1 มีนาคม วันยุติการเลือกปฏิบัติ หยุดตีตราเพื่อสังคมที่เท่าเทียม

1 มีนาคม วันยุติการเลือกปฏิบัติ หยุดตีตราเพื่อสังคมที่เท่าเทียม

วันยุติการเลือกปฏิบัติ (Zero Discrimination Day) เป็นวันที่กำหนดขึ้นเพื่อส่งเสริม สิทธิที่เท่าเทียมและการอยู่ร่วมกันอย่างเป็นธรรม โดยไม่มีใครถูกตีตราหรือถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมจากเพศ เชื้อชาติ ศาสนา สุขภาพ หรือสถานะทางสังคม ทุกคนควรได้รับโอกาสที่เท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะเป็นด้าน การศึกษา การทำงาน การเข้าถึงบริการสุขภาพ หรือการใช้ชีวิตในสังคม อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบัน ปัญหาการเลือกปฏิบัติยังคงเป็นอุปสรรคสำคัญที่ทำให้หลายกลุ่มประชากรต้องเผชิญกับความไม่เท่าเทียม โดยทุก ๆ วันที่ 1 มีนาคมของทุกปี ถูกกำหนดโดย โครงการเอดส์แห่งสหประชาชาติ (UNAIDS) ให้เป็นวันรณรงค์ระดับสากล เพื่อให้เกิดความตระหนักรู้เกี่ยวกับ ผลกระทบของการเลือกปฏิบัติและการตีตราต่อกลุ่มเปราะบาง เช่น ผู้ติดเชื้อเอชไอวี กลุ่ม LGBTQ+ ผู้พิการ และแรงงานข้ามชาติ ซึ่งมักถูกกีดกันจากสิทธิขั้นพื้นฐานและโอกาสในชีวิต แนวคิดของวันสำคัญนี้ในปี 2568 คือ “Rights for all: สิทธิเท่ากัน ทุกคนเท่าเทียม” เพื่อกระตุ้นให้ทุกภาคส่วนร่วมกันสร้างสังคมที่ปราศจากอคติและการกีดกัน

วันยุติการเลือกปฏิบัติ ประวัติและความเป็นมา

วันยุติการเลือกปฏิบัติหรือ Zero Discrimination Day เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2014 โดยโครงการเอดส์แห่งสหประชาชาติ (UNAIDS) โดยมีเป้าหมายเพื่อรณรงค์ให้เกิดความเสมอภาค ลดการเลือกปฏิบัติ และขจัดอคติทางสังคมที่มีต่อกลุ่มเปราะบาง

Love2Test

แนวคิดของวันสำคัญนี้ เกิดจากการตระหนักถึงปัญหาการเลือกปฏิบัติที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตของผู้คนจำนวนมากทั่วโลก โดยเฉพาะผู้ติดเชื้อ HIV และกลุ่มประชากรที่มักถูกตีตรา ทำให้พวกเขาขาดโอกาสในการเข้าถึงบริการสุขภาพ การศึกษา และการทำงาน นอกจากนี้ วันยุติการเลือกปฏิบัติยังขยายวงกว้างไปสู่ประเด็นอื่นๆ เช่น สิทธิมนุษยชน การคุ้มครองแรงงานข้ามชาติ การต่อต้านการเลือกปฏิบัติทางเพศ และการสนับสนุนความเท่าเทียมทางเศรษฐกิจและสังคม

เป้าหมายและความสำคัญของ วันยุติการเลือกปฏิบัติ

  • ลดการตีตราในสังคม โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ติดเชื้อ HIV และ LGBTQ+
  • สร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับผลกระทบของการเลือกปฏิบัติ และแนวทางในการแก้ไข
  • กระตุ้นให้รัฐบาลและองค์กรต่างๆ ออกนโยบายที่เป็นธรรม และไม่เลือกปฏิบัติต่อประชาชน
  • ส่งเสริมให้ทุกคนได้รับสิทธิที่เท่าเทียมกัน โดยไม่แบ่งแยกเพศ เชื้อชาติ ศาสนา สุขภาพ หรือสถานะทางสังคม
  • สนับสนุนให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการสร้างสังคมที่เปิดกว้าง เคารพสิทธิมนุษยชน และสนับสนุนความหลากหลาย

