ์ปลอดภัย ใครๆ ก็คงอยากมีเพื่อให้ตัวเองห่างไกลจากโรคใช่ หรือไม่ เพราะเรื่องนี้ ถือเป็นเรื่องธรรมชาติของมนุษย์ เป็นส่วนหนึ่งในกระบวนการของการสืบพันธุ์ “เซ็กส์” ยังช่วยให้คุณมีสุขภาพร่างกาย และสุขภาพจิตที่ดี ช่วยกระชับความสัมพันธ์ของคู่รักให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม เพศสัมพันธ์ที่ดี ควรจะต้องคำนึงถึงการป้องกันเป็นหลัก จะได้ไม่ต้องมานั่งเครียดทีหลัง หากตรวจพบเชื้อ หรือมีความเสี่ยงที่จะติดโรคใดๆ ในภายหลัง และทำให้คุณรู้สึกมีความสุขกับกิจกรรมทางเพศได้อย่างเต็มที่ ไม่กังวลทั้งคุณ และคู่นอนด้วย
เพศสัมพันธ์ คืออะไร
คือ การร่วมเพศ หรือมีกิจกรรมทางเพศที่มีความใกล้ชิดทางกาย และใจระหว่างคนสองคน หรือมากกว่า เพื่อตอบสนองความสุขทางอารมณ์ กระชับความสัมพันธ์ในคู่รัก หรือคู่นอนของตนเอง โดยการมีเพศสัมพันธ์อาจแบ่งออกเป็น การสอดใส่อวัยวะเพศชาย เข้าไปในช่องคลอด ทวารหนัก หรือปาก และการไม่สอดใส่ การใช้นิ้ว รวมถึงการใช้ Sex Toy เพื่อจุดประสงค์ทางเพศทั้งสิ้น
ถ้ามีเพศสัมพันธ์ ต้องเสี่ยงกับโรคไหนบ้าง?
- เอชไอวี
- ซิฟิลิส
- หนองในแท้
- หนองในเทียม
- เริมที่อวัยวะเพศ
- ไวรัสตับอักเสบบี
- ไวรัสตับอักเสบซี
- หูดหงอนไก่
- แผลริมอ่อน
“ไม่มีถุงยางอนามัย = ไม่มีเพศสัมพันธ์”
เพศสัมพันธ์ปลอดภัย มีวิธีไหนบ้าง?
การช่วยตัวเอง
คือ การใช้มือ สิ่งของ หรือเซ็กส์ทอย นำมากระตุ้นอวัยวะเพศของตัวเอง ให้รู้สึกเกิดอารมณ์ทางเพศ ได้แก่ การสอดใส่นิ้วมือเข้าไปในช่องคลอด และถูบริเวณคลิตอริส หรือรอบๆ อวัยวะเพศ การชักว่าวของผู้ชายที่ใช้มือถูขึ้นลงที่องคชาติ ทั้งนี้ อาจใช้วิธีอื่นๆ เสริม เพื่อช่วยให้รู้สึกมีจินตนาการทางเพศ เหมือนกับได้มีเพศสัมพันธ์กับคู่นอนของตัวเองจริงๆ เช่น การโทรคุย การส่งข้อความ ภาพ หรือวิดีโอแชททางออนไลน์กับคู่ของตัวเอง การดูรูปโป๊ คลิปโป๊ ที่ช่วยให้สำเร็จความใคร่ได้ เป็นต้น

ถุงยางอนามัย
เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยป้องกันโรคจากกิจกรรมทางเพศได้ดีเลยทีเดียว ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็นทั้งของผู้ชาย และผู้หญิง โดยมีข้อดี และข้อเสียแตกต่างกันออกไปตามโอกาสการใช้งานของแต่ละคู่ ดังนี้
ถุงยางอนามัยสำหรับผู้ชาย
ถุงยางอนามัยใช้สำหรับสวมใส่ที่องคชาติของเพศชาย เพื่อป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และช่วยไม่ให้อสุจิหลั่งเข้าไปในมดลูกของผู้หญิง ป้องกันการตั้งครรภ์ได้ดีอีกด้วย ปัจจุบัน ถุงยางอนามัยถูกออกแบบมาให้มีความหลากหลายทั้งขนาด รูปร่าง ลักษณะผิวสัมผัส รสชาติ สีสันที่ดึงดูดให้ผู้บริโภคอยากลองใช้งาน โดยถุงยางอนามัยส่วนใหญ่ทำมาจากยางธรรมชาติที่มีความปลอดภัย อีกทั้งเป็นอุปกรณ์ป้องกันที่หาซื้อได้ง่าย ราคาไม่แพงอีกด้วย
