ในทุกวันที่ 1 กรกฎาคม ของทุกปี ประเทศไทยได้ร่วมรณรงค์ในวันสำคัญที่หลายคนอาจยังไม่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย นั่นคือ วันรณรงค์ตรวจเอชไอวี โดยสมัครใจ (Voluntary Counseling and Testing Day หรือ VCT Day) ซึ่งเป็นวันสำคัญที่มีเป้าหมายในการกระตุ้นให้ประชาชนทั่วไป เกิดความตระหนักใน “การรู้สถานะของตนเอง” ผ่านการตรวจเลือดหาเชื้อเอชไอวี ไม่ว่าจะตรวจผ่านสถานพยาบาล หรือด้วยตนเองที่บ้าน ในปี 2568 แนวคิดหลักของ VCT Day คือ “ตรวจเร็ว รู้ทัน ป้องกันได้ ตรวจได้ด้วยตนเอง” ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความก้าวหน้าทางการแพทย์ เทคโนโลยี และการเปลี่ยนแปลงทางทัศนคติของสังคมต่อเอชไอวีอย่างชัดเจน บทความนี้ จะพาคุณไปรู้จักกับความหมาย ความสำคัญ วิธีการตรวจ การเข้าถึงบริการ และประเด็นต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ VCT Day อย่างครบถ้วนในมุมของการส่งเสริมสุขภาพ การลดการตีตรา และการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อเอชไอวีในสังคมไทย
ประวัติความเป็นมาของ วันรณรงค์ตรวจเอชไอวี
VCT Day (Voluntary Counseling and Testing Day) หรือ วันรณรงค์ตรวจเอชไอวี โดยสมัครใจ ถือกำเนิดขึ้นจากแนวคิดในการส่งเสริมให้ประชาชนทุกคน กล้ารู้สถานะการติดเชื้อของตนเองผ่าน “การให้คำปรึกษาและการตรวจเลือดโดยสมัครใจ” ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อเอชไอวีในระดับประเทศ และระดับโลก
จุดเริ่มต้นในระดับนานาชาติ
แนวทาง VCT เริ่มต้นในช่วงปลายทศวรรษ 1980 และต้น 1990 โดยองค์การอนามัยโลก (WHO) และโครงการร่วมของสหประชาชาติว่าด้วยเอชไอวี/เอดส์ (UNAIDS) ได้ส่งเสริมให้ประเทศต่าง ๆ บูรณาการการให้คำปรึกษาก่อนและหลังการตรวจเลือด เพื่อให้ผู้ที่รับบริการเข้าใจความเสี่ยง วิธีป้องกัน และผลกระทบทางสุขภาพหรือจิตใจจากผลการตรวจ จากนั้นหลายประเทศจึงจัดให้มี “วันรณรงค์ตรวจเอชไอวี” เพื่อกระตุ้นให้ประชาชนเข้ารับบริการตรวจโดยไม่ต้องรอให้มีอาการ และลดการตีตราทางสังคม
พัฒนาการของ วันรณรงค์ตรวจเอชไอวี ในประเทศไทย
ในประเทศไทย VCT Day ตรงกับวันที่ 1 กรกฎาคมของทุกปี เริ่มมีการรณรงค์อย่างจริงจังมาตั้งแต่ปี 2545 โดยหน่วยงานหลัก ได้แก่:
- กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข
- สถาบันบำราศนราดูร
- สภากาชาดไทย
- องค์กรภาคประชาสังคม เช่น มูลนิธิเข้าถึงเอดส์, มูลนิธิเพื่อผู้ติดเชื้อ ฯลฯ
โดยมีเป้าหมายสำคัญคือ:
- เพิ่มการเข้าถึงบริการตรวจเลือดโดยสมัครใจ
- ลดจำนวนผู้ติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่
- ส่งเสริมให้ผู้ที่ติดเชื้อเข้าสู่ระบบการรักษาโดยเร็ว
- ลดการตีตราและเลือกปฏิบัติกับผู้อยู่ร่วมกับเชื้อเอชไอวี
ทำไม “การรู้สถานะเอชไอวี” จึงสำคัญ?
