เอชไอวี หรือ Human Immunodeficiency Virus ยังคงเป็นปัญหาด้านสุขภาพทั่วโลก แม้ว่าจะมีความก้าวหน้าอย่างมากใน การป้องกัน และรักษาก็ตาม กุญแจสำคัญในการต่อสู้กับไวรัสนี้ไม่เพียงแต่อยู่ที่การรักษาที่มีประสิทธิภาพเท่านั้น แต่ยังรวมถึงกลยุทธ์การป้องกันที่ครอบคลุมด้วย ในบทความเชิงลึกนี้ เราจะสำรวจแง่มุมต่างๆ ของการ ป้องกันเอชไอวี มีความรู้พื้นฐานนี้จะช่วยให้คุณมีข้อมูลในการตัดสินใจเกี่ยวกับการปกป้องตนเอง และผู้อื่น
เอชไอวี คืออะไร ?
เอชไอวี (HIV) หรือ Human Immunodeficiency Virus เป็นไวรัสที่ทำลายเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิด CD4 ซึ่งเป็นเซลล์ภูมิคุ้มกันที่สำคัญของร่างกาย เมื่อเชื้อเอชไอวีเข้าสู่ร่างกายแล้ว จะเข้าไปทำลายเซลล์ CD4 ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายอ่อนแอลง ผู้ที่ติดเชื้อเอชไอวีในระยะแรก อาจไม่มีอาการใดๆ แต่เชื้อเอชไอวีจะค่อยๆ ทำลายระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ทำให้ผู้ป่วยมีโอกาสติดเชื้อฉวยโอกาสได้ง่าย
เอชไอวีสามารถติดต่อได้ทาง 3 ช่องทางหลัก ได้แก่
- ทางเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน ทั้งการมีเพศสัมพันธ์ทางช่องคลอด ทวารหนัก และปาก
- ทางเลือด เช่น การแชร์เข็มฉีดยา การใช้เครื่องมือแพทย์ที่ไม่สะอาด หรือการรับเลือดที่ปนเปื้อนเชื้อเอชไอวี
- จากแม่สู่ลูก ขณะตั้งครรภ์ ขณะคลอด หรือขณะให้นมบุตร
วิธี ป้องกันเอชไอวี
- สวมใส่ถุงยางอนามัยทุกครั้งเมื่อมีเพศสัมพันธ์
- หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่ไม่ใช่คู่สมรส หรือคนที่ไม่รู้จัก
- ไม่ใช้เข็มฉีดยา หรือกระบอกฉีดยาร่วมกับคนอื่น
- ตรวจเลือดก่อนการแต่งงาน เพื่อให้มั่นใจว่าร่างกายของทั้งคู่ไม่มีการติดเชื้อ
- รับการตรวจเลือดอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง
- หากมีแผลเปิดควรระมัดระวัง ไม่ให้แผลสัมผัสกับสารคัดหลั่งของผู้ติดเชื้อ
- การใช้ยาต้านเชื้อเอชไอวี (Pre-Exposure Prophylaxis : PrEP) ก่อนการสัมผัสโรค
- การใช้ยาป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี (Post-Exposure Prophylaxis : PEP) หลังการสัมผัสโรค
ใครบ้างที่ควรป้องกัน เอชไอวี
ผู้ป่วยส่วนใหญ่ที่ติดเชื้อเอชไอวีมีลักษณะการติดต่อ แพร่เชื้อ และมีพฤติกรรมเสี่ยงดังต่อไปนี้
- กลุ่มชายรักชาย (Homosexual)
- กลุ่มชายรักสองเพศ (Bisexual)
- สามี ภรรยา หรือคู่นอน ที่ไม่ทราบว่าคู่นอนมีเชื้อเอชไอวี
- พฤติกรรมการเปลี่ยนคู่นอนหลายคน
- ตน หรือคู่นอน เคยเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ
- หญิง และชายที่ขายบริการทางเพศ
- หญิงตั้งครรภ์ที่ทำการฝากครรภ์
- ทารกในครรภ์ และ บุตร ที่มารดาติดเชื้อเอชไอวี
- ผู้ที่มีบาดแผล ที่เสี่ยงสัมผัสกับเลือด หรือสารคัดหลั่งของผู้อื่น
- บุคลากรทางการแพทย์ที่เสี่ยงต่อการสัมผัสเลือด หรือของเหลวจากร่างกายผู้ป่วย
- ผู้ป่วยโรควัณโรค
การตรวจ เอชไอวี อีกหนึ่งทางเลือกในการ ป้องกันเอชไอวี
