วัคซีนป้องกันหนองใน มีจริงหรือไม่? เปิดข้อมูลล่าสุดจากอังกฤษถึงไทย

วัคซีนป้องกันหนองใน มีจริงหรือไม่? เปิดข้อมูลล่าสุดจากอังกฤษถึงไทย

“หนองใน” หรือ Gonorrhea เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่ใครหลายคนอาจมองว่าไกลตัว แต่ในความจริง โรคนี้กำลังกลับมาเป็นปัญหาระดับโลกอีกครั้ง เนื่องจากเชื้อ Neisseria gonorrhoeae ดื้อยามากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้การรักษายาก ใช้ยาหลายตัวไม่ได้ผล และผู้ป่วยบางรายต้องกลับมาติดเชื้อซ้ำหลายครั้ง ท่ามกลางความกังวลนี้ วัคซีนป้องกันหนองใน กลายเป็นคำที่คนทั่วโลกให้ความสนใจ เพราะถ้าวัคซีนสามารถลดการติดเชื้อได้จริง ก็อาจเป็นก้าวสำคัญในการควบคุมโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่รักษายากที่สุดในยุคนี้ แต่คำถามคือ ตอนนี้วัคซีนป้องกันหนองใน มีจริงหรือยัง? และในประเทศไทยสามารถเข้าถึงได้หรือไม่?

Love2Test

วัคซีนป้องกันหนองใน คืออะไร?

วัคซีนป้องกันหนองใน (Gonorrhea Vaccine) หมายถึง วัคซีนที่กระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกายเพื่อต่อต้านเชื้อ Neisseria gonorrhoeae ซึ่งเป็นแบคทีเรียที่ทำให้เกิดโรคหนองใน อย่างไรก็ตาม จนถึงปัจจุบัน ยังไม่มีวัคซีนใดในโลกที่ได้รับอนุมัติอย่างเป็นทางการ เพื่อป้องกันโรคนี้โดยเฉพาะ

แต่สิ่งที่ทำให้เกิดความหวังคือ การค้นพบว่า วัคซีนที่ใช้ป้องกันโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ สายพันธุ์ B (Neisseria meningitidis serogroup B) เช่น Bexsero หรือ 4CMenB อาจให้ “ภูมิคุ้มกันข้าม (Cross-protection)” กับหนองในได้บางส่วน เนื่องจากเชื้อทั้งสองชนิดมีความใกล้เคียงกันทางพันธุกรรม

Love2Test

อังกฤษเริ่มโครงการ วัคซีนป้องกันหนองใน ครั้งแรกของโลก

ข่าวใหญ่ระดับโลกเกิดขึ้นเมื่อปี 2025 เมื่อ NHS England ประกาศเริ่มโครงการ “World’s first gonorrhoea vaccine programme” หรือ โครงการวัคซีนป้องกันหนองในครั้งแรกของโลก โครงการนี้ใช้วัคซีน Bexsero (4CMenB) ที่เดิมใช้ป้องกันโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ แต่พบว่าผู้ที่เคยได้รับวัคซีนชนิดนี้ มีโอกาสติดเชื้อหนองในลดลงราว 30-40% เมื่อเทียบกับคนที่ไม่ได้รับวัคซีน จึงเป็นเหตุผลให้ NHS ตัดสินใจทดลองขยายผลในกลุ่มประชากรเสี่ยง

โครงการ วัคซีนป้องกันหนองใน ครั้งแรกของโลก

รายละเอียดของโครงการ

  • เริ่มฉีดในเดือน สิงหาคม 2025 ที่คลินิกสุขภาพทางเพศในประเทศอังกฤษ
  • กลุ่มเป้าหมายคือ ผู้ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้ชาย (MSM) และผู้ที่มีประวัติเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา
  • เป้าหมายคือการป้องกันการติดเชื้อ หนองใน และลดจำนวนผู้ป่วยรายใหม่ในอีก 10 ปีข้างหน้า
  • การคาดการณ์ของ NHS ระบุว่า โครงการนี้อาจช่วยป้องกันได้กว่า 100,000 รายภายใน 10 ปี และช่วยประหยัดงบประมาณราว 7.9 ล้านปอนด์

โครงการนี้ได้รับการจับตามองจากทั่วโลก ว่าอาจเป็นก้าวแรกของการพัฒนาวัคซีนเฉพาะทาง สำหรับโรคหนองใน ในอนาคต

วัคซีน Bexsero ทำงานอย่างไร?

