ทุกวันที่ 10 ตุลาคมของทุกปี คือ วันสุขภาพจิตโลก (World Mental Health Day) วันที่ทั่วโลกหันมาให้ความสำคัญกับเรื่องของ “ใจ” มากกว่าเดิม ในปี 2025 นี้ องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้กำหนดหัวข้อว่า “Mental Health in Humanitarian Emergencies” หรือ “สุขภาพจิตในภาวะฉุกเฉินทางมนุษยธรรม” เพื่อสะท้อนว่า “สุขภาพจิต” ไม่ได้เป็นแค่เรื่องส่วนตัวอีกต่อไป แต่กำลังกลายเป็น “ภาวะฉุกเฉินระดับโลก” ที่ต้องการการดูแลอย่างจริงจัง
สำหรับประเทศไทย สัญญาณวิกฤตชัดเจนกว่าที่คิด — มีคนไทยกว่า 13 ล้านคน เผชิญปัญหาสุขภาพจิต และมีผู้เสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายเฉลี่ย วันละ 14 คน นี่ไม่ใช่แค่ตัวเลขในรายงาน แต่คือชีวิตของคนที่อยู่รอบตัวเรา อาจเป็นเพื่อนร่วมงาน เพื่อนสนิท หรือแม้แต่คนในครอบครัวที่กำลัง “ใจล้า” โดยไม่มีใครรู้ “วันสุขภาพจิตโลก” จึงไม่ใช่แค่วันแห่งการรณรงค์ แต่คือ สัญญาณเตือนจากสังคมให้เราหันมาเข้าใจ ยอมรับ และเริ่มต้นดูแลใจของตัวเองและคนรอบข้าง ก่อนที่วิกฤตใจจะลุกลามเป็นภาวะฉุกเฉินที่ยากจะแก้ไข
วันสุขภาพจิตโลก คืออะไร? ทำไมถึงสำคัญกับคนไทย
หากพูดถึง “สุขภาพจิต” หลายคนอาจนึกถึงเรื่องซึมเศร้า วิตกกังวล หรือความเครียด แต่จริง ๆ แล้วสุขภาพจิตหมายถึง ภาวะที่ใจของเรามีสมดุล พร้อมเผชิญสิ่งต่าง ๆ ในชีวิตได้อย่างยืดหยุ่น และวันสุขภาพจิตโลกก็ถูกจัดขึ้นเพื่อย้ำเตือนว่า “ใจ” ของเราควรได้รับการดูแลไม่ต่างจาก “ร่างกาย”

วันนี้ถูกกำหนดขึ้นครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1992 โดยสหพันธ์สุขภาพจิตโลก (WFMH) และได้รับการสนับสนุนจากองค์การอนามัยโลก (WHO) จุดประสงค์ของวันนี้คือ การเปิดพื้นที่ให้ผู้คนทั่วโลกพูดถึงปัญหาทางใจอย่างเปิดเผย และสร้างสังคมที่เข้าใจผู้ที่มีความทุกข์ทางจิตใจโดยไม่ตีตรา ในแต่ละปีจะมี “หัวข้อรณรงค์” แตกต่างกันไป เพื่อสะท้อนปัญหาสุขภาพจิตตามบริบทของโลก — และปี 2025 นี้มาพร้อมหัวข้อ “Mental Health in Humanitarian Emergencies” หรือ “สุขภาพจิตในภาวะฉุกเฉินทางมนุษยธรรม” ที่ต้องการให้ทุกประเทศมองเห็นว่า เมื่อเกิดภัยพิบัติ ความขัดแย้ง หรือวิกฤตทางเศรษฐกิจ สิ่งที่ต้องฟื้นฟูควบคู่ไปกับชีวิตและทรัพย์สินก็คือ จิตใจของผู้คน