ทริคในการใช้ถุงยางอนามัยที่ถูกต้อง
- ใช้สวมแค่เพียงชั้นเดียว ก็เพียงพอต่อการป้องกัน
- ถุงยางอนามัยใช้ได้แค่ครั้งเดียว ไม่ควรนำกลับมา
- ใช้งานไม่เกิน 30 นาที หากเกินให้เปลี่ยนอันใหม่
- สวมถุงยางอนามัยเมื่ออวัยวะเพศแข็งตัวเท่านั้น
- หลังเสร็จกิจ ควรใช้กระดาษทิชชู่ จับถุงยางอนามัยแล้วถอดออกอย่างระมัดระวัง
- เก็บลงในซอง หรือกระดาษทิชชู่ห่อ ก่อนทิ้งถุงยางอนามัยลงในถังขยะที่ปิดมิดชิด
- ไม่เก็บถุงยางอนามัยไว้ในกระเป๋าสตางค์ เพราะการเสียดสีจะทำให้ถุงยางเสื่อมสภาพ
ข้อแนะนำในการเลือกซื้อถุงยางอนามัย
เลือกยี่ห้อที่ระบุรายละเอียดของถุงยางอนามัยอย่างครบถ้วน เช่น วันที่ผลิต วันที่หมดอายุ วัสดุการผลิต จำนวน รูปแบบลักษณะ กลิ่น สี รสชาติ มีเลขทะเบียนจดแจ้งถูกต้องตามกฏหมาย เป็นต้น
เลือกขนาดให้เหมาะสมกับอวัยวะเพศของตัวเอง โดยในประเทศไทยจะสามารถพบเห็นขนาดของถุงยางอนามัยในขนาด 49 มม. 51 มม. และ 52 มม. อาจลองเลือกซื้อมาทดลองใส่ก่อนมีกิจกรรมทางเพศจริง จะได้ทราบว่าไซส์ไหนที่พอดีกับองคชาติของคุณ เพราะหากหลวมไป ก็ทำให้หลุดออกขณะมีเซ็กส์ หรือหากคับไปก็ทำให้ถุงยางอนามัยแตก เสี่ยงต่อการติดโรคได้
การบรรจุ และการจัดวางถุงยางอนามัย ควรตรวจดูว่ากล่องที่บรรจุนั้นชำรุด หรือฉีกขาดอยู่ก่อน หรือไม่ เพราะผู้ขายอาจจะไม่ได้ตรวจสอบสินค้าตลอดเวลา ซึ่งหากภายในมีความชำรุดก็ไม่ควรนำมาใช้งาน นอกจากนี้ ชั้นวางที่ขายถุงยางอนามัยควรจะต้องไม่โดนแสงแดดจัดๆ หรือมีอุณหภูมิที่ร้อน ซึ่งส่งผลให้ถุงยางอนามัยเสื่อมสภาพตั้งแต่ยังไม่ได้ซื้อมาใช้เลยเสียด้วยซ้ำ
ถุงยางอนามัยสำหรับผู้หญิง
ใช้สอดใส่เข้าไปในช่องคลอดของเพศหญิง เพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ โดยตรวจถุงยางอนามัยสำหรับผู้หญิงนั้นจะทำมาจากวัสดุประเภทน้ำยางสังเคราห์ หรือโพลียูรีเทน มีลักษณะเป็นห่วงทั้งสองด้าน โดยด้านหนึ่งเป็นแบบเปิดเพื่อให้อวัยวะเพศชายสามารถสอดใส่เข้าไปได้ ส่วนอีกด้านหนึ่งเป็นแบบปิด เพื่อกันไม่ให้น้ำอสุจิของผู้ชายเข้าไปผสมกับไข่ในช่องคลอด หากใช้อย่างถูกต้องจะสามารถช่วยป้องกันได้ถึง 95% เลยทีเดียว
ข้อดีของถุงยางอนามัยผู้หญิง
- ถุงยางอนามัยผู้หญิง ไม่ต้องยุ่งยากในการเลือกขนาด เพราะมีแบบเดียว สามารถใช้ได้กับอวัยวะเพศของผู้หญิงได้ทุกคน และเข้าได้กับองคชาตหลายขนาด
- สามารถใช้งานได้ทันทีที่ต้องการ หรืออาจใส่ล่วงหน้าได้ถึง 8 ชั่วโมง ก่อนมีเพศสัมพันธ์
- ผู้ชายไม่จำเป็นต้องนำอวัยวะเพศออกมาข้างนอกช่องคลอด เมื่อถึงจุดสุดยอด
