เอชพีวี (HPV) ภัยเงียบใกล้ตัว เสี่ยงมะเร็ง เช็คเลย อาการ วิธีในการป้องกัน

เอชพีวี

เอชพีวี (HPV) เป็นไวรัสที่พบบ่อย และไม่เป็นอันตราย แต่เชื้อ HPV บางสายพันธุ์อาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพร้ายแรงได้ รวมถึงมะเร็งด้วย HPV แพร่กระจายผ่านการสัมผัสผิวหนังโดยตรงเป็นหลัก มันสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งชาย และหญิง และผู้คนจำนวนมากที่ติดเชื้อ HPV อาจไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตนเองเป็นโรคนี้ เนื่องจากมักไม่แสดงอาการใดๆ เพื่อให้เข้าใจ HPV ได้ดีขึ้น จำเป็นต้องสำรวจประเภท อาการ วิธีการแพร่เชื้อ และความเสี่ยงต่อสุขภาพที่อาจเกิดขึ้น

เอชพีวีคืออะไร ?

HPV ย่อมาจาก Human Papillomavirus คือ ไวรัสที่ทำให้เกิดการติดเชื้อในผิวหนัง และเยื่อบุ มีมากกว่า 100 สายพันธุ์ บางประเภทสามารถทำให้เกิดหูดได้ ในขณะที่สายพันธุ์อื่นๆ อาจเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดมะเร็ง ซึ่งสามารถติดต่อผ่านการสัมผัสผิวหนังโดยตรงกับบริเวณที่ติดเชื้อ เช่น การมีเพศสัมพันธ์ทางช่องคลอด ทางทวารหนัก หรือทางปาก โดยไม่ได้ป้องกัน

ประเภทของเชื้อเอชพีวี

ไวรัสเอชพีวี เป็นกลุ่มไวรัสที่หลากหลาย มีมากกว่า 100 สายพันธุ์ โดยสามารถแบ่งได้เป็น 2 กลุ่มหลัก ดังนี้

เอชพีวีที่มีความเสี่ยงต่ำ

ไวรัสเอชพีวีกลุ่มนี้ค่อนข้างไม่เป็นอันตราย และมักนำไปสู่สภาวะต่างๆ เช่น หูดทั่วไป หูดที่ฝ่าเท้า และ หูดที่อวัยวะเพศ แม้ว่าอาการเหล่านี้อาจทำให้รู้สึกอึดอัด และไม่น่าดู แต่โดยทั่วไปแล้วอาการเหล่านี้จะไม่เกี่ยวข้องกับมะเร็ง

  • สายพันธุ์ความเสี่ยงต่ำ ที่ทำให้เกิดหูด ได้แก่ สายพันธุ์ 6, 11

เอชพีวี ที่มีความเสี่ยงสูง

ไวรัสเอชพีวีในกลุ่มนี้ อาจนำไปสู่การเกิดมะเร็งต่างๆ มะเร็งที่รู้จักกันดีที่สุดคือมะเร็งปากมดลูก แต่เชื้อ HPV สายพันธุ์ที่มีความเสี่ยงสูง ก็สามารถทำให้เกิดมะเร็งที่ทวารหนัก มะเร็งช่องคลอด และมะเร็งอัณฑะ ได้เช่นกัน

  • สายพันธุ์ความเสี่ยงสูงที่ก่อให้เกิดมะเร็ง ได้แก่ สายพันธุ์ 16,18, 31, 33, 35, 45, 52, 58

เอชพีวีอาการเป็นอย่างไร ?

อาการของการติดเชื้อ HPV แบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักๆ ได้แก่

อาการของหูด

หูดที่เกิดจากเชื้อไวรัส HPV มักมีลักษณะเป็นตุ่มนูน หรือตุ่มเนื้อขนาดเล็ก อาจมีสีเนื้อ สีขาว สีชมพู หรือสีน้ำตาล มักพบบริเวณอวัยวะเพศ ทวารหนัก ปาก หรือลำคอ หูดบางชนิดอาจมีอาการคัน แสบ หรือเจ็บ

อาการของมะเร็ง

มะเร็งที่เกิดจากเชื้อไวรัส เอชพีวี มักไม่แสดงอาการในระยะแรก อาการอาจปรากฏขึ้นเมื่อมะเร็งลุกลามไปยังอวัยวะอื่นๆ อาการของมะเร็งที่เกิดจากเชื้อไวรัส HPV อาจแตกต่างกันไปตามชนิดของมะเร็ง เช่น

  • มะเร็งปากมดลูก: อาจมีอาการมีเลือดออกผิดปกติจากช่องคลอด ตกขาวผิดปกติ หรือมีกลิ่นเหม็นจากช่องคลอด
  • มะเร็งช่องคลอด: อาจมีอาการมีเลือดออกผิดปกติจากช่องคลอด ตกขาวผิดปกติ หรือมีกลิ่นเหม็นจากช่องคลอด
  • มะเร็งทวารหนัก: อาจมีอาการมีเลือดออกจากทวารหนัก อุจจาระปนเลือด หรือปวดทวารหนัก
  • มะเร็งอัณฑะ: อาจมีอาการอัณฑะบวม เจ็บ หรือมีเลือดออก