สำหรับประเทศไทย วันสุขภาพจิตโลก ไม่ได้เป็นเพียงกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ แต่คือช่วงเวลาสำคัญที่หน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐ เอกชน และองค์กรชุมชน ร่วมกันจัดกิจกรรมเพื่อ ส่งเสริมสุขภาพจิตคนไทย เช่น การอบรม “นักรับฟัง พลังพิเศษ (Gifted Listener)”, โครงการ “วัคซีนใจ” ของ สสส., เวิร์กช็อปในโรงเรียน และแคมเปญ “สังคมแห่งการรับฟัง” บนโซเชียลมีเดีย
เพราะในสังคมที่ความเครียดเพิ่มขึ้นทุกวัน การมีวันสุขภาพจิตโลก คือโอกาสให้เราหยุดคิด ฟังเสียงของใจตัวเอง และมอบพื้นที่เล็ก ๆ ให้คนรอบข้างได้พักบ้าง ไม่ว่าจะเป็นการถามว่า “วันนี้เป็นยังไงบ้าง?” หรือเพียงแค่ “อยู่ตรงนี้นะ” — คำพูดง่าย ๆ เหล่านี้อาจมีค่ามากกว่าที่คิด
วันสุขภาพจิตโลก – สถานการณ์สุขภาพจิตในไทย 2025: ตัวเลขที่น่ากังวล
ประเด็น | ตัวเลข / สถิติ | ที่มา |
---|---|---|
คนไทยที่เคยมีปัญหาสุขภาพจิต | 13.4 ล้านคน | กรมสุขภาพจิต 2566 |
พยายามฆ่าตัวตายต่อปี | กว่า 30,000 คน | รายงานสุขภาพคนไทย 2568 |
เสียชีวิตจากการฆ่าตัวตาย | เฉลี่ยวันละ 14 คน | สสส. / ThaiPBS |
กลุ่มเสี่ยงสูงสุด | วัยรุ่นอายุ 15–19 ปี | BBC Thai |
บุคลากรจิตเวช | จิตแพทย์เฉลี่ย 1.28 คนต่อแสนประชากร | The Active |
ตัวเลขเหล่านี้ไม่ใช่เพียง “สถิติ” แต่คือชีวิตคนไทยจริง ๆ ที่กำลังส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือจากสังคม

เมื่อ “ใจล้า” กลายเป็นภาวะฉุกเฉินของประเทศ
ในปี 2025 ปัญหาสุขภาพจิตของคนไทยไม่จำกัดอยู่แค่ผู้สูงอายุ หรือผู้ป่วยจิตเวชอีกต่อไป แต่ลามถึงวัยเรียนและวัยทำงาน สาเหตุหลัก ๆ ที่พบได้บ่อยคือ
- ความเครียดจากเศรษฐกิจและหนี้สิน
- ภาระงานหนักและความกดดันในองค์กร
- ความสัมพันธ์ในครอบครัวที่เปราะบาง
- การใช้โซเชียลมีเดียมากเกินไปจนเกิด “ภาวะเปรียบเทียบ”
- การขาด “พื้นที่ปลอดภัยทางใจ (Safe Zone)”
สิ่งเหล่านี้สะท้อนว่า “สุขภาพจิตคนไทย” กำลังเผชิญวิกฤตเงียบ ซึ่งหากไม่มีระบบดูแลอย่างจริงจัง จะส่งผลต่อคุณภาพชีวิตและเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม
วันสุขภาพจิตโลก กับธีมใหม่ของโลก: สุขภาพจิตในภาวะฉุกเฉิน