การรู้สถานะเอชไอวีของตนเองไม่ใช่แค่เรื่องส่วนตัว แต่เป็น “กลไกสำคัญ” ที่ช่วยขับเคลื่อนการควบคุมการแพร่ระบาดในระดับสังคมและประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะเมื่อเรายังมีผู้ติดเชื้อจำนวนมากที่ไม่รู้ตัว ซึ่งทำให้การแพร่เชื้อยังคงดำเนินต่อไปโดยที่ไม่มีใครรู้
1. หยุดการแพร่เชื้อแบบไม่รู้ตัว
คนที่ไม่รู้ว่าตัวเองติดเชื้อ อาจถ่ายทอดเชื้อให้ผู้อื่นโดยไม่ได้ตั้งใจ โดยเฉพาะในกลุ่มที่มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน การรู้สถานะเร็ว คือการปกป้องทั้งตัวเองและคนที่คุณรัก
2. รักษาเร็ว = สุขภาพดีในระยะยาว
การเริ่มต้นยาต้านไวรัสเร็วหลังติดเชื้อเอชไอวี จะช่วยควบคุมไวรัสไม่ให้ทำลายภูมิคุ้มกันของร่างกาย ช่วยให้ผู้มีเชื้อมีชีวิตยืนยาว มีสุขภาพดี และใช้ชีวิตได้เหมือนคนทั่วไป
3. ป้องกันการแพร่เชื้อได้ด้วย U=U
ถ้าคุณมีเชื้อเอชไอวี และกินยาต้านจนตรวจไม่พบไวรัสในเลือด (Undetectable) จะไม่สามารถแพร่เชื้อทางเพศสัมพันธ์ได้อีก (U=U: Undetectable = Untransmittable)
4. วางแผนใช้ PrEP/ถุงยางอนามัย
คนที่ไม่รู้ว่าตัวเองติดเชื้อ อาจแพร่เชื้อให้ผู้อื่นโดยไม่ได้ตั้งใจ โดยเฉพาะในกลุ่มที่มีเพศสัมพันธ์ไม่ป้องกัน การรู้สถานะเร็ว คือการปกป้องทั้งตัวเองและคนที่คุณรัก
5. วางแผนครอบครัวได้มั่นใจ
รู้สถานะ = มีข้อมูลที่จำเป็นต่อการตัดสินใจ ไม่ว่าจะเป็นการมีคู่ การแต่งงาน หรือการมีลูกอย่างปลอดภัย โดยไม่ถ่ายทอดเชื้อให้คู่หรือบุตร
6. สร้างสังคมที่เข้าใจ ไม่ตีตรา
การรู้สถานะของตนเอง และกล้าเปิดใจตรวจ คือการร่วมเปลี่ยนทัศนคติของสังคม ลดความกลัว และส่งเสริมให้คนอื่นกล้ารู้ กล้าตรวจเช่นกัน
สถานการณ์เอชไอวีในประเทศไทย ปี 2568
แม้ประเทศไทยจะมีความก้าวหน้าในการให้บริการตรวจเอชไอวี ยาต้านไวรัส และการรณรงค์สร้างความเข้าใจที่ต่อเนื่องมาหลายปี แต่จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ยังคง “ไม่ลดลงเท่าที่ควร” ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนว่า เรายังมีงานที่ต้องทำอีกมาก โดยเฉพาะในการเข้าถึงกลุ่มเสี่ยงและการทำให้คน “กล้าตรวจ” มากขึ้น
🔍 ตัวเลขประมาณการปี 2568 (โดยกรมควบคุมโรค):
- ผู้ติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่: ประมาณ 8,000–9,000 ราย/ปี
- กลุ่มที่มีอัตราการติดเชื้อสูงที่สุด:
- ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย (MSM)
- ผู้ที่มีคู่นอนหลายคน หรือคู่ไม่ทราบสถานะ
- วัยรุ่นและเยาวชนอายุ 15-24 ปี
- กลุ่มผู้ใช้สารเสพติดแบบฉีด
- ผู้หญิงที่ตั้งครรภ์โดยไม่เคยตรวจเลือดมาก่อน
- อัตราการตรวจเลือดครั้งแรก: ยังต่ำในบางพื้นที่ โดยเฉพาะในกลุ่มชายรักชายในต่างจังหวัด หรือกลุ่มวัยรุ่นที่ไม่เคยมีข้อมูลหรือไม่สามารถเข้าถึงบริการได้
ปัจจัยที่ทำให้ยังมีการติดเชื้อใหม่ต่อเนื่อง
- ไม่รู้สถานะของตนเอง คนจำนวนมากยังไม่เคยตรวจเอชไอวีแม้จะเคยมีพฤติกรรมเสี่ย
- ความกลัวการถูกตีตรา ทำให้หลายคนไม่กล้าเปิดเผยตัวหรือหลีกเลี่ยงการตรวจ แม้จะรู้ว่าตนเองเสี่ยง
- การเข้าถึงบริการยังไม่ครอบคลุม โดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกล หรือกลุ่มประชากรเฉพาะ
- ขาดความรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับ PrEP และ U=U หลายคนยังไม่รู้ว่าการกิน PrEP ป้องกันได้ หรือเข้าใจผิดว่าการติดเชื้อเท่ากับต้องป่วยหรือเสียชีวิตเสมอ
ทำไม วันรณรงค์ตรวจเอชไอวี ปีนี้ถึงเน้นให้ตรวจด้วยตนเอง?