วัคซีน Bexsero หรือที่รู้จักในชื่อ 4CMenB เป็นวัคซีนที่ใช้ป้องกันเชื้อ Neisseria meningitidis สายพันธุ์ B ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ แต่ด้วยความคล้ายกันทางพันธุกรรมกับเชื้อหนองใน นักวิทยาศาสตร์จึงตั้งข้อสังเกตว่า วัคซีนนี้อาจ “เผื่อผล” ในการป้องกันเชื้อหนองในได้

“PrEPLove2Test"

วัคซีนประกอบด้วยโปรตีน 4 ชนิดที่อยู่บนผิวเชื้อแบคทีเรีย เมื่อฉีดเข้าสู่ร่างกาย ระบบภูมิคุ้มกันจะสร้างแอนติบอดีเพื่อต่อต้านโปรตีนเหล่านี้ ทำให้หากร่างกายเจอเชื้อที่มีโครงสร้างคล้ายกัน อย่าง Neisseria gonorrhoeae ระบบภูมิคุ้มกันก็สามารถตอบสนองได้รวดเร็วขึ้น นั่นคือสิ่งที่เรียกว่า “Cross-protection” ถึงแม้ประสิทธิภาพจะไม่ถึง 100% แต่การลดความเสี่ยงลงได้ราว 30-40% ถือเป็นความก้าวหน้าที่มีความหมายอย่างมากสำหรับสาธารณสุข

วัคซีนป้องกันหนองใน ในมุมมองของประเทศไทย

ในประเทศไทย วัคซีน Bexsero (MenB) ได้รับการอนุมัติให้ใช้ เพื่อป้องกันโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ แล้ว แต่ ยังไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้เพื่อป้องกันหนองในโดยเฉพาะ อย่างไรก็ตาม มีคลินิกเอกชนบางแห่ง เช่น Pulse Clinic และ Shields Medical Center ที่เริ่มนำเสนอวัคซีนนี้ ให้กับผู้ที่ต้องการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ โดยชี้ให้เห็นถึงงานวิจัยจากต่างประเทศที่ระบุว่ามี “ผลป้องกันบางส่วน” ต่อหนองใน

แม้ว่าการโฆษณาในลักษณะนี้จะไม่ได้ผิด แต่ผู้รับบริการควรเข้าใจอย่างชัดเจนว่า วัคซีนป้องกันหนองในที่ประเทศไทย ยังถือเป็นการใช้แบบเสริม (Off-label use) และไม่ได้รับรองอย่างเป็นทางการจากกระทรวงสาธารณสุขสำหรับการป้องกัน โรคหนองใน แบบเฉพาะเจาะจง

ทำไมโลกถึงต้องการ วัคซีนป้องกันหนองใน

  1. ปัญหาเชื้อดื้อยาเพิ่มขึ้น
    • เชื้อหนองในหลายประเทศรวมถึงไทย ดื้อต่อยาปฏิชีวนะเกือบทุกกลุ่ม ตั้งแต่เพนิซิลลิน เตตราไซคลิน ไปจนถึงเซฟาโลสปอรินรุ่นใหม่ องค์การอนามัยโลก (WHO) ถึงกับจัดให้เชื้อ Neisseria gonorrhoeae เป็นหนึ่งใน “Priority Pathogens” หรือเชื้อดื้อยาที่ต้องเฝ้าระวังสูงสุด
  2. ผู้ป่วยจำนวนมากไม่แสดงอาการ
    • โดยเฉพาะในผู้หญิง ซึ่งอาจติดเชื้อโดยไม่รู้ตัว นำไปสู่การแพร่ต่อโดยไม่ตั้งใจ และอาจเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น มีบุตรยากหรืออุ้งเชิงกรานอักเสบ
  3. มีโอกาสในการติดเชื้อซ้ำบ่อย
    • แม้จะรักษาหายแล้ว ก็สามารถติดซ้ำได้ง่าย เพราะร่างกายไม่ได้สร้างภูมิคุ้มกันถาวรต่อเชื้อนี้ ดังนั้น วัคซีนที่สามารถลดความเสี่ยงแม้เพียงบางส่วน จึงเป็นความหวังสำคัญในการลดจำนวนผู้ติดเชื้อทั่วโลก