WHO เน้นย้ำว่า “สุขภาพจิต” ต้องถูกรวมอยู่ในทุกนโยบายรับมือวิกฤต ไม่ว่าจะเป็นภัยธรรมชาติ โรคระบาด หรือความขัดแย้ง เพราะทุกครั้งที่โลกเผชิญเหตุร้าย ผู้คนจำนวนมากต้องรับภาระทางใจมหาศาล ประเทศไทยเองก็ไม่ต่างกัน — เราเห็นผลกระทบจาก โควิด-19, ภัยพิบัติ, วิกฤตเศรษฐกิจ, และ ความรุนแรงในครอบครัว ซึ่งทำให้ภาวะซึมเศร้าและการฆ่าตัวตายเพิ่มสูงขึ้น ดังนั้นวันสุขภาพจิตจึงเป็นโอกาสสำคัญในการ สร้างความเข้าใจใหม่ ว่าการดูแลใจคือเรื่องจำเป็น ไม่ใช่ความฟุ่มเฟือย
วันสุขภาพจิตโลก – นวัตกรรมไทยเพื่อใจไทย: Gifted Listener & วัคซีนใจ
ขณะที่โลกกำลังพูดถึง Mental Health Emergency ประเทศไทยเองก็ขับเคลื่อนโครงการสร้างสรรค์หลายโครงการเพื่อฟื้นฟูใจคนไทย
โครงการ “นักรับฟัง พลังพิเศษ (Gifted Listener)
พัฒนาโดย สสส. และจุฬาฯ เพื่อฝึก “คนพิการ” ให้กลายเป็น นักปฐมพยาบาลจิตใจเบื้องต้น (Mind First Aid)
- เป้าหมาย: ผลิตนักรับฟัง 500 คน
- ดูแลคนในองค์กร 50,000 คน
- ให้บริการประชาชนกว่า 100,000 คน
โมเดลหลักคือ “4S”: Support – Sense – Summarize – Self-care ช่วยให้ทุกคนสามารถ “ฟังอย่างไม่ตัดสิน” และเป็นส่วนหนึ่งของการป้องกันการฆ่าตัวตายได้
โครงการ “วัคซีนใจ” จาก สสส.
เป็นแนวคิด “ภูมิคุ้มกันทางใจ” ที่ส่งเสริมให้คนไทยเห็นคุณค่าของตนเอง ไม่ต้องสมบูรณ์แบบเสมอไป “วัคซีนใจ” ไม่ได้อยู่ในเข็มฉีดยา แต่อยู่ในคำพูดดี ๆ ที่เรามอบให้กัน
เสียงจากผู้ป่วยและผู้เชี่ยวชาญ: เรื่องจริงที่ควรฟัง
“แก้ม” หญิงวัย 33 ปี ผู้ป่วยซึมเศร้าที่เคยพยายามจบชีวิตตนเอง เล่าว่า
“บางครั้งเราไม่ได้อยากตาย แต่อยากให้ความเจ็บปวดหยุดลง”
ขณะที่ ดร.รุ่งอรุณ อนุพันธ์สืบสาย จากคณะแพทย์ศิริราชฯ ชี้ว่า วัยรุ่นเป็นกลุ่มเสี่ยงที่สุดเพราะ “ขาดพื้นที่ปลอดภัยทางใจ”
“บ้านควรเป็น Safe Zone ที่เด็กกล้าเล่า ไม่ใช่ที่ที่กลัวถูกตำหนิ”
เสียงเหล่านี้สะท้อนสาระสำคัญของวันสุขภาพจิตโลกปีนี้ เราต้องเริ่มต้นด้วยการรับฟังกันมากกว่าตัดสินกัน
สัญญาณเตือนและวิธีดูแลใจ
ในช่วงที่ชีวิตเต็มไปด้วยความกดดัน ไม่ว่าจะจากงาน การเงิน ความสัมพันธ์ หรือข่าวสารรอบตัว หลายคนอาจไม่รู้ตัวเลยว่า “ใจ” ของตัวเองเริ่มอ่อนล้า เพราะสุขภาพจิตไม่ได้แสดงอาการเจ็บเหมือนโรคทางกาย แต่จะค่อย ๆ สะสมจนถึงจุดที่รู้สึก “ไม่ไหว” โดยไม่รู้เหตุผลที่ชัดเจน