หนึ่งในหัวใจสำคัญของ VCT Day ปีนี้คือ การรณรงค์ให้ทุกคนกล้ารู้สถานะของตนเอง ผ่านการ “ตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง” (HIV Self-Test) ซึ่งเป็นแนวทางใหม่ ที่กำลังได้รับความนิยมทั่วโลก และประเทศไทยเองก็ได้เริ่มส่งเสริมอย่างจริงจังในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
เหตุผลที่ต้องให้ความสำคัญกับการตรวจด้วยตนเอง:
เหตุผลหลัก | รายละเอียด |
---|---|
เข้าถึงง่าย สะดวก ไม่ต้องเปิดเผยตัว | สามารถหาซื้อชุดตรวจได้จากร้านขายยา หรือสั่งออนไลน์ ตรวจได้เองที่บ้าน ไม่ต้องเดินทางไปคลินิก |
ลดความกลัวและความอาย | ไม่ต้องเจอกับเจ้าหน้าที่ หรือเปิดเผยพฤติกรรมเสี่ยง ช่วยให้คนที่ลังเล กล้าตรวจมากขึ้น |
เหมาะกับพฤติกรรมของคนรุ่นใหม่ | คนรุ่นใหม่ต้องการความรวดเร็ว ส่วนตัว และควบคุมได้เอง HIV Self-Test จึงตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคดิจิทัล |
เร่งการค้นพบผู้ติดเชื้อให้เร็วขึ้น | ลดจำนวนคนที่ไม่เคยตรวจเลยให้รู้สถานะของตนเองเร็วขึ้น และเข้าสู่ระบบการดูแลทันเวลา |
เสริมประสิทธิภาพระบบสาธารณสุข | ลดภาระของหน่วยบริการ ช่วยคัดกรองกลุ่มเสี่ยงจำนวนมากได้อย่างรวดเร็ว ครอบคลุมทั่วถึงยิ่งขึ้น |
วันรณรงค์ตรวจเอชไอวี = หยุดตีตรา
อุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดในการตรวจเอชไอวีในไทย คือ ความกลัวการถูกตีตรา หรือการที่คนกลัวว่าจะได้รับการมองในทางลบจากสังคม เมื่อเปิดเผยสถานะของตนเอง ความกลัวเหล่านี้มักทำให้หลายคน หลีกเลี่ยงการตรวจเอชไอวี และอาจทำให้พวกเขาเสียโอกาสในการรับการรักษาที่จำเป็น
การตีตรา ทำให้คนไม่กล้าตรวจ
หลายคนมักคิดว่า หากตรวจเจอผลเป็นบวก หรือมีความเสี่ยงจะถูกมองว่าเป็นคนไม่ดี หรือ คนที่มีพฤติกรรมเสี่ยง ซึ่งความคิดนี้สร้างความเครียดและอาจทำให้ผู้ที่มีความเสี่ยง หลีกเลี่ยงการตรวจ เพราะกลัวผลลัพธ์และกลัวที่จะได้รับการตอบรับที่ไม่ดีจากสังคม การที่คนกลัวถูกตีตรา ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการตรวจไม่ทันเวลา ทำให้ไม่สามารถรับการรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ และอาจทำให้โรคพัฒนาไปถึงขั้นที่มีอาการแทรกซ้อน
การสร้างสังคมที่เปิดกว้างและเข้าใจ
เมื่อเราพูดถึงการหยุดตีตรา นั่นหมายถึงการสร้างสภาพแวดล้อมที่เปิดกว้างและเข้าใจ เพื่อให้ทุกคนสามารถ กล้าตรวจเอชไอวีได้โดยไม่กลัวการถูกตัดสิน ทุกคนควรได้รับการรับรู้ว่า HIV ไม่ใช่ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับความประพฤติที่ไม่ดี หรือสิ่งที่ต้องซ่อนจากสังคม แต่เป็นปัญหาสุขภาพที่สามารถเกิดขึ้นกับทุกคน
