การเดินทางไปต่างประเทศนั้นน่าตื่นเต้น แต่สิ่งสำคัญคือต้องคำนึงถึงสุขภาพ และความปลอดภัยของตนเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่มีการระบาดของโรคต่างๆ โรคฝีดาษวานรเป็นโรคติดเชื้อที่พบได้ในหลายประเทศทั่วโลก แม้ว่าโดยทั่วไปแล้วจะมีอาการไม่รุนแรง แต่ก็อาจทำให้เกิดความเจ็บป่วยที่ร้ายแรงได้ในบางราย
ดังนั้น ผู้ที่วางแผนจะเดินทางไปต่างประเทศควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับโรคฝีดาษวานร รวมถึงวิธีการป้องกันตนเองจากการติดเชื้อ บทความนี้มีคำแนะนำสำหรับผู้เดินทางไปต่างประเทศเพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อโรคฝีดาษวานร และเพื่อให้การเดินทางของคุณเป็นไปอย่างราบรื่น และปลอดภัย
สาเหตุ และการติดต่อ
โรคฝีดาษวานรเกิดจากเชื้อไวรัส Monkeypox ซึ่งอยู่ในกลุ่มเดียวกับไวรัสที่ก่อโรคฝีดาษ หรือไข้ทรพิษ (Smallpox) แต่มีความรุนแรงน้อยกว่า เดิมทีโรคนี้ติดต่อจากสัตว์มาสู่คน โดยพบได้ในสัตว์ฟันแทะหลายชนิด เช่น หนู กระรอก และสัตว์ตระกูลลิง อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันพบว่ามีการติดต่อจากคนสู่คนด้วย
การติดต่อสามารถเกิดขึ้นได้หลายทาง
- จากสัตว์สู่คน: ผ่านการสัมผัสเลือด สารคัดหลั่ง หรือบาดแผลของสัตว์ที่ติดเชื้อ รวมถึงการบริโภคเนื้อสัตว์ติดเชื้อที่ปรุงไม่สุก
- จากคนสู่คน: ผ่านการสัมผัสสารคัดหลั่ง สัมผัสรอยโรค หรือใช้สิ่งของร่วมกับผู้ติดเชื้อ
- ผ่านทางละอองฝอย: จากการหายใจ แต่ต้องเป็นการสัมผัสใกล้ชิดเป็นเวลานาน
อาการ และระยะการดำเนินโรค
หลังจากได้รับเชื้อ ผู้ป่วยจะเริ่มมีอาการภายในเวลา 5 – 21 วัน โดยแบ่งเป็นสองระยะ
ระยะที่ 1: ระยะไข้ (ประมาณ 1-3 วัน)
- มีไข้
- ปวดศีรษะรุนแรง
- ปวดเมื่อยตามตัว
- ต่อมน้ำเหลืองโต (เป็นลักษณะเด่นที่แยกจากโรคไข้ออกผื่นชนิดอื่น)
- บางรายอาจมีอาการไอ เจ็บคอ
ระยะที่ 2: ระยะออกผื่น (เริ่มหลังมีไข้ 1-3 วัน)
ผื่นจะมีการเปลี่ยนแปลงตามลำดับดังนี้
- ผื่นแดงราบ
- ผื่นแดงนูน
- ตุ่มน้ำ
- ตุ่มหนอง
- ตกสะเก็ด และหลุดลอกออก
ผื่นมักพบมากบริเวณ
- ใบหน้า
- แขน และขา
- ฝ่ามือ และฝ่าเท้า
- บางรายอาจพบที่เยื่อบุช่องปาก อวัยวะเพศ และเยื่อบุตา
การแพร่เชื้อ
ผู้ติดเชื้อสามารถแพร่เชื้อได้ตั้งแต่เริ่มมีอาการไข้ แต่จะแพร่เชื้อได้มากที่สุดในช่วงที่มีผื่นขึ้นจนกระทั่งสะเก็ดหลุดลอกออกทั้งหมด
การรักษา และความรุนแรงของโรค
- โดยทั่วไป โรคฝีดาษวานรจะหายได้เองภายใน 2-4 สัปดาห์
- อัตราการเสียชีวิตในคนทั่วไปอยู่ที่ 3-6%
- ผู้ป่วยเด็กมีโอกาสเสียชีวิตมากกว่าผู้ใหญ่
- ผู้ป่วยที่อายุน้อย หรือมีภูมิคุ้มกันบกพร่องอาจมีอาการรุนแรง และเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ เช่น:
- การติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน
- ปอดอักเสบ
- สมองอักเสบ
- ติดเชื้อในกระแสเลือด
- ติดเชื้อในกระจกตา ซึ่งอาจส่งผลต่อการมองเห็น
การป้องกันโรคฝีดาษวานร
วัคซีน
- ในอดีต มีการนำวัคซีนป้องกันโรคฝีดาษมาใช้ในการป้องกันโรคฝีดาษวานร
- ปัจจุบัน วัคซีนเฉพาะสำหรับโรคฝีดาษวานร
การป้องกันตนเอง
- ล้างมือบ่อยๆ ด้วยสบู่ และน้ำ หรือใช้เจลแอลกอฮอล์
- หลีกเลี่ยงการใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น เช่น ผ้าเช็ดตัว เสื้อผ้า หรือเครื่องนอน