วันยุติการเลือกปฏิบัติ สากล Rights for all

คำขวัญที่ใช้รณรงค์ในปีต่างๆ

ปี คำขวัญ
2014 Open up, reach out เปิดใจ และเข้าถึงกัน
2015 Zero Discrimination towards People Living with HIV ยุติการเลือกปฏิบัติต่อผู้ติดเชื้อ HIV
2016 Stand Out เป็นพลังของการเปลี่ยนแปลง
2017 Make Some Noise ส่งเสียงเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลง
2018 What if … ถ้าทุกคนได้รับโอกาสที่เท่าเทียม?
2019 Act to change laws that discriminate ผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางกฎหมาย
2020 Zero Discrimination against Women and Girls ยุติการเลือกปฏิบัติต่อผู้หญิงและเด็กผู้หญิง
2021 End Inequalities ขจัดความเหลื่อมล้ำ
2022 Remove Laws that Harm, Create Laws that Empower (ยกเลิกกฎหมายที่กดขี่ และสร้างกฎหมายที่ช่วยเหลือประชาชน)
2023 Save lives: Decriminalize นโยบายการลดทอนการตั้งข้อหาอาญา
2024-2025 Rights for all สิทธิเท่ากัน ทุกคนเท่าเทียม

UNAIDS เลือกวันที่ 1 มีนาคมเป็นวันยุติการเลือกปฏิบัติ เนื่องจากต้องการให้วันนี้เป็นวันที่เริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง หลังจากวันเอดส์โลก (World AIDS Day) ที่จัดขึ้นทุกวันที่ 1 ธันวาคม โดยวันเอดส์โลกเน้นให้ความรู้เกี่ยวกับ HIV และการป้องกันโรค ส่วน Zero Discrimination Day เน้นการลดอคติและส่งเสริมสิทธิที่เท่าเทียม นอกจากนี้ วันที่ 1 มีนาคมยังถือเป็นช่วงต้นปี ซึ่งเหมาะกับการเริ่มต้นสิ่งใหม่ๆ รวมถึงแนวทางใหม่ๆ ในการสร้างสังคมที่เป็นธรรมและเปิดกว้างมากขึ้น

สัญลักษณ์ของวันยุติการเลือกปฏิบัติคือ “ผีเสื้อ” เนื่องจากเป็นตัวแทนของ
✔ เสรีภาพ – การใช้ชีวิตโดยปราศจากข้อจำกัดและอคติ
✔ การเปลี่ยนแปลง – การเปลี่ยนจากสิ่งเก่าไปสู่สิ่งใหม่ที่ดีกว่า
✔ ความหวัง – การสร้างสังคมที่เท่าเทียมและเป็นธรรมสำหรับทุกคน

สถานการณ์การเลือกปฏิบัติในประเทศไทย

แม้ว่าประเทศไทยจะได้รับการยอมรับว่า เปิดกว้างด้านสิทธิ LGBTQ+ และมีระบบสุขภาพที่เข้าถึงได้ แต่การเลือกปฏิบัติและการตีตรายังคงมีอยู่