วันรณรงค์ตรวจเอชไอวี จึงเท่ากับการหยุดตีตรา และเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้ผู้คนกล้าที่จะเดินไปข้างหน้า และรู้สถานะของตัวเอง เพราะเมื่อไม่มีการตัดสิน หรือเหยียดกัน คนจะมีความกล้าที่จะตรวจ และสามารถเข้าถึงการรักษาได้เร็วขึ้น ซึ่งส่งผลดีต่อสุขภาพและการป้องกันการแพร่เชื้อ
ทุกคนสามารถเป็นส่วนหนึ่งในการหยุดตีตรา
การหยุดตีตราไม่ใช่แค่หน้าที่ของผู้ที่ได้รับผลกระทบจาก HIV แต่ยังเป็นหน้าที่ของทุกคนในสังคมที่จะต้องสนับสนุนการตรวจเอชไอวี และเข้าใจว่า HIV เป็นโรคที่สามารถป้องกันและรักษาได้ หากทุกคนร่วมมือกันในการหยุดการตีตรา จะทำให้คนกล้าเปิดเผยสถานะของตนเองมากขึ้น และระบบสุขภาพก็สามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การหยุดตีตราจึงไม่เพียงแต่ช่วยให้การตรวจเอชไอวีกลายเป็นเรื่องธรรมดา แต่ยังเป็นการส่งเสริมสิทธิในการเข้าถึงการรักษาของทุกคน โดยไม่ต้องรู้สึกกลัว หรือถูกตัดสินจากสังคม มันเป็นก้าวสำคัญในการสร้างความเข้าใจร่วมกัน และทำให้ผู้คนในสังคมกล้าเลือกดูแลตัวเองได้ดียิ่งขึ้น
“ในวันที่ 1 กรกฎาคมของทุกปี วันรณรงค์ตรวจเอชไอวี โดยสมัครใจ (VCT Day) เราทุกคนสามารถมีส่วนร่วมได้ ไม่ว่าจะเป็นการแชร์ข้อมูลที่ถูกต้อง ชวนเพื่อนไปตรวจเลือด สนับสนุนองค์กรที่ทำงานด้าน HIV หรือแค่เริ่มต้นด้วยการกล้าตรวจเลือดด้วยตนเอง เพราะสุขภาพไม่ใช่เรื่องของใครคนเดียว แต่คือความรับผิดชอบร่วมกันของทั้งสังคม ยิ่งเรากล้ารู้เร็ว เราก็ป้องกันได้ทัน และไม่มีใครต้องเผชิญโรคนี้เพียงลำพังอีกต่อไป”
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการตรวจเอชไอวี
↪︎ น้อง ๆ ที่อายุต่ำกว่า 18 ปี สามารถเข้ารับการตรวจ HIV ได้ฟรี โดยไม่จำเป็นต้องขอความยินยอมจากพ่อแม่หรือผู้ปกครอง ซึ่งเข้ารับบริการได้ที่โรงพยาบาลทุกแห่งที่อยู่ในโครงการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือสถานพยาบาลสำหรับกลุ่มวัยรุ่นโดยเฉพาะ
↪︎ หากผลตรวจด้วยตนเองเป็น “บวก” หรือไม่แน่ใจ ควรนำผลไปปรึกษาแพทย์เพื่อทำการ ยืนยันผลซ้ำแบบมาตรฐาน และเข้าสู่กระบวนการรักษาหรือให้คำปรึกษาเพิ่มเติม
↪︎ บางสถานที่มีบริการตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ ควบคู่ เช่น ซิฟิลิส หนองใน ตรวจไวรัสตับอักเสบ หรือตรวจสุขภาพเบื้องต้นฟรี รวมถึงแจกถุงยางอนามัย เจลหล่อลื่น หรือให้คำปรึกษาเรื่องเพศอย่างรอบด้าน