ทำไมโลกถึงต้องการ วัคซีนป้องกันหนองใน

อ่านบทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

ผลการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับ วัคซีนป้องกันหนองใน

ประเทศ / สถาบันวิจัย วัคซีนที่ศึกษา ผลการศึกษา / สรุปผล หมายเหตุเพิ่มเติม
นิวซีแลนด์ MeNZB (รุ่นเก่าของ Bexsero) ผู้ที่ได้รับวัคซีนมีอัตราการติดเชื้อหนองในลดลง ประมาณ 31% เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ไม่ได้รับวัคซีน เป็นการค้นพบแรกที่บ่งชี้ว่ามี “ภูมิคุ้มกันข้าม” ระหว่างเชื้อเยื่อหุ้มสมองอักเสบ B และหนองใน
ออสเตรเลีย 4CMenB (Bexsero) พบว่าวัคซีนช่วยลดโอกาสติดเชื้อหนองในได้ 30–40% การศึกษาในกลุ่มผู้ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้ชาย (MSM) ในเมืองใหญ่ เช่น ซิดนีย์ และเมลเบิร์น
สหรัฐอเมริกา 4CMenB (Bexsero) ผลการศึกษาเบื้องต้นพบแนวโน้มการลดการติดเชื้อคล้ายกับในออสเตรเลีย อยู่ในช่วงการทดลองระยะต้น เพื่อประเมินความปลอดภัยและการตอบสนองของภูมิคุ้มกัน
อังกฤษ (NHS England) 4CMenB (Bexsero) กำลังดำเนินการศึกษาใน ระยะที่ 2 และ 3 เพื่อวัดประสิทธิภาพและความปลอดภัยในกลุ่มเสี่ยงสูง โครงการ “World’s First Gonorrhoea Vaccine Programme” เริ่มตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2025

แม้จะยังไม่สามารถยืนยันได้ว่า “วัคซีนป้องกันหนองใน” สามารถป้องกันได้แน่นอน 100% แต่ผลการศึกษาจากหลายประเทศที่ให้ผลสอดคล้องกัน ถือเป็น สัญญาณที่ดีสำหรับอนาคตของการควบคุมโรคหนองใน และอาจนำไปสู่การพัฒนาวัคซีนเฉพาะทางในอนาคตอันใกล้

ไทยพร้อมหรือยัง? กับวัคซีนป้องกันหนองใน

สำหรับประเทศไทย กระทรวงสาธารณสุขยังไม่ได้บรรจุวัคซีน MenB ไว้ในแผนวัคซีนแห่งชาติ เพราะถือว่ายังอยู่ในช่วงศึกษาทางคลินิกในต่างประเทศ แต่ในระดับคลินิกเอกชน ผู้ที่ต้องการสามารถ “ขอรับวัคซีน MenB” ได้ โดยต้องผ่านการให้คำปรึกษาจากแพทย์ก่อน

ผู้เชี่ยวชาญหลายท่านเห็นตรงกันว่า การให้วัคซีนลักษณะนี้อาจเหมาะกับกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง เช่น

  • ผู้ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้ชาย (MSM)
  • ผู้ที่มีคู่นอนหลายคน หรือเปลี่ยนคู่นอนบ่อย
  • ผู้ที่เคยติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ภายใน 1 ปีที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม ควรตระหนักว่า วัคซีนเป็นเพียง “เกราะเสริม” ไม่ใช่ทางป้องกันหลัก และยังควรใช้ถุงยางอนามัย ตรวจสุขภาพทางเพศอย่างสม่ำเสมอ และปรึกษาแพทย์เมื่อมีอาการผิดปกติ

แล้วเราควรฉีดวัคซีนนี้ไหม?

คำตอบขึ้นอยู่กับ “ความเสี่ยงส่วนตัว” และ “ความเข้าใจในข้อมูล”

“ถ้าคุณอยู่ในกลุ่มเสี่ยงสูง การฉีดวัคซีน MenB อาจช่วยลดความเสี่ยงได้บางส่วน และถือเป็นการป้องกันที่คุ้มค่าในภาพรวม แต่หากคุณมีพฤติกรรมทางเพศที่ปลอดภัย ตรวจสุขภาพเป็นประจำ การใช้วัคซีนนี้อาจยังไม่จำเป็นในตอนนี้ สิ่งสำคัญคือ ต้องเข้าใจว่า วัคซีนป้องกันหนองใน ยังไม่ใช่วัคซีนเฉพาะทาง และยังไม่สามารถป้องกันได้ 100%”

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ หนองใน

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับโรคหนองใน

➭ แม้ชื่อจะคล้ายกัน แต่เกิดจากเชื้อคนละชนิด

  • หนองในแท้ (Gonorrhea) เกิดจากเชื้อ Neisseria gonorrhoeae
  • หนองในเทียม (Chlamydia) เกิดจากเชื้อ Chlamydia trachomatis

