ยา PEP (เป๊ป) Post-Exposure Prophylaxis เป็นยาต้านไวรัสกรณีฉุกเฉิน หรือเรียกติดปากว่า ยาต้านฉุกเฉิน สำหรับผู้ที่ไม่มีเชื้อเอชไอวี และต้องการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีหลังมีความเสี่ยงสัมผัสเชื้อ โดยจำเป็นต้องกินยาเป๊ปให้เร็วที่สุด ภายในเวลา 72 ชั่วโมง เพื่อต้านไวรัส และลดโอกาสการรับเชื้อเข้าสู่ร่างกาย ซึ่งต้องกินยาเป๊ปอย่างต่อเนื่องติดต่อกันนาน 28 วัน
สารบัญ
1. ยา PEP (เป๊ป) ประกอบด้วยยาชนิดไหนบ้าง
2. ใครบ้างที่ควรได้รับยาเป็ป PEP
3. ขั้นตอนการรับยาเป๊ป PEP ต้องทำอย่างไร
4. ความแตกต่างของ ยาเพร็พ PrEP และ ยาเป๊ป PEP
5. ยาเป๊ป PEP ต้องกินนานแค่ไหน
7. ยา PEP (เป๊ป) มีผลข้างเคียง หรือไม่
8. ยาเป๊ป PEP สามารถป้องกันเอชไอวี ได้กี่เปอร์เซ็นต์
9. กรณีกินยาเป๊ป PEP ครบกำหนดแล้วจำเป็นต้องมาหาหมออีก หรือไม่?
10. กรณีกินยาเป๊ป PEP ไม่ครบตามกำหนดจะเสี่ยงติดเชื้อ หรือไม่?
ยา PEP (เป๊ป) ประกอบด้วยยาชนิดไหนบ้าง
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะพิจารณาเลือกใช้สูตรยาเป๊ป PEP ตามความเหมาะสมของแต่ละรายบุคคลซึ่งยาเป๊ปประกอบด้วยยาต้านไวรัสทั้งหมด 3 ชนิด ปัจจุบันมีการพัฒนาสูตรยาที่รวมทั้ง 3 รายการไว้ในเม็ดเดียวกัน หรือแยกเม็ด แล้วแต่แพทย์เป็นผู้พิจารณา ซึ่งเป็นยาต้านไวรัสที่ช่วยให้ผู้ป่วยใช้ยาได้สะดวกขึ้น และลดปัญหาการลืมกินยา ป้องกันการดื้อยาในอนาคต
ใครบ้างที่ควรได้รับยาเป็ป PEP
ยาเป็ป ใช้สำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวี หรือคาดว่าเพิ่งมีการสัมผัสเชื้อเอชไอวีโดยจะต้องปรึกษาแพทย์ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และต้องกินยาภายในระยะเวลาไม่เกิน 72 ชั่วโมง ซึ่งผู้ที่ควรได้รับยาเป๊ปมักมีพฤติกรรมเสี่ยง เช่น
- ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์ที่สวมถุงยางอนามัยแต่ถุงยางอนามัยแตก ฉีกขาด หลุด
- ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้ติดเชื้อเอชไอวี
- ผู้ที่เพิ่งถูกล่วงละเมิดทางเพศ
- ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์ขณะที่ไม่ได้สติ
- ผู้ที่มีการใช้เข็มฉีดยาร่วมกับผู้อื่น
- ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน
ขั้นตอนการรับยาเป๊ป PEP ต้องทำอย่างไร
สำหรับผู้ที่ต้องการใช้ ยาเป๊ป ในการต้านไวรัสฉุกเฉิน จะต้องมีการปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และทำการซักประวัติความเสี่ยงที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ หลังจากนั้นแพทย์จะพิจารณาความเหมาะสมในการจ่าย ยา PEP โดยจะต้องทำการตรวจเลือดเพื่อยืนยันว่าผู้รับยาไม่มีเชื้อไวรัสเอชไอวีภายในร่างกาย ตรวจคัดกรองโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ ตรวจไวรัสตับอักเสบบี และตรวจการทำงานของตับ และไตเพื่อให้มั่นใจว่ามีความพร้อมรับยาเป๊ปจริงๆ ซึ่งในระหว่างหลังกินยาครบ 28 วัน ผู้รับยาจะต้องตรวจเอชไอวีอีกครั้งในช่วง 1 เดือน และ 3 เดือน เพื่อยืนยันผล
ความแตกต่างของ ยาเพร็พ PrEP และ ยาเป๊ป PEP
PrEP | PEP |
---|---|
ยาต้านเชื้อไวรัสก่อนการสัมผัสเชื้อ | ยาต้านเชื้อไวรัสหลังการสัมผัสเชื้อ |