- อาจก่อให้เกิดอาการแพ้น้อยกว่า และมีโอกาสถุงยางแตกน้อยกว่าเมื่อเทียบกับถุงยางอนามัยผู้ชาย
- หากซื้อมาแล้วยังไม่มีโอกาสได้ใช้ ก็สามารถเก็บไว้ได้ เพราะมีอายุการใช้งานยาวนาน บางยี่ห้ออาจอยู่นานถึง 5 ปี แต่ต้องขึ้นอยู่กับการเก็บรักษาที่ดีด้วย
ข้อเสียของถุงยางอนามัยผู้หญิง
- มีโอกาสที่จะเกิดความล้มเหลวในการป้องกันถึง 21% ในขณะที่ถุงยางอนามัยผู้ชายอาจเกิดความล้มเหลวในการป้องกันน้อยกว่าเพียง 13%
- เวลาสวมใส่อาจรู้สึกไม่ค่อยสบายตัว คัน ระคายเคืองช่องคลอด หรือทำให้รู้สึกแสบร้อนช่องคลอดได้
- ถึงแม้จะสามารถใส่ถุงยางอนามัยผู้หญิงได้ล่วงหน้า แต่ก็ไม่แนะนำให้ใส่ในระยะเวลานานเกินไป เพราะอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะได้
- ถุงยางอนามัยผู้หญิง มีราคาสูงกว่า ถุงยางอนามัยผู้ชาย คู่รักส่วนใหญ่จึงเลือกซื้อสิ่งที่ถูกกว่า
- วิธีการใส่ยุ่งยากกว่าถุงยางอนามัยผู้ชาย เนื่องจากต้องสอดเข้าไปในช่องคลอด และต้องจัดแจงให้มั่นใจว่าไม่หลุดออกมา
- บางครั้งก็ส่งผลกระทบต่อการมีเพศสัมพันธ์ ทำให้ผู้หญิงรับรู้ความรู้สึกได้น้อยลง ทำให้อาจไปถึงจุดสุดยอดได้ยากขึ้น

เจลหล่อลื่นเพื่อ เพศสัมพันธ์ปลอดภัย
การใช้สารหล่อลื่นที่เหมาะสมกับวัสดุที่ผลิตของถุงยางอนามัย จะช่วยลดความเสี่ยงที่ถุงยางอนามัยจะแตก หรือฉีกขาดได้ และยังมีประโยชน์ในการช่วยให้เพศสัมพันธ์มีความราบรื่น หากคู่นอนของคุณมีสารคัดหลั่งน้อย ไม่เพียงพอในการมีกิจกรรมทางเพศ ก็อาจเกิดอาการเจ็บ หรือแสบที่อวัยวะเพศได้ หรือในคู่รักที่มีรสนิยมทางเพศมีเซ็กส์ผ่านทางทวารหนัก ที่เป็นบริเวณที่ไม่ได้ออกแบบมาให้เหมาะสำหรับการมีเพศสัมพันธ์นั้น จำเป็นต้องใช้เจลหล่อลื่นแทนสารคัดหลั่งธรรมชาติ เพื่อให้มีเซ็กส์ได้ โดยเจลหล่อลื่น แบ่งออกเป็น 3 ชนิด ดังนี้
เจลหล่อลื่นสูตรน้ำ
สูตรนี้มีจำหน่ายทั่วไปตามร้านสะดวกซื้อ เพราะสามารถใช้งานได้ง่าย ช่วยหล่อลื่นได้ดี ไม่เหนียวเหนอะหนะ ล้างออกง่าย ใช้ร่วมกับถุงยางอนามัยได้ทุกประเภท และไม่ทำให้เสื่อมสภาพลง แต่ก็แห้งง่ายด้วยเช่นกันจึงต้องเติมเจลหล่อลื่นระหว่างที่กำลังมีเพศสัมพันธ์บ่อยๆ หากเผลอกลืนเข้าไปในระหว่างที่ทำออรัลเซ็กส์ก็ไม่เป็นอันตรายใดๆ ต่อร่างกายแต่ก็ไม่แนะนำให้กลืนเจลหล่อลื่นเข้าไปโดยตรง
เจลหล่อลื่นสูตรน้ำมัน
สูตรนี้ความจริงไม่ถือว่าเป็นเจลหล่อลื่นสำหรับการมีเพศสัมพันธ์โดยตรง เพราะส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์เหล่านี้สามารถนำไปใช้งานอย่างอื่นได้เหมาะกว่า เช่น วาสลีน ปิโตรเลียมเจล ครีมทามือ เบบี้ออยล์ น้ำมันพืช น้ำมันมะพร้าว เป็นต้น แต่ก็มีคนนำมาใช้ในการมีเซ็กส์ เนื่องด้วยสารเหล่านี้ไม่ระเหยง่าย ไม่ดูดซึมเข้าร่างกาย จึงไม่จำเป็นต้องเติมบ่อยๆ แต่ไม่แนะนำให้ใช้กับถุงยางอนามัยโดยตรงเพราะมีโอกาสทำให้เกิดการฉีกขาด และล้างทำความสะอาดยาก