ทั้งสองโรคมีอาการคล้ายกัน เช่น ปัสสาวะแสบขัด มีหนองไหล แต่ต้องใช้การตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อแยกชนิดให้แน่ชัด เพราะวิธีรักษาไม่เหมือนกัน

➭ ได้ และจริง ๆ แล้ว ผู้หญิงจำนวนมากที่ติดเชื้อ อาจไม่มีอาการเลย เชื้อจะอยู่ในปากมดลูกและท่อนำไข่ ซึ่งอาจทำให้เกิด ภาวะอุ้งเชิงกรานอักเสบ (Pelvic Inflammatory Disease – PID) หรือ มีบุตรยาก ได้หากไม่ได้รับการรักษา ดังนั้น การตรวจสุขภาพทางเพศสัมพันธ์เป็นประจำจึงสำคัญมาก

➭ โดยทั่วไป โอกาสติดจากการจูบ หรือใช้ของร่วมกันมีน้อยมาก เพราะเชื้อมักอยู่ในสารคัดหลั่ง เช่น น้ำอสุจิ หรือของเหลวในช่องคลอด อย่างไรก็ตาม การมีเพศสัมพันธ์ทางปาก (Oral sex) โดยไม่มีการป้องกันสามารถทำให้เชื้อติดบริเวณลำคอได้

➭ สามารถติดซ้ำได้❗เพราะเชื้อหนองใน ไม่ได้สร้างภูมิคุ้มกันถาวร หากมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกันกับผู้ติดเชื้ออีก ก็สามารถติดซ้ำได้ทุกเมื่อ ดังนั้น หลังรักษาหายแล้ว ควรตรวจยืนยันผลอีกครั้ง และป้องกันทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์

➭ การตรวจหนองในไม่เจ็บอย่างที่หลายคนคิด โดยวิธีตรวจมีหลายแบบ เช่น

  • การป้ายตัวอย่างจากท่อปัสสาวะหรือปากมดลูก
  • การตรวจปัสสาวะเพื่อหา DNA ของเชื้อ (NAAT test) ซึ่งเป็นวิธีที่แม่นยำและไม่ต้องเจ็บตัว

ผลตรวจมักทราบภายใน 1–3 วันเท่านั้น

➭ หนองในสามารถรักษาให้หายได้ด้วยยาปฏิชีวนะ เช่น Ceftriaxone หรือ Azithromycin
แต่ปัจจุบันเริ่มพบปัญหา เชื้อดื้อยา มากขึ้น ผู้ป่วยจึงควรรับยาตามคำสั่งแพทย์อย่างครบถ้วน และไม่ซื้อยากินเอง โดยทั่วไปอาการจะดีขึ้นภายในไม่กี่วันหลังเริ่มยา แต่ต้องงดเพศสัมพันธ์จนกว่าจะหายสนิท

ไทยพร้อมหรือยัง วัคซีนป้องกันหนองใน

สรุป

วัคซีนป้องกันหนองใน อาจยังไม่สมบูรณ์แบบ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในอังกฤษถือเป็นก้าวประวัติศาสตร์ของการแพทย์ วัคซีน Bexsero หรือ 4CMenB ที่เคยใช้เพื่อป้องกันเยื่อหุ้มสมองอักเสบ ตอนนี้กำลังเปิดทางใหม่ให้มนุษยชาติสามารถต่อสู้กับหนองใน โรคที่เคยรักษาง่าย แต่กำลังกลายเป็นภัยจากเชื้อดื้อยา ในอนาคต เราอาจได้เห็นวัคซีนเฉพาะทางสำหรับหนองในโดยตรง แต่ในระหว่างนี้ สิ่งที่ทำได้ดีที่สุดคือ ป้องกันด้วยพฤติกรรมปลอดภัย ตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เป็นประจำ และเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์ก่อนการฉีดวัคซีนทุกครั้ง เพราะสุขภาพทางเพศที่ดี คือพื้นฐานของคุณภาพชีวิตที่มั่นใจในทุกความสัมพันธ์

อ้างอิงข้อมูลจาก:

↪︎ World-first gonorrhoea vaccine rolled out by NHS today to tackle surging STI levels – are you eligible?

↪︎ ข้อแนะนำเกี่ยวกับวัคซีนป้องกันหนองในสำหรับสหราชอาณาจักร

↪︎ วัคซีนป้องกันหนองในครั้งแรกของโลก หลังยอดติดเชื้อในอังกฤษพุ่งสูงสุดในรอบศตวรรษ

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า