หูด ไวรัส HPV ต้นเหตุสำคัญ รู้ทันอาการ วิธีการรักษา – การป้องกันตัวเอง

หูด ไวรัส HPV ต้นเหตุสำคัญ รู้ทันอาการ วิธีการรักษา

หูด (Warts) เป็นโรคผิวหนังที่หลายคนคุ้นเคยกันดี แม้จะไม่ใช่โรคอันตรายถึงชีวิต แต่หูดสามารถสร้างความรำคาญ ความไม่มั่นใจในบุคลิกภาพ และบางครั้งยังบ่งบอกถึงการติดเชื้อไวรัสที่สัมพันธ์กับโรคร้ายแรงอย่างมะเร็งปากมดลูก หรือมะเร็งทวารหนักได้ สาเหตุหลักของหูดเกิดจากเชื้อไวรัสที่ชื่อว่า Human Papillomavirus (HPV) ซึ่งมีมากกว่า 100 สายพันธุ์และสามารถติดต่อกันได้ง่ายผ่านการสัมผัสผิวหนังหรือการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน การทำความเข้าใจเกี่ยวกับหูดและเชื้อ HPV จึงเป็นสิ่งสำคัญ ไม่ว่าจะเป็น สาเหตุ อาการ การรักษา และการป้องกัน เพราะหากตรวจพบและดูแลตั้งแต่เนิ่น ๆ จะช่วยลดความเสี่ยงของโรคแทรกซ้อนที่รุนแรงได้

Love2Test

หูด คืออะไร มีสาเหตุมาจาก

หูดคือการเจริญเติบโตของผิวหนังที่เกิดขึ้นผิดปกติ มีลักษณะเป็นตุ่มนูนแข็ง อาจมีสีเดียวกับผิว หรือมีสีน้ำตาล เทา ดำ ขึ้นอยู่กับตำแหน่งและชนิดของหูด ตัวการสำคัญคือ เชื้อไวรัส HPV ที่เข้าสู่ร่างกายผ่านทางรอยถลอกหรือบาดแผลเล็ก ๆ บนผิวหนัง เชื้อ HPV ส่วนใหญ่ไม่เป็นอันตราย แต่บางสายพันธุ์ (เช่น HPV-16 และ HPV-18) สามารถก่อให้เกิดมะเร็งปากมดลูก มะเร็งช่องปาก มะเร็งคอหอย และมะเร็งทวารหนักได้ จึงไม่ควรมองว่าหูดเป็นเรื่องเล็กน้อย เพราะอาจเป็นสัญญาณเตือนที่เกี่ยวข้องกับโรคร้ายแรงในอนาคต

หูด มีกี่ชนิด?

หูดสามารถพบได้ในหลายตำแหน่งของร่างกาย โดยแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ได้แก่

1. หูด ที่ผิวหนัง (Skin Warts)

หูดที่ผิวหนัง พบได้ทั่วไปตามผิวหนังทุกส่วนของร่างกาย แต่พบบ่อยบริเวณมือ นิ้วมือ ฝ่ามือ เท้า หัวเข่า ข้อศอก และใบหน้า เป็นต้น โดยหูดชนิดนี้ จะมีลักษณะเป็นตุ่มนูนแข็งบนผิวหนัง ที่เกิดจากเชื้อไวรัสเอชพีวีซึ่งมีอยู่หลายสายพันธุ์ สามารถแบ่งออกเป็นโรคหูดต่างๆ ดังนี้