สิ่งสำคัญที่ควรทราบก็ คือ แม้ว่าคุณจะไม่มีอาการ คุณยังสามารถแพร่เชื้อไปยังคู่นอนได้ ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมการทำความเข้าใจวิธีการแพร่เชื้อ และการใช้มาตรการป้องกัน จึงเป็นสิ่งสำคัญ

การวินิจฉัยเอชพีวี

การวินิจฉัยการติดเชื้อเอชพีวี สามารถทำได้โดยการตรวจทางห้องปฏิบัติการ เช่น การตรวจหา DNA ของเชื้อไวรัส HPV ในเซลล์ หรือการตรวจหาแอนติเจนของเชื้อไวรัส HPV ในเลือด

เอชพีวี รักษาอย่างไร ?

การรักษา HPV ขึ้นอยู่กับอาการที่แสดงออก ดังนี้

หูดที่เกิดจากเชื้อไวรัสเอชพีวี สามารถรักษาได้หลายวิธี เช่น

  • การใช้ยาทา ยาทาที่ใช้รักษาหูด ได้แก่ ยาทา Imiquimod ยาทา Podofilox และยาทา Trichloroacetic acid
  • การผ่าตัด การผ่าตัดหูดสามารถทำได้หลายวิธี เช่น การใช้มีดผ่าตัด การใช้เลเซอร์ หรือการใช้ไฟฟ้า
  • การใช้เลเซอร์ เลเซอร์สามารถทำลายเนื้อเยื่อที่เป็นหูดได้

การรักษามะเร็งที่เกิดจากเชื้อไวรัส HPV อาจต้องอาศัยการผ่าตัด รังสีรักษา หรือเคมีบำบัด การรักษาจะขึ้นอยู่กับชนิด และระยะของมะเร็ง

การป้องกันเชื้อ เอชพีวี

การป้องกันการติดเชื้อ HPV เป็นองค์ประกอบสำคัญในการลดความเสี่ยงด้านสุขภาพที่เกี่ยวข้อง ต่อไปนี้เป็นขั้นตอนต่างๆ ที่คุณสามารถทำได้เพื่อป้องกันตนเองจากเอชพีวี

  • ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์
  • ฉีดวัคซีนป้องกันเอชพีวี
  • หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ กับผู้ที่ไม่ทราบสถานะการติดเชื้อ
  • มีคู่นอนเพียงคนเดียว สามารถลดความเสี่ยงของการติดเชื้อได้
  • ตรวจคัดกรองเอชพีวีเป็นประจำ อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง

วัคซีนกับการป้องกันโรค

วัคซีน HPV ช่วยป้องกันการเกิดโรคได้ทั้ง ในผู้ชาย และผู้หญิง ดังนี้

การป้องกันโรคในผู้ชาย

  • มะเร็งทวารหนัก
  • มะเร็งลำคอบางชนิด เช่น มะเร็งลำคอ มะเร็งบริเวณช่องปาก
  • หูดที่อวัยวะเพศ

การป้องกันโรคในผู้หญิง

  • มะเร็งปากมดลูก
  • มะเร็งปากช่องคลอด
  • มะเร็งทวารหนัก
  • หูดที่อวัยวะเพศ

ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นจากการติดเชื้อ เอชพีวี

  • ความเจ็บปวด หูดอาจทำให้เกิดความเจ็บปวด คัน หรือระคายเคือง
  • การเสียบุคลิกภาพ หูดอาจทำให้เกิดความวิตกกังวล หรือความอับอายต่อบุคลิกภาพ
  • การแพร่กระจายของหูด หูดอาจแพร่กระจายไปยังบริเวณอื่นๆ ของร่างกาย
  • มะเร็ง การติดเชื้อ HPV สายพันธุ์บางชนิดอาจทำให้เกิดมะเร็ง เช่น มะเร็งปากมดลูก มะเร็งช่องคลอด มะเร็งทวารหนัก มะเร็งคอหอย และมะเร็งอัณฑะ

การติดเชื้อเอชพีวี ส่วนใหญ่ไม่แสดงอาการใดๆ แต่อาจทำให้เกิดหูดบริเวณอวัยวะเพศ ทวารหนัก ปาก หรือลำคอ ในบางกรณีอาจทำให้เกิดมะเร็ง เช่น มะเร็งปากมดลูก มะเร็งช่องคลอด มะเร็งทวารหนัก และมะเร็งอัณฑะได้ วิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันการติดเชื้อไวรัสเอชพีวี คือการใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ และฉีดวัคซีนป้องกันเอชพีวี