สัญญาณเตือนว่าคุณอาจกำลัง “ใจไม่ไหว”
- รู้สึกหมดแรง ไม่มีสมาธิ ทุกอย่างดูหนักไปหมด แม้แต่เรื่องเล็ก ๆ ก็กลายเป็นภาระ จิตใจเหมือนขาดพลังจะเริ่มต้นสิ่งใหม่
- นอนไม่หลับ หรือหลับมากเกินไป การนอนหลับผิดปกติเป็นสัญญาณสำคัญของความเครียดหรือภาวะซึมเศร้า บางคนคิดวนจนหลับไม่ได้ หรือบางคนอยากนอนทั้งวันเพื่อหนีความจริง
- เบื่อทุกสิ่ง ไม่อยากพบใคร สิ่งที่เคยชอบกลับไม่รู้สึกสนุกอีกต่อไป ไม่อยากออกจากบ้าน ไม่อยากคุยกับใคร และเริ่มรู้สึกว่าตัวเองไม่มีคุณค่าในสายตาคนอื่น
- รู้สึกไร้ค่า หรืออยากหายไปจากโลกนี้ เมื่อความทุกข์สะสมจนถึงขีดสุด หลายคนอาจเริ่มคิดว่า “ถ้าไม่มีเราคงดีกว่านี้” หรือ “อยากหายไป” ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนสำคัญของภาวะซึมเศร้าหรือความเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตาย
หากคุณหรือคนรอบตัวมีอาการเหล่านี้ อย่าลังเลที่จะขอความช่วยเหลือ ติดต่อ สายด่วนสุขภาพจิต 1323 ตลอด 24 ชั่วโมง — มีเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญคอยรับฟังและให้คำแนะนำโดยไม่ตัดสิน หรือทำแบบสอบถามประเมินภาวะซึมเศร้าได้ที่นี่ 👉🏻 https://love2test.org/depression
อย่าคิดว่าการขอความช่วยเหลือคือความอ่อนแอ เพราะแท้จริงแล้วมันคือ “ความกล้าหาญ” ที่สุดของใจ — การยอมรับว่า “เราต้องการคนฟัง” คือก้าวแรกของการเยียวยาที่แท้จริง
วิธีดูแลใจให้กลับมาแข็งแรงอีกครั้ง
เมื่อเริ่มรู้ตัวว่า “ใจไม่ไหว” การดูแลตัวเองทันทีคือสิ่งสำคัญที่สุด ต่อไปนี้คือแนวทางง่าย ๆ ที่ช่วยให้ใจคุณได้พักและฟื้นตัว
- ยอมรับความรู้สึกของตัวเอง หยุดบอกตัวเองว่า “ต้องเข้มแข็งสิ” แต่ให้พูดว่า “ตอนนี้ฉันเหนื่อยได้” เพราะการยอมรับความรู้สึกคือจุดเริ่มต้นของการฟื้นฟู
- หาคนที่ไว้ใจได้มาคุยด้วย ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน คนในครอบครัว หรือที่ปรึกษาทางใจ การพูดออกมาช่วยลดแรงกดดันในใจได้มากกว่าการเก็บไว้คนเดียว
- พักจากสิ่งที่ทำให้รู้สึกแย่ ลองปิดโทรศัพท์สักชั่วโมง เดินเล่น หรือออกกำลังกายเบา ๆ การได้ขยับร่างกายช่วยให้สมองหลั่งสารแห่งความสุข (เซโรโทนิน)
- ทำสิ่งที่เติมพลังให้ใจ ฟังเพลงที่ชอบ เขียนบันทึก วาดภาพ หรือทำอาหาร — กิจกรรมเล็ก ๆ เหล่านี้ช่วยให้เราได้กลับมารู้สึกว่าชีวิตยังมีความสุขในรายละเอียดเล็ก ๆ