  • หูดธรรมดา (Common Warts)
    • หูดธรรมดาเกิดจากเชื้อเอชพีวีชนิดที่ 2 และ 4 มีลักษณะเป็นตุ่มนูนแข็ง รูปร่างกลม ไม่สม่ำเสมอ ผิวขรุขระ มีขนาดเล็ก ประมาณ 1-10 มิลลิเมตร สีเหมือนผิวหนัง หรือสีเทา สีน้ำตาล สีดำ ไม่ก่อให้เกิดมะเร็ง และไม่เป็นอันตราย แต่อาจสร้างความรำคาญ และอาจทำให้รู้สึกไม่สบาย หรือกังวลเรื่องความสวยงามแก่บุคคลนั้น เพราะมักพบที่มือ และเท้า แต่อาจพบที่บริเวณอื่นๆ ของร่างกายได้ เช่น ใบหน้า ศีรษะ คอ ศอก เข่า บางครั้งอาจพบเป็นหูดหลายๆ ตุ่มรวมกันเป็นกลุ่ม สามารถติดต่อกันได้ผ่านการสัมผัสโดยตรงกับผิวหนังที่มีหูด หรือผ่านของใช้ส่วนตัวที่ปนเปื้อนเชื้อหูด เช่น ผ้าเช็ดตัว รองเท้า มีดโกน
  • หูดผิวเรียบ (Flat Warts)
    • หูดผิวเรียบ เป็นหนึ่งในชนิดของหูดที่เกิดจากเชื้อไวรัส HPV โดยเฉพาะสายพันธุ์ HPV-3, HPV-10, HPV-28 และ HPV-49 ลักษณะเด่นคือเป็น ตุ่มเล็ก ขอบชัด ผิวเรียบเนียน สีเดียวกับผิวหรือออกน้ำตาลอ่อน ทำให้บางครั้งยากต่อการสังเกต โดยเฉพาะในผู้ที่มีสีผิวเข้ม แม้จะไม่ก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรง แต่สร้างความกังวลเรื่องความงามได้มาก โดยเฉพาะเมื่อขึ้นบนใบหน้า หากเป็นจำนวนมากหรือไม่หายไปเอง ควรเข้าพบแพทย์ผิวหนังเพื่อรับการรักษาที่เหมาะสม

หูด มีกี่ชนิด

Love2Test

 

  • หูดฝ่ามือฝ่าเท้า (Plantar Warts)
    • หูดฝ่ามือฝ่าเท้า เป็นหูดชนิดหนึ่งที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส HPV สายพันธุ์ 1, 2, 4 และบางครั้งสายพันธุ์ 63 มักขึ้นที่บริเวณ ฝ่าเท้าและฝ่ามือ แต่พบมากที่สุดที่ ฝ่าเท้า เนื่องจากเป็นจุดที่รับแรงกดทับและเสียดสีตลอดเวลา ต่างจากหูดธรรมดาที่นูนออกมา หูดฝ่าเท้ามักจะ กดลึกลงไปในเนื้อผิวหนัง ทำให้เจ็บปวดเวลาเดินหรือยืน
  • หูดหงอนไก่ (Genital Warts)
    • มีลักษณะเป็นตุ่ม หรือติ่งเนื้อยื่นออกมาจากผิวหนังบริเวณอวัยวะเพศ ทวารหนัก หรือบริเวณใกล้เคียง เช่น ปากช่องคลอด แคม คลิตอริส รอบทวารหนัก ผนังช่องคลอด ปากมดลูก องคชาต ถุงอัณฑะ ขาหนีบ เป็นต้น มักมีสีชมพู หรือสีเนื้อ ผิวขรุขระคล้ายหงอนไก่ หรือดอกกะหล่ำ บางครั้งอาจมีลักษณะเป็นตุ่มนูนเดี่ยวๆ หรือเป็นกลุ่มก้อนใหญ่ก็ได้ ในบางราย หูดหงอนไก่อาจไม่มีอาการใดๆ หรือมีอาการเพียงเล็กน้อย เช่น คัน แสบร้อน หรือมีตกขาวผิดปกติ หูดหงอนไก่สามารถแพร่กระจายได้ผ่านการสัมผัสกับผิวหนังโดยตรงระหว่างการมีเพศสัมพันธ์ทางช่องคลอด ทางทวารหนัก หรือทางปาก
  • หูดที่มีลักษณะคล้ายนิ้วมือ (Filiform Warts)
    • เกิดจากเชื้อเอชพีวีชนิดที่ 10 หรือ 20 เป็นหูดชนิดหนึ่งที่มีลักษณะเป็นติ่งเนื้อเล็กๆ ยื่นออกมาจากผิวหนัง มักพบบริเวณใบหน้า ลำคอ ริมฝีปาก ใต้คาง รักแร้ และบริเวณที่มีผมขึ้น หูดชนิดนี้มักมีสีเดียวกับผิวหนัง หรือสีชมพูอ่อน ผิวเรียบ หรือขรุขระเล็กน้อย สามารถแพร่กระจายผ่านการสัมผัสกับผิวหนังโดยตรง หรือผ่านการใช้ของใช้ร่วมกัน เช่น ผ้าเช็ดตัว กรรไกรตัดเล็บ หรือมีดโกน หูดที่มีลักษณะคล้ายนิ้วมือมักไม่มีอาการใดๆ แต่บางครั้งอาจมีอาการคัน หรือเจ็บเล็กน้อย หูดชนิดนี้อาจหายไปเองได้ภายในไม่กี่เดือน หรือหลายปี แต่หากหูดไม่หายไปเอง หรือเป็นปัญหาด้านความสวยงาม อาจต้องได้รับการรักษา