↪︎ การตรวจเอชไอวีเป็นเรื่องของ “การดูแลสุขภาพ” ไม่ใช่แค่สำหรับคนที่มีความเสี่ยง หากคุณไม่เคยตรวจมาก่อน หรือไม่แน่ใจเกี่ยวกับพฤติกรรมที่ผ่านมา การตรวจอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เป็นสิ่งที่แนะนำ
↪︎ ใช่ครับ! ทุกสถานพยาบาลที่ให้บริการตรวจเอชไอวี มีข้อบังคับด้านจริยธรรมและกฎหมาย ในการเก็บข้อมูลเป็นความลับ ไม่สามารถเปิดเผยผลตรวจหรือข้อมูลส่วนตัวของคุณโดยไม่ได้รับอนุญาต
อ่านบทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
- ตรวจ HIV ฟรี PrEP ฟรี รักษาฟรี สิทธิประโยชน์ที่คนไทยควรรู้
- ตรวจ HIV ช่วงไหนดี พร้อมข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับการตรวจ HIV
บทสรุป: การรู้สถานะ ไม่ใช่จุดจบ แต่คือจุดเริ่มต้น
1 กรกฎาคมของทุกปี ไม่ใช่แค่วันธรรมดาวันหนึ่งในปฏิทิน แต่คือวันสำคัญที่เตือนให้เราทุกคนหันกลับมาใส่ใจสุขภาพของตัวเองและคนรอบข้าง ผ่านสิ่งที่ง่ายที่สุดแต่ทรงพลังที่สุด นั่นคือ “การรู้สถานะเอชไอวีของตนเอง” เพราะเอชไอวีในวันนี้ ไม่ใช่จุดจบของชีวิต แต่คือโรคชนิดหนึ่งที่สามารถควบคุมได้ เพียงแค่เรา “รู้เร็ว” ก็สามารถ “รักษาทัน” และ “ป้องกันได้” อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ PrEP การมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย หรือการเข้าสู่ระบบการรักษาอย่างต่อเนื่อง
แต่สิ่งที่สำคัญไม่น้อยไปกว่าการตรวจ คือ การเปลี่ยนทัศนคติของสังคม การหยุดตีตรา เปิดใจยอมรับ และสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย คือหนทางที่ทำให้ผู้คนกล้าออกมาตรวจ และกล้าใช้ชีวิตอย่างมั่นใจ แม้จะมีเชื้ออยู่ในร่างกายก็ตาม ในวัน VCT Day ปีนี้ ขอให้การตรวจเอชไอวี ไม่ใช่แค่หน้าที่ของกลุ่มเสี่ยง แต่เป็น “สิทธิของทุกคน” ที่ควรเข้าถึงได้ง่าย ปลอดภัย และเป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวัน เพราะสุขภาพคือสิ่งสำคัญที่สุด และการรู้สถานะของตัวเอง คือก้าวแรกของการดูแลหัวใจ ชีวิต และอนาคตของคุณเองอย่างแท้จริง
อ้างอิงข้อมูลจาก:
แนวคิดการรณรงค์ตรวจเอชไอวี 1 กรกฎาคม 2568
รณรงค์ตรวจหาเชื้อเอชไอวี ตามแนวคิด Know Your Status
- https://odpc9.ddc.moph.go.th/PR/pr-1.htm
1 กรกฎาคม วันรณรงค์ตรวจ HIV เช็กความเสี่ยง-อาการติดเชื้อเป็นอย่างไร?
- https://www.tnnthailand.com/health/149641