- เข้าพบผู้เชี่ยวชาญหากอาการไม่ดีขึ้น ถ้ารู้สึกว่าความเศร้าหรือความเครียดยังคงอยู่หลายสัปดาห์ อย่ารอให้ถึงจุดวิกฤต การปรึกษานักจิตวิทยาหรือจิตแพทย์ไม่ใช่เรื่องน่ากลัว แต่คือการดูแลตัวเองอย่างมืออาชีพ
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับสุขภาพจิต
↪ สุขภาพจิตคือ ภาวะสมดุลของความคิด อารมณ์ และพฤติกรรม ที่ทำให้เราสามารถรับมือกับปัญหาชีวิตได้อย่างมีสติ มีแรงใจ และยังคงมีความสุขกับชีวิตประจำวันได้ ไม่ได้หมายความว่าเราต้อง “ไม่เคยเศร้า” แต่หมายถึง “รู้จักจัดการกับความเศร้าอย่างเข้าใจ”
↪ ปัญหาสุขภาพจิตไม่ได้มีสาเหตุเดียว มักเกิดจากหลายปัจจัยร่วมกัน เช่น
- ความเครียดสะสมจากงานหรือชีวิตส่วนตัว
- การสูญเสียบุคคลสำคัญหรือเหตุการณ์กระทบใจ
- ภาวะฮอร์โมนหรือสารเคมีในสมองไม่สมดุล
- พันธุกรรม หรือประสบการณ์ในวัยเด็ก
- การขาดการสนับสนุนทางสังคมและครอบครัว
เมื่อปัจจัยเหล่านี้สะสมโดยไม่มีทางระบาย อาจนำไปสู่ภาวะซึมเศร้า วิตกกังวล หรือหมดไฟได้
↪ สัญญาณเตือนหลัก ๆ ได้แก่
- อารมณ์เปลี่ยนแปลงง่าย เหนื่อยล้า ไม่มีสมาธิ
- เบื่อสิ่งที่เคยชอบ ไม่อยากพบผู้คน
- นอนไม่หลับ หรือหลับมากเกินไป
- รู้สึกไร้ค่า หรืออยากหายไปจากโลกนี้
ถ้าคุณมีอาการเหล่านี้นานเกิน 2 สัปดาห์ ควรเริ่มพูดคุยกับคนที่ไว้ใจ หรือโทรปรึกษา สายด่วนสุขภาพจิต 1323 เพื่อรับคำแนะนำเบื้องต้นจากผู้เชี่ยวชาญ
↪ ไม่เสียค่าใช้จ่าย! บริการ สายด่วนสุขภาพจิต 1323 ของกรมสุขภาพจิตเปิดให้บริการฟรีตลอด 24 ชั่วโมง ไม่มีค่าใช้จ่าย สามารถโทรปรึกษาเรื่องความเครียด วิตกกังวล ภาวะซึมเศร้า หรือแม้แต่ปัญหาครอบครัวได้อย่างเป็นความลับ นอกจากนี้ โรงพยาบาลของรัฐและคลินิกสุขภาพจิตในหลายจังหวัดยังให้บริการฟรี ภายใต้สิทธิหลักประกันสุขภาพ (บัตรทอง) อีกด้วย
↪ สิ่งที่ดีที่สุดที่เราทำได้คือ “อยู่ข้างเขาโดยไม่ตัดสิน”
- รับฟังอย่างตั้งใจ โดยไม่เร่งให้เขาหายเร็ว ๆ
- หลีกเลี่ยงคำพูดเช่น “อย่าคิดมาก” หรือ “คนอื่นยังแย่กว่านี้”
- หากเห็นสัญญาณเสี่ยง เช่น พูดอยากตาย หรือทำร้ายตัวเอง ให้รีบช่วยติดต่อสายด่วนสุขภาพจิต 1323 หรือพาไปพบแพทย์ทันที
- การรับฟังอย่างจริงใจคือยาที่ดีที่สุดสำหรับหัวใจที่กำลังอ่อนล้า