เจลหล่อลื่นสูตรซิลิโคน
สูตรนี้จะใช้สำหรับกลุ่มที่เป็นคู่นอนประจำ คู่รักที่แต่งงานกันแล้ว รู้ผลเลือดของกัน และกันแล้ว เพราะมักจะใช้สำหรับคนที่มีรสนิยมไม่ชอบสวมถุงยางอนามัย เพราะเจลหล่อลื่นชนิดนี้ไม่ระเหย ไม่ต้องเติมระหว่างมีเซ็กส์ สามารถใช้ได้นานกว่าปกติ และจะใช้กับช่องคลอด หรือทวารหนักก็ได้เช่นกัน แต่เจลหล่อลื่นสูตรซิลิโคนหาซื้อได้เฉพาะในต่างประเทศเท่านั้น ยี่ห้อที่ได้รับความนิยม เช่น Durex Super Slyde Silicone, Wet Platinum, Eros Bodyglide, ID Millennium เป็นต้น ที่สำคัญจะต้องไม่ใช้เจลซิลิโคนนี้กับถุงยางอนามัย Sex toys หรือตุ๊กตายางโดยเด็ดขาดเพราะจะทำให้เกิดการเสียหายได้
เพร็พ (PrEP)
เพร็พ (PrEP) ทำให้ เพศสัมพันธ์ปลอดภัย ขึ้นได้มากกว่า 95% เลยทีเดียว หากมีการใช้ร่วมกับถุงยางอนามัย โดยยาชนิดนี้ คือ ยาต้านไวรัสเอชไอวีที่ใช้ทานก่อนมีเพศสัมพันธ์ คล้ายกับยาคุมกำเนิดของผู้หญิง และทานวันละ 1 เม็ดต่อเนื่องเป็นประจำทุกวัน เหมาะสำหรับคนที่มีความเสี่ยงบ่อย เช่น ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย คนที่มีคู่นอนหลายคน คนที่ทำอาชีพให้บริการทางเพศ คนที่เคยทานยาเป็ป (PEP) บ่อยๆ คนที่ใช้เข็มฉีดยาเสพสารเสพติด คนที่เคยตรวจพบว่ามีโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์มาก่อน เป็นต้น
ก่อนการทานเพร็พ คุณจะต้องเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์ เพื่อทำการตรวจเอชไอวี ตรวจการทำงานของตับ และไต ว่าร่างกายของคุณเองสามารถทานยาป้องกันนี้ได้ หรือไม่ และหลังจากได้รับเพร็พแล้ว เมื่อทานครบ 30 วัน แพทย์จะทำการนัดให้คุณกลับไปตรวจเอชไอวีอีกครั้งเพื่อยืนยันประสิทธิภาพของยาว่ายังสามารถป้องกันเอชไอวีได้ดีอยู่ และจะนัดตรวจทุกๆ 3 เดือนเพื่อติดตามผลสุขภาพทางเพศของคุณ และเพร็พนั้นไม่จำเป็นต้องทานตลอดชีวิตเหมือนยาต้านไวรัสเอชไอวีสำหรับผู้ที่ติดเชื้อแล้ว หากช่วงไหนที่คุณไม่มีความเสี่ยงอีกก็สามารถปรึกษาแพทย์เพื่อทำการหยุดยาได้
ฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ที่สามารถฉีดวัคซีนป้องกันไว้ก่อนได้ มีแค่ 2 โรคเท่านั้น คือ โรคไวรัสตับอักเสบบี และไวรัสเอชพีวี (HPV) ที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคหูดหงอนไก่ มะเร็งปากมดลูก มะเร็งทวารหนักได้ หากยังไม่เคยได้รับวัคซีนเหล่านี้ ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อทำการตรวจหาภูมิ และฉีดวัคซีนให้ครบโดสโดยเร็ว
ปรับพฤติกรรมของตัวเอง