2. หูด ที่เยื่อบุ (Mucosal Warts)

  • หูดข้าวสุก (Molluscum contagiosum)
    • เกิดจากการติดเชื้อไวรัส “มอลลัสคุม คอนทาจิโอซุม” (Molluscum contagiosum virus) เชื้อไวรัสชนิดนี้สามารถแพร่กระจายผ่านการสัมผัสกับผิวหนังโดยตรง หรือผ่านการใช้ของใช้ร่วมกัน เช่น ผ้าเช็ดตัว กรรไกรตัดเล็บ หรือมีดโกน หูดข้าวสุกมีลักษณะเป็นตุ่มนูนขนาดเล็ก ผิวเรียบมัน มีรอยบุ๋มตรงกลาง มีขนาดประมาณ 2-5 มิลลิเมตร มักไม่มีอาการคัน หรือเจ็บ แต่บางครั้งอาจมีอาการคันเล็กน้อย พบได้บริเวณต่างๆ ของร่างกาย เช่น ใบหน้า ลำคอ หน้าอก แขน ขา และอวัยวะเพศ หูดข้าวสุกอาจหายไปเองได้ภายใน 6-12 เดือน แต่หากหูดไม่หายไปเอง หรือเป็นปัญหาด้านความสวยงาม อาจต้องได้รับการรักษา
  • หูดร่องปาก (Oral Warts)
    • เกิดจากเชื้อเอชพีวีชนิดที่ 10 หรือ 13 มีลักษณะเป็นตุ่มนูนขนาดเล็ก ผิวขรุขระ มีรอยแยก หรือร่องลึกตรงกลาง มักพบบริเวณริมฝีปาก ผิวหนังรอบริมฝีปาก ลิ้น และเพดานปาก อาจมีอาการคัน หรือเจ็บเล็กน้อย หูดร่องปากอาจหายไปเองได้ภายในไม่กี่เดือน หรือหลายปี แต่หากหูดไม่หายไปเอง หรือเป็นปัญหาด้านความสวยงาม อาจต้องได้รับการรักษา หูดสามารถติดต่อกันได้ผ่านการสัมผัสกับผิวหนังที่ติดเชื้อโดยตรง หรือโดยอ้อม ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับผิวหนังที่ติดเชื้อ หรือพื้นผิว หรือวัตถุที่มีเชื้อหูดอยู่

ลักษณะอาการของ หูด

อาการของหูดแตกต่างกันไปตามชนิดและตำแหน่ง แต่โดยทั่วไปอาจพบอาการดังนี้

ชนิดของหูด ลักษณะและอาการ
หูดธรรมดา (Common Wart) ตุ่มนูนแข็ง ผิวขรุขระ ขนาดเล็ก มักขึ้นที่มือ/นิ้วมือ อาจมีอาการคันหรือเจ็บเล็กน้อย
หูดผิวเรียบ (Flat Wart) ตุ่มเล็กเรียบ สีเดียวกับผิวหรือออกน้ำตาล มักขึ้นเป็นกลุ่มที่ใบหน้า คอ แขน หลังมือ ส่วนใหญ่ไม่เจ็บ แต่รบกวนด้านความงาม
หูดฝ่ามือฝ่าเท้า (Plantar Wart) ปื้นแข็ง ฝังลึกในผิว เจ็บเวลาเดินหรือลงน้ำหนัก มักขึ้นที่ฝ่าเท้าและส้นเท้า บางครั้งมีจุดดำเล็ก ๆ บนหูด
หูดหงอนไก่ (Genital Wart) ตุ่มหรือก้อนเนื้อคล้ายดอกกะหล่ำ สีชมพูหรือสีเนื้อ ขึ้นที่อวัยวะเพศหรือทวารหนัก อาจคัน แสบร้อน หรือมีตกขาวผิดปกติ พบเลือดออกขณะมีเพศสัมพันธ์
หูดที่มีลักษณะคล้ายนิ้วมือ (Filiform Wart) ติ่งเนื้อเล็กยื่นออกมา มักพบที่ใบหน้า รอบปาก ลำคอ ไม่มีอาการเจ็บ แต่บางครั้งอาจคันหรือระคายเคือง
หูดข้าวสุก (Molluscum contagiosum) ตุ่มกลมเล็ก ผิวเรียบมัน มีรอยบุ๋มตรงกลาง มักไม่เจ็บ แต่อาจคันเล็กน้อย พบได้หลายตำแหน่งรวมถึงอวัยวะเพศ
หูดร่องปาก (Oral Warts / Fissured Wart) ตุ่มนูนขรุขระ มีร่องหรือรอยแยกตรงกลาง พบที่ริมฝีปาก ลิ้น หรือเพดานปาก อาจคันหรือเจ็บเล็กน้อย