↪ ได้แน่นอน สุขภาพจิตเป็นสิ่งที่ “ฟื้นฟูได้” หากได้รับการดูแลที่ถูกต้อง การพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญ การออกกำลังกาย การพักผ่อนที่เพียงพอ และการมีเครือข่ายคนรอบข้างที่เข้าใจ ล้วนช่วยให้ใจกลับมาแข็งแรงอีกครั้งได้ จำไว้ว่า “คุณไม่ได้อยู่คนเดียว” และทุกการขอความช่วยเหลือคือก้าวแรกของการรักษาที่สำคัญที่สุด
อ่านบทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
- เอชไอวีและสุขภาพจิต การเข้าใจความเชื่อมโยงและกลยุทธ์การรับมือ
- โรคซึมเศร้าคืออะไร ทำความเข้าใจเบื้องต้น อาการและสาเหตุ
บทสรุป: เพราะสุขภาพจิตคือเรื่องของเราทุกคน
วันสุขภาพจิตโลก 2025 เป็นมากกว่าวันแห่งการรณรงค์ แต่มันคือ “กระจกสะท้อนใจของสังคมไทย” ที่ทำให้เราเห็นว่า ปัญหาทางใจไม่ได้อยู่ห่างไกลจากเราเลย ทุกคนรอบตัว — เพื่อนร่วมงาน นักเรียน พ่อแม่ หรือแม้แต่ตัวเราเอง — ล้วนมีวันที่รู้สึกเหนื่อย ล้า หรือไม่ไหวได้ทั้งนั้น ในปีที่โลกต้องเผชิญความไม่แน่นอนมากขึ้น ทั้งภัยพิบัติ ภาวะเศรษฐกิจ และความโดดเดี่ยวจากเทคโนโลยี สุขภาพจิตจึงไม่ควรถูกมองว่าเป็นเรื่องของ “ผู้ป่วย” แต่คือ ภาวะฉุกเฉินระดับสังคม ที่ทุกภาคส่วนต้องร่วมกันรับผิดชอบ — ตั้งแต่ภาครัฐ ภาคเอกชน โรงเรียน ไปจนถึงครอบครัวเล็ก ๆ ในทุกบ้าน
สิ่งที่เราทำได้ในวันนี้อาจไม่ต้องยิ่งใหญ่ แต่อาจเริ่มจากเรื่องง่าย ๆ อย่าง การ “รับฟังโดยไม่ตัดสิน”, การ “ยื่นมือให้เมื่อเห็นใครเหนื่อย”, หรือแม้แต่ “การดูแลใจของตัวเองก่อน” เพราะเมื่อเรามีใจที่มั่นคง เราก็จะมีพลังส่งต่อความเข้าใจให้คนอื่นได้เช่นกัน
สุขภาพจิตที่ดีของคนหนึ่งคน อาจเป็นจุดเริ่มต้นของสังคมที่อบอุ่นขึ้นทั้งประเทศ 💚
และใน “วันสุขภาพจิตโลก 2025” นี้
ขอให้เราทุกคนร่วมกันสร้างสังคมแห่งการรับฟัง ความเข้าใจ และความหวัง —
เพื่อให้คำว่า “ไม่ไหว” ไม่ต้องกลายเป็นคำพูดสุดท้ายของใครอีกต่อไป
อ้างอิงข้อมูลจาก:
คนไทยเผชิญปัญหาสุขภาพจิต ฆ่าตัวตายพุ่ง! สสส.รวมพลังภาคีเครือข่ายชูนวัตกรรม “นักปฐมพยาบาลจิตใจ”
คนไทยป่วย ‘ซึมเศร้า’ พุ่ง! จี้เพิ่มจิตแพทย์-แก้ยาแพง-เปิดทางเข้าถึงการรักษา
คนไทยฆ่าตัวตาย: โจทย์ท้าทายนโยบายสุขภาพจิต
เพิ่มคำนิยาม ‘พยายามฆ่าตัวตาย’…มากกว่าสถิติ คือ ‘สัญญาณ’ ที่ต้องหาให้เจอ