ยับยั้งไม่ให้เกิดการแบ่งตัวของไวรัสในร่างกาย | สร้างระบบภูมิคุ้มกันป้องกันไวรัส ก่อนเชื้อจะแพร่ในร่างกาย |
กินเฉพาะก่อนที่จะมีพฤติกรรมเสี่ยง | ใช้ในกรณีฉุกเฉิน ภายใน 72 ชั่วโมงหลังการสัมผัสกับเชื้อ |
รับประทานทุกวัน วันละ 1 เม็ด | รับประทานวันละ 1 ครั้ง ต่อเนื่อง 28 วัน |
เหมาะกับผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการได้รับเชื้อเอชไอวี | เหมาะกับผู้ที่เพิ่งผ่านความเสี่ยงติดเชื้อ |
ยาเป๊ป PEP ต้องกินนานแค่ไหน
การกินยาเป๊ปต้องกิน 1 ครั้งทุกวัน ตามสูตรยาที่แพทย์กำหนดให้แต่ละบุคคล และต้องกินติดต่อกันนาน 28 วัน
ยาเป๊ป PEP ราคาเท่าไหร่
ยาเป็ป เป็นยาที่มีราคาแพง โดยราคาเริ่มต้นที่ 1200- 20000 บาท แล้วแต่ชนิของยา และดุลพินิจของแพทย์ และมีหลายองค์กรใช้บริการฟรี ตามกลุ่มเสี่ยง และโครงการ
ยา PEP (เป๊ป) มีผลข้างเคียง หรือไม่
โดยส่วนใหญ่ผู้ที่กินยาเป๊ป PEP มักจะไม่มีผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายรุนแรง เนื่องจากยามีความปลอดภัยต่อร่างกาย และเป็นที่ยอมรับของทั่วโลก ซึ่งในกรณีของผู้ที่มีภาวะข้างเคียงจะมีอาการดีขึ้นหลังกินยาผ่านประมาณ 1 สัปดาห์ โดยจะแสดงอาการที่เห็นได้ชัด เช่น
- คลื่นไส้
- วิงเวียนศีรษะ
- อ่อนเพลีย
- ท้องเสีย
ยาเป๊ป PEP สามารถป้องกันเอชไอวี ได้กี่เปอร์เซ็นต์
PEP มีความสามารถในการป้องกัน การติดเชื้อเอชไอวีได้กว่า 80% หากได้รับยาอย่างทันท่วงที หรือภายในระยะเวลาไม่เกิน 72 ชั่วโมง หากได้รับยาเร็วเท่าไหร่ ยาจะยิ่งมีประสิทธิภาพต่อร่างกายมากเท่านั้น และที่สำคัญขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของผู้รับยาด้วยเช่นกัน
กรณีกินยาเป๊ป PEP ครบกำหนดแล้วจำเป็นต้องมาหาหมออีก หรือไม่?
เมื่อกินยาเป๊ป PEP ครบระยะเวลา 1 เดือนแล้ว จำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้รับยาจะต้องพบแพทย์เพื่อตรวจหาเชื้อเอชไอวี หลังจากผ่านไป 3 เดือน และ 6 เดือน เพื่อให้มั่นใจว่าการกินยาเป๊ปมีประสิทธิภาพในการต้านไวรัสเอชไอวีในร่างกายได้
กรณีกินยาเป๊ป PEP ไม่ครบตามกำหนดจะเสี่ยงติดเชื้อ หรือไม่?
หากกินยาไม่ครบ 28 วัน หรือ มีบางวันที่ลืมกินยา จะส่งผลให้ประสิทธิภาพในการป้องกันเชื้อไวรัส ลดน้อยลง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำที่ถูกต้อง และหากมีเพศสัมพันธ์ในระหว่างนี้ ควรสวมใส่ถุงยางอนามัยทุกครั้ง รวมถึงหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ จนกว่าแพทย์จะทำการยืนยันผลการตรวจเลือด ว่าไม่มีการติดเชื้อ
ยาเป๊ป PEP ต้องกินตลอดไป หรือไม่
ตามที่กล่าวมาข้างต้นยาเป๊ปใช้สำหรับหลังมีความเสี่ยงได้รับเชื้อเอชไอวี ควรใช้ในกรณีฉุกเฉินหลังมีความเสี่ยงภายในเวลา 72 ชั่วโมงเท่านั้น หากมีการใช้ชีวิตที่ค่อนข้างเสี่ยงเป็นประจำ แนะนำให้ใช้ ยาเพร็พ PrEP เพื่อลดโอกาสการติดเชื้อก่อนการสัมผัสเชื้อจึงจะเป็นวิธีที่ดีกว่า
ยา PEP ไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีได้ 100% ดังนั้น จึงควรใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ เพื่อป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