สิ่งสำคัญ นอกเหนือจากอุปกรณ์ วัคซีน หรือยาป้องกันโรค ก็ขึ้นอยู่กับตัวคุณเป็นหลักด้วยว่าต้องการมี เพศสัมพันธ์ปลอดภัย หรือไม่ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้ตระหนักถึงความร้ายแรงของโรคที่อาจติดต่อกันได้ผ่านกิจกรรมทางเพศนั้น จะช่วยให้ปลอดภัยได้มากกว่าสิ่งใดทั้งหมด ได้แก่
- การไม่มีเพศสัมพันธ์เลยหากไม่ได้ป้องกันตัวเอง
- การไม่เปลี่ยนคู่นอนบ่อย ไม่มีเพศสัมพันธ์แบบชั่วคราวกับคู่นอนที่ไม่รู้จัก
- การไม่ใช้บริการผู้ให้บริการทางเพศที่ไม่ได้ทำการตรวจโรคมาก่อน
- การไม่ชิงสุกก่อนห่าม มีเพศสัมพันธ์ในช่วงอายุที่ยังน้อย (ต่ำกว่า 18 ปี)
- หลีกเลี่ยงการมีเซ็กส์ทางทวารหนัก เพราะเป็นอวัยวะที่ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อมีเพศสัมพันธ์โดยเฉพาะ และเสี่ยงต่อการเกิดบาดแผลได้ง่าย
- การทำรักทางปาก หรือออรัลเซ็กส์ก็ควรสวมถุงยางอนามัยด้วยทุกครั้ง
- หากมีการสัมผัสสารคัดหลั่งควรทำความสะอาดให้ดี และหมั่นสังเกตบาดแผล ถ้าพบเลือดออก ควรหยุดกิจกรรมไว้ก่อน และปรึกษาแพทย์
ตรวจคัดกรองโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เป็นประจำ
การหมั่นตรวจคัดกรองเชื้อไวรัสเอชไอวี และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เป็นประจำช่วยให้คุณมีกิจกรรมทางเพศที่ปลอดภัยมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่มีความเสี่ยงบ่อยๆ ควรจะได้รับการตรวจโรคเหล่านี้
- ไวรัสเอชไอวี
- ซิฟิลิส
- หนองในแท้
- หนองในเทียม
- เริมที่อวัยวะเพศ
- ไวรัสตับอักเสบบี
- ไวรัสตับอักเสบซี
- ไวรัสเอชพีวี ฯลฯ
ยิ่งใครที่กำลังวางแผนแต่งงาน มีบุตร ก็ควรได้รับการตรวจกามโรคก่อน เพราะหากไม่รู้ว่าเป็นโรคอะไรอยู่ อาจทำให้เชื้อส่งต่อไปยังเด็กน้อยในครรภ์ที่จะเกิดมาในอนาคตได้ และเพื่อความสบายใจของคนทั้งคู่ อาจแยกเป็นการตรวจเลือด ตรวจปัสสาวะ ตรวจภายในของฝ่ายหญิง ตรวจมะเร็งปากมดลูก ตรวจสารคัดหลั่ง และตรวจสุขภาพร่างกายโดยรวม ซึ่งการหมั่นตรวจคัดกรองโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์นี้ ยิ่งตรวจพบไวเท่าไหร่ ก็จะช่วยให้คุณปลอดภัยจากโรคได้เร็วเท่านั้น เนื่องจากสามารถเข้าถึงการรักษาได้ทันที

จะเห็นได้ว่า หากเราใส่ใจที่จะเรียนรู้วิธีการป้องกันเชื้อเอชไอวี และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ จะช่วยส่งเสริมสุขภาพทางเพศที่ดีของคุณได้ รวมไปถึง การเปิดใจคุยระหว่างคู่นอนของคุณถึงเรื่องการป้องกันเป็นเรื่องที่ดี ที่ควรทำ และช่วยกัน เพราะประโยชน์นั้นไม่ได้เกิดกับใครนอกจากตัวคุณเอง ทำให้ชีวิตคู่มีความสุขราบรื่น ไม่ต้องคอยมาระแวงว่าจะเสี่ยงติดเชื้ออะไร หรือเป็นโรคอะไรตอนไหนได้ครับ