วิธีรักษา หูด

แม้หูดบางชนิดสามารถหายได้เองจากภูมิคุ้มกันของร่างกายใน 1–2 ปี แต่หลายกรณีหูดสร้างความรำคาญ เจ็บปวด หรือกระทบต่อภาพลักษณ์ ดังนั้นการรักษาอย่างถูกวิธีจึงเป็นสิ่งสำคัญ โดยสามารถแบ่งออกเป็น การรักษาด้วยยา และ การรักษาโดยแพทย์

การรักษา หูด ด้วยยา

  • ยาทากรดซาลิซิลิก (Salicylic Acid)
    • กลไก: เป็นสารในกลุ่ม keratolytic ที่ช่วยกัดเซลล์ผิวหนังบริเวณหูดทีละชั้น ๆ จนหูดหลุดออก
    • วิธีใช้: ทาทุกวันหลังแช่ผิวหนังในน้ำอุ่นและขัดผิวบริเวณหูดเพื่อลดความหนา
    • ระยะเวลาเห็นผล: 6–12 สัปดาห์
    • ข้อควรระวัง: อาจทำให้ผิวรอบ ๆ ระคายเคืองได้ ไม่ควรใช้ในเด็กเล็กหรือผู้ที่แพ้ยา
  • ยาทากรดไตรคลออะซิติก (Trichloroacetic Acid – TCA)
    • กลไก: เป็นกรดเข้มข้นที่ช่วยทำลายเซลล์เนื้อเยื่อของหูดโดยตรง
    • เหมาะสำหรับ: หูดหงอนไก่ และหูดในบริเวณเยื่อบุ เช่น ช่องปาก หรืออวัยวะเพศ
    • ควรให้แพทย์เป็นผู้ทำการรักษา เพราะหากใช้ไม่ถูกต้องอาจทำให้ผิวไหม้และเกิดแผลเป็น
  • Imiquimod Cream
    • กลไก: เป็นยาที่กระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกายให้สร้าง interferon และสารภูมิคุ้มกันอื่น ๆ เพื่อต่อสู้กับเชื้อ HPV
    • เหมาะสำหรับ: หูดหงอนไก่บริเวณอวัยวะเพศและทวารหนัก
    • วิธีใช้: ทาตามที่แพทย์สั่ง สัปดาห์ละหลายครั้งต่อเนื่อง 4–16 สัปดาห์
    • จุดเด่น: ลดโอกาสกลับมาเป็นซ้ำมากกว่าการจี้เพียงอย่างเดียว

การรักษา หูด โดยแพทย์หรือคลินิกเฉพาะทาง

การรักษา หูด โดยแพทย์หรือคลินิกเฉพาะทาง

  • การจี้ไฟฟ้า (Electrocautery)
    • ใช้กระแสไฟฟ้าเผาทำลายเนื้อเยื่อหูด
    • เหมาะสำหรับหูดขนาดใหญ่หรือหูดที่ไม่ตอบสนองต่อการทายา
    • ข้อควรระวัง: อาจทำให้เกิดแผลเป็นได้
  • การจี้ด้วยความเย็น (Cryotherapy)
    • ใช้ ไนโตรเจนเหลว (Liquid Nitrogen) พ่นลงบนหูด ทำให้เนื้อเยื่อหูดแข็งตัวและตาย
    • มักใช้เวลารักษา 1–3 ครั้ง (ขึ้นอยู่กับขนาดและจำนวนหูด)
    • ข้อดี: รักษาได้เร็ว ไม่ทิ้งรอยแผลเป็นมาก
    • อาจมีอาการปวด แสบ หรือผิวพองหลังทำ
  • การเลเซอร์ (Laser Therapy)
    • ใช้พลังงานเลเซอร์ทำลายเส้นเลือดที่เลี้ยงหูด ทำให้หูดฝ่อและหลุดออก
    • เหมาะสำหรับหูดที่รักษาด้วยวิธีอื่นแล้วไม่หาย หรือหูดที่อยู่ในตำแหน่งลึก
    • ข้อดี: แม่นยำสูง ลดความเสี่ยงการกระจายเชื้อ
    • ข้อควรระวัง: ค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง
  • การผ่าตัดเล็ก (Excision)
    • การใช้มีดผ่าตัดเล็กหรือเครื่องมือพิเศษตัดเอาหูดออก
    • ใช้ในกรณีหูดขนาดใหญ่หรือหูดที่ไม่ตอบสนองต่อวิธีอื่น
    • ข้อควรระวัง: อาจมีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำ และเสี่ยงต่อการเกิดแผลเป็น