สถานการณ์การเลือกปฏิบัติในประเทศไทย วันยุติการเลือกปฏิบัติ

การเลือกปฏิบัติต่อผู้ติดเชื้อ HIV

HIV ไม่ได้เป็นอันตรายต่อสังคม แต่อคติและการเลือกปฏิบัติต่างหากที่เป็นอุปสรรคต่อชีวิตของผู้ติดเชื้อ แม้ว่าปัจจุบันเรามีข้อมูลทางการแพทย์ที่ชัดเจนว่า ผู้ที่ติดเชื้อ HIV และได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่องสามารถใช้ชีวิตได้ปกติและไม่แพร่เชื้อ แต่ในความเป็นจริง ผู้ติดเชื้อยังต้องเผชิญกับการถูกตีตราและเลือกปฏิบัติในแทบทุกด้านของชีวิต จากรายงานของ UNAIDS และกระทรวงสาธารณสุขประเทศไทย พบว่าการเลือกปฏิบัติต่อผู้ติดเชื้อ HIV ยังคงเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการควบคุมโรค และเป็นปัญหาสิทธิมนุษยชนที่ร้ายแรง ซึ่งส่งผลกระทบต่อการเข้าถึงบริการทางสุขภาพ การทำงาน และการใช้ชีวิตในสังคม ดังต่อไปนี้:

1. การเลือกปฏิบัติในระบบสาธารณสุข

หนึ่งในปัญหาหลักที่ผู้ติดเชื้อ HIV ต้องเผชิญคือ การถูกเลือกปฏิบัติในสถานพยาบาล ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ากังวลอย่างมาก เพราะสถานพยาบาลควรเป็นพื้นที่ที่ให้การดูแลทุกคนอย่างเท่าเทียม ซึ่งสถิติจากกระทรวงสาธารณสุขในปี 2566 พบว่า

  • 65.4% ของบุคลากรทางการแพทย์ มีทัศนคติที่เลือกปฏิบัติต่อผู้ติดเชื้อ
  • 52% ของผู้ติดเชื้อมีภาวะตีตราตนเอง จนไม่กล้าเข้ารับบริการทางการแพทย์
  • 11% ของผู้ติดเชื้อเอชไอวี ถูกเปิดเผยสถานะโดยไม่ได้รับอนุญาต
  • 8.7% ของผู้ติดเชื้อถูกปฏิเสธการรักษาหรือได้รับบริการที่แตกต่างจากผู้ป่วยทั่วไป

ตัวอย่างของการเลือกปฏิบัติในสถานพยาบาล

▶︎ แพทย์และพยาบาลบางรายปฏิเสธการรักษาผู้ติดเชื้อ เพราะยังมีความเข้าใจผิดว่า HIV สามารถแพร่กระจายผ่านการสัมผัส
▶︎ บุคลากรบางคนสวมถุงมือสองชั้น หรือใช้มาตรการป้องกันมากเกินไป แม้ว่าผู้ติดเชื้อจะไม่มีความเสี่ยงในการแพร่เชื้อ
▶︎ บางสถานพยาบาลมีนโยบายบังคับให้ผู้ติดเชื้อเปิดเผยสถานะของตนเองต่อบุคลากรทุกคน ซึ่งเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล

ทางออกของการเลือกปฏิบัติในสถานพยาบาล

▶︎ ผลักดันให้สถานพยาบาลเป็น “พื้นที่ปลอดการตีตรา” โดยฝึกอบรมบุคลากรให้เข้าใจว่า HIV ไม่สามารถแพร่กระจายผ่านการสัมผัสทั่วไป
▶︎ ส่งเสริมแนวคิด U=U เพื่อให้บุคลากรแพทย์เข้าใจว่าผู้ติดเชื้อที่ได้รับการรักษา ไม่สามารถแพร่เชื้อให้ผู้อื่นได้
▶︎ ใช้หลักสูตร “S&D E-learning” ที่ให้บุคลากรทางการแพทย์เรียนรู้เรื่องการลดการตีตราและเลือกปฏิบัติ

2. การเลือกปฏิบัติในสถานที่ทำงาน

ปัจจุบันยังมีบริษัทหลายแห่งใช้ผลตรวจเอชไอวี เป็นเงื่อนไขในการรับเข้าทำงาน ซึ่งถือเป็นการละเมิดสิทธิแรงงานอย่างร้ายแรง

ตัวอย่างของการเลือกปฏิบัติในที่ทำงาน

▶︎ นายจ้างบางรายบังคับให้พนักงานตรวจ HIV หากพบว่ามีเชื้ออาจถูกไล่ออก
▶︎ ผู้ติดเชื้อ HIV มักถูกเพื่อนร่วมงานรังเกียจ และถูกกดดันหรือบีบบังคับให้ลาออก
▶︎ บางองค์กรไม่ยอมรับผู้ติดเชื้อ HIV แม้ว่าพวกเขาจะมีความสามารถเท่าเทียมกับพนักงานทั่วไป