การตรวจเอชไอวี มีประโยชน์มากมาย ดังนี้
- ป้องกันการแพร่เชื้อเอชไอวี ผู้ที่ติดเชื้อเอชไอวีสามารถแพร่เชื้อไปยังผู้อื่นได้ผ่านการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน การใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน หรือการสัมผัสเลือด หรือน้ำอสุจิของผู้อื่นที่ติดเชื้อ หากผู้ที่ติดเชื้อเอชไอวีได้รับการรักษาด้วยยาต้านไวรัสอย่างสม่ำเสมอแล้ว ก็สามารถลดปริมาณเชื้อในร่างกายลงได้มาก ทำให้โอกาสในการแพร่เชื้อลดลงตามไปด้วย
- วางแผนป้องกันตนเอง ผู้ที่ทราบสถานะการติดเชื้อเอชไอวีของตนเองแล้ว จะสามารถวางแผนป้องกันตนเอง และคู่นอนจากการติดเชื้อได้ เช่น การใช้ถุงยางอนามัยอย่างสม่ำเสมอ การหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน การหลีกเลี่ยงการใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน เป็นต้น
- รับการรักษาอย่างทันท่วงที ผู้ที่ติดเชื้อเอชไอวีที่ได้รับการรักษาด้วยยาต้านไวรัสอย่างสม่ำเสมอจะสามารถควบคุมปริมาณเชื้อในร่างกายให้อยู่ในระดับต่ำได้ ซึ่งจะทำให้สามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติ และลดโอกาสในการเกิดโรคแทรกซ้อนจากการติดเชื้อเอชไอวี
- การตรวจเอชไอวี สามารถทำได้ง่าย และสะดวก โดยสามารถตรวจได้ที่โรงพยาบาล คลินิก หรือสถานบริการสาธารณสุขของรัฐ และเอกชนทั่วไป การตรวจเอชไอวีในปัจจุบันมีความแม่นยำสูง ในประเทศไทย การตรวจเอชไอวีถือเป็นสิทธิประโยชน์ด้านสุขภาพที่ทุกคนสามารถรับการตรวจได้ฟรีปีละ 2 ครั้ง โดยสามารถตรวจได้ที่โรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขทุกแห่ง
การรักษาเอชไอวีในปัจจุบัน
ในปัจจุบันยังไม่มีวิธีรักษาให้หายขาดจากเอชไอวีได้ แต่สามารถควบคุมการเจริญเติบโตของเชื้อเอชไอวีได้ด้วย ยาต้านไวรัส (Antiretroviral Therapy) หากผู้ป่วยได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม จะสามารถมีชีวิตที่ยืนยาว และมีคุณภาพชีวิตที่ดีได้
ประโยชน์ของการ ป้องกันเอชไอวี
จากสถิติประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อเอชไอวี ที่ทราบว่าตนติดเชื้อเอชไอวี และเข้ารับการรักษาอย่างถูกต้องโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญประมาณ 460,000 คนเท่านั้น และคาดว่ามีผู้ติดเชื้อเอชไอวี อีกประมาณ 29,000 คน ที่ยังไม่ทราบว่าตนติดเชื้อ ดังนั้นผู้ที่ยังไม่มีเชื้อจะสามารถลดอัตราการขยายตัวนี้ได้ โดยการป้องกันเอชไอวีอย่างถูกวิธี เพื่อให้สุขภาพร่างกายปกติ ไม่มีไวรัสเอชไอวีที่คอยทำลายภูมิคุ้มกันร่างกาย ไม่เสี่ยงติดเชื้อฉวยโอกาส ไม่เกิดการแพร่เชื้อ และการติดต่อ ไม่ต้องรับประทานยาต้านไวรัสตลอดชีวิต และลดโอกาสการติดเชื้อชนิดอื่นๆ ที่เกิดจากเพศสัมพันธ์ และอย่าลืมในการตรวจเอชไอวี ค้นหาจากแผนที่ได้ที่ thaihivmap.com
การป้องกันเอชไอวี เป็นสิ่งสำคัญเนื่องจากปัจจุบันยังไม่มีวิธีรักษาเอชไอวีให้หายขาดได้ การป้องกันไม่เพียงแต่ปกป้องบุคคลจากการติดเชื้อเอชไอวีเท่านั้น แต่ยังช่วยลดการแพร่กระจายภายในชุมชน และทั่วโลกอีกด้วย