วิธีป้องกันไม่ให้เป็นโรคหูด

  1. รักษาความสะอาดร่างกายให้ดี อาบน้ำอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง และควรเช็ดตัวให้แห้งทุกครั้ง
  2. หลีกเลี่ยงการทำเล็บในร้านที่ไม่สะอาด หรือตัดผมแบบที่มีการโกนขน หรือหนวดที่ต้องใช้ร่วมกัน
  3. ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ จะสามารถช่วยป้องกันไม่ให้เชื้อไวรัส HPV เข้าสู่ร่างกายได้
  4. แยกของใช้ส่วนตัวออกจากผู้อื่น เช่น ผ้าขนหนู เสื้อผ้า รองเท้า ถุงเท้า ถุงมือ กรรไกรตัดเล็บ มีดโกน ฯลฯ
  5. มีคู่นอนคนเดียว การมีคู่นอนหลายคน หรือเปลี่ยนคู่นอนบ่อยๆ เพิ่มความเสี่ยงในการสัมผัสกับเชื้อไวรัส HPV
  6. หลีกเลี่ยงการสัมผัสบริเวณหูดกับผู้ที่เป็นหูดโดยตรง หากบังเอิญสัมผัสกับผิวหนังที่มีหูด ควรล้างมือด้วยสบู่ และน้ำให้สะอาดทันที
  7. ฉีดวัคซีน HPV วัคซีน HPV เป็นการฉีดเข้ากล้ามเนื้อ 2-3 ครั้ง ขึ้นอยู่กับชนิดของวัคซีน วัคซีน HPV มีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคหูดหงอนไก่ได้ถึง 90%

วิธีรักษาหูดด้วยสมุนไพร

การรักษาหูดด้วยสมุนไพร เป็นทางเลือกหนึ่งที่สามารถช่วยลดอาการ และบรรเทาอาการคันได้ สมุนไพรที่มีสรรพคุณรักษาหูด ได้แก่

  • น้ำนมราชสีห์ มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อ และต้านการอักเสบ สามารถนำยางจากต้นน้ำนมราชสีห์มาทาบริเวณที่เป็นหูดเป็นประจำทุกวัน จะช่วยให้หูดหลุดออกได้
  • ใบกะเพรา มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อ และต้านการอักเสบ สามารถนำใบกะเพรามาบดละเอียดแล้วทาบริเวณที่เป็นหูดเป็นประจำทุกวัน
  • ว่านหางจระเข้ มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อ และต้านการอักเสบ สามารถนำเจลว่านหางจระเข้มาทาบริเวณที่เป็นหูดเป็นประจำทุกวัน
  • เปลือกมะขาม มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อ และผลัดเซลล์ผิว สามารถนำเปลือกมะขามมาต้มกับน้ำแล้วนำมาพอกบริเวณที่เป็นหูดเป็นประจำทุกวัน
  • น้ำมันมะพร้าว มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อ และต้านการอักเสบ สามารถนำน้ำมันมะพร้าวมาทาบริเวณที่เป็นหูดเป็นประจำทุกวัน

วิธีใช้สมุนไพรรักษาหูด

  • ล้างมือให้สะอาดก่อน และหลังสัมผัสกับหูด
  • ทำความสะอาดบริเวณที่เป็นหูดด้วยน้ำสบู่อ่อนๆ
  • นำสมุนไพรมาทาบริเวณที่เป็นหูดให้ทั่ว
  • ทาสมุนไพรทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด
  • ทำซ้ำวันละ 2-3 ครั้ง

ควรใช้สมุนไพรรักษาหูดอย่างต่อเนื่องประมาณ 2-3 สัปดาห์ จะช่วยให้หูดหลุดออกได้ หากหูดไม่หาย หรือมีอาการแย่ลง ควรปรึกษาแพทย์