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย หรือผู้ที่มีความเสี่ยงในการติดโรค
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสสัตว์ที่อาจเป็นพาหะนำโรค โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีการระบาด
- ไม่รับประทานอาหารจากเนื้อสัตว์ปรุงไม่สุก โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีการระบาด
คำแนะนำสำหรับผู้เดินทางไปพื้นที่ระบาด
ก่อนการเดินทาง
- ศึกษาข้อมูลสถานการณ์การระบาดในพื้นที่ที่จะเดินทางไป
- เตรียมอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล เช่น หน้ากากอนามัย เจลแอลกอฮอล์
- ปรึกษาแพทย์หากมีโรคประจำตัว หรือภูมิคุ้มกันบกพร่อง
ระหว่างการเดินทาง
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสสัตว์ที่อาจเป็นพาหะนำโรค โดยเฉพาะสัตว์ป่า หรือสัตว์ที่ป่วย
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย หรือผู้ที่มีอาการคล้ายโรคฝีดาษวานร
- รักษาสุขอนามัยส่วนบุคคลอย่างเคร่งครัด
- ติดตามสถานการณ์การระบาดในพื้นที่อย่างใกล้ชิด
- หลีกเลี่ยงการเข้าร่วมกิจกรรมที่มีการรวมตัวของคนจำนวนมากในพื้นที่เสี่ยง
- รับประทานอาหารที่ปรุงสุกเท่านั้น
การเฝ้าระวังอาการ
- สังเกตอาการของตนเองอย่างใกล้ชิดขณะอยู่ในพื้นที่เสี่ยง
- ติดตามอาการต่อเนื่องเป็นเวลา 21 วันหลังออกจากพื้นที่เสี่ยง
- หากมีอาการผิดปกติ เช่น ไข้ ต่อมน้ำเหลืองโต หรือมีผื่นขึ้น ให้รีบไปพบแพทย์ทันที
- แจ้งประวัติการเดินทาง และการสัมผัสโรคแก่แพทย์ผู้ตรวจรักษา
มาตรการสำหรับผู้เดินทางกลับจากประเทศที่มีการระบาด
- ผู้เดินทางจะได้รับการคัดกรองอาการ และประวัติเสี่ยง ณ จุดคัดกรองเมื่อเดินทางเข้าประเทศ
- หากมีประวัติสัมผัสสัตว์นำโรค หรือผู้ป่วยยืนยัน ให้แจ้งแก่เจ้าหน้าที่ควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศทันที
- รายงานอาการของตนเองอย่างสม่ำเสมอแก่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขเป็นเวลา 21 วัน หากมีประวัติเสี่ยง
- หากมีอาการผิดปกติ ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ และไปพบแพทย์ทันที
- ในกรณีที่พบผู้ติดเชื้อโรคฝีดาษวานรในเที่ยวบิน จะมีการติดตามผู้ที่นั่งใกล้ หรือสัมผัสกับผู้ป่วยในเที่ยวบินนั้นๆ เพื่อเฝ้าระวัง และป้องกันการแพร่ระบาด
โดยสรุป การป้องกันตนเอง การรักษาสุขอนามัย และการเฝ้าระวังอาการอย่างใกล้ชิดเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้เดินทางไปยังพื้นที่ที่มีการระบาดของโรคฝีดาษวานร การปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัดจะช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ และป้องกันการแพร่กระจายของโรค หากมีข้อสงสัย หรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติม ควรปรึกษาแพทย์ หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่
เอกสารอ้างอิง
World Health Organization. Monkeypox.
- who.int/news-room/factsheets/detail/monkeypox. Published 2022. Accessed May 24, 2022.
Center of Disease Control and Prevention. Monkeypox.
- cdc.gov/poxvirus/monkeypox/index.html. Published 2022. Accessed May 31, 2022.