การป้องกันโรค หูด HPV

ข้อควรระวังในการใช้สมุนไพรรักษาหูด

  • หากมีอาการแพ้สมุนไพร ควรหยุดใช้ทันที
  • ไม่ควรใช้สมุนไพรรักษาหูดบริเวณที่บอบบาง เช่น บริเวณดวงตา หรืออวัยวะเพศ
  • หากหูดมีอาการอักเสบ หรือเจ็บปวด ควรปรึกษาแพทย์

การรักษาหูดด้วยสมุนไพรเป็นวิธีรักษาที่ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพ แต่อาจใช้เวลานานกว่าการรักษาด้วยยาแผนปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม การรักษาหูดด้วยสมุนไพรเป็นทางเลือกหนึ่งที่สามารถช่วยลดอาการ และบรรเทาอาการคันได้

“PrEPLove2Test"

โดยสรุปแล้ว

หูด (Warts) แม้จะดูเป็นโรคผิวหนังที่ไม่อันตรายถึงชีวิต แต่แท้จริงแล้วเกี่ยวข้องกับเชื้อไวรัส HPV (Human Papillomavirus) ซึ่งมีสายพันธุ์บางชนิดที่สามารถก่อให้เกิดโรคร้ายแรง เช่น มะเร็งปากมดลูก มะเร็งทวารหนัก และมะเร็งช่องปากได้ การละเลยหูดที่เกิดขึ้น โดยคิดว่าเป็นเพียงตุ่มเล็ก ๆ ที่จะหายไปเอง อาจเป็นการมองข้ามสัญญาณสำคัญของร่างกาย การทำความเข้าใจ สาเหตุ อาการ ชนิดของหูด วิธีการรักษา และแนวทางการป้องกัน ถือเป็นการเสริมสร้างเกราะป้องกันให้กับตัวเองและคนรอบข้าง การรักษาหูดสามารถทำได้หลายวิธี ตั้งแต่การใช้ยาทา ยากระตุ้นภูมิคุ้มกัน ไปจนถึงการรักษาด้วยหัตถการทางการแพทย์ เช่น การจี้ด้วยความเย็น เลเซอร์ หรือผ่าตัด ขึ้นอยู่กับตำแหน่งและความรุนแรงของหูดแต่ละชนิด

“สิ่งที่สำคัญไม่น้อยไปกว่าการรักษาคือ การป้องกัน โดยเฉพาะการฉีดวัคซีน HPV ซึ่งถือเป็นมาตรการที่มีประสิทธิภาพสูง สามารถลดโอกาสเกิดหูดหงอนไก่ได้ถึง 90% และยังช่วยป้องกันโรคมะเร็งที่เกี่ยวข้องกับ HPV ได้อีกด้วย ร่วมกับการดูแลสุขอนามัยส่วนบุคคล การใช้ถุงยางอนามัยอย่างสม่ำเสมอ และการหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง หากคุณพบความผิดปกติบนผิวหนัง ไม่ว่าจะเป็นตุ่มนูน แข็ง เจ็บ หรือมีติ่งเนื้อผิดปกติ โดยเฉพาะในบริเวณอวัยวะเพศ ควร รีบเข้าพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัย เพราะการรักษาตั้งแต่ระยะแรกจะได้ผลดีกว่า และลดความเสี่ยงการแพร่กระจายของเชื้อ รวมถึงช่วยให้มั่นใจได้ว่าไม่ได้เป็นสัญญาณของโรคอื่นที่ร้ายแรงกว่า”

ท้ายที่สุด การใส่ใจสุขภาพและตรวจสุขภาพเป็นประจำ คือกุญแจสำคัญในการดูแลตัวเองจากโรคหูดและโรคที่เกี่ยวข้องกับเชื้อ HPV เพราะสุขภาพที่ดีเริ่มต้นได้จากความเข้าใจและการป้องกันที่ถูกต้องเสมอครับ

 

อ้างอิงข้อมูลจาก:

หูดธรรมดาที่พบได้บ่อย (Common warts)

เรื่องลับๆ ของผู้ชายที่ควรรู้เกี่ยวกับหูดหงอนไก่

  • https://www.ram-hosp.co.th/news_detail/2650

รักษาหูดอย่างไรให้หายขาด

  • https://www.siphhospital.com/th/news/article/share/496

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า