ทางออกของการเลือกปฏิบัติในที่ทำงาน

▶︎ ยกเลิกการตรวจ HIV ในกระบวนการสมัครงาน และกำหนดให้เป็นสิทธิส่วนบุคคล
▶︎ ออกกฎหมายที่คุ้มครองแรงงานผู้ติดเชื้อ HIV และกำหนดบทลงโทษต่อองค์กรที่เลือกปฏิบัติ
▶︎ สร้างวัฒนธรรมองค์กรที่สนับสนุนความเท่าเทียม และให้ความรู้พนักงานเกี่ยวกับ HIV

การเลือกปฏิบัติในสังคมและครอบครัว

3. การเลือกปฏิบัติในสังคมและครอบครัว

แม้ว่าความรู้เกี่ยวกับเอชไอวีและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ จะพัฒนาขึ้น แต่อคติทางสังคมยังคงส่งผลให้ผู้ติดเชื้อถูกกีดกันจากครอบครัว และชุมชน ผลสำรวจพบว่า:

  • 27.9% ของคนไทยยังมีทัศนคติด้านลบต่อผู้ติดเชื้อเอชไอวี
  • 52% ของผู้ติดเชื้อมีภาวะตีตราตนเอง ทำให้ขาดความมั่นใจและไม่กล้าใช้ชีวิตในสังคม
  • 34.9% ของผู้ติดเชื้อถูกตีตราโดยครอบครัว ทำให้พวกเขารู้สึกโดดเดี่ยวและขาดการสนับสนุนทางอารมณ์และจิตใจ

ตัวอย่างของการเลือกปฏิบัติในสังคม

▶︎ บางครอบครัวขับไล่สมาชิกที่ติดเชื้อ HIV ให้ออกจากบ้าน
▶︎ ชุมชนบางแห่งรังเกียจและไม่ยอมให้ผู้ติดเชื้อใช้สิ่งอำนวยความสะดวกสาธารณะร่วมกัน
▶︎ ผู้ติดเชื้อบางคนต้องปกปิดสถานะของตนเอง เพราะกลัวถูกกีดกันจากเพื่อนและคนรอบตัว

ทางออกของการเลือกปฏิบัติในสังคม

▶︎ รณรงค์ให้ความรู้แก่ชุมชนเกี่ยวกับ HIV เพื่อขจัดความกลัวและความเข้าใจผิด
▶︎ สนับสนุนโครงการช่วยเหลือผู้ติดเชื้อให้สามารถดำรงชีวิตในสังคมได้อย่างปกติ
▶︎ ส่งเสริมแนวคิด “ยอมรับและอยู่ร่วมกัน” เพื่อให้ผู้ติดเชื้อสามารถใช้ชีวิตได้โดยไม่ถูกกีดกัน

แนวทางยุติการเลือกปฏิบัติและการตีตรา

การเลือกปฏิบัติและการตีตราไม่เพียงแต่สร้างผลกระทบต่อบุคคลที่ได้รับความไม่เป็นธรรมเท่านั้น แต่ยังเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาสังคมโดยรวม การแก้ไขปัญหานี้จำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ตั้งแต่ภาครัฐ องค์กรเอกชน สถาบันการศึกษา ไปจนถึงประชาชนทั่วไป เพื่อสร้างสังคมที่เท่าเทียมและปราศจากอคติ

แนวทางยุติการเลือกปฏิบัติ

  • ส่งเสริมแนวคิด U=U เพื่อลดการตีตราผู้ติดเชื้อ:
    • หากผู้ติดเชื้อเอชไอวีได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่องจนมีปริมาณไวรัสต่ำจนตรวจไม่พบ (Undetectable) ก็จะไม่สามารถแพร่เชื้อให้ผู้อื่นได้ (Untransmittable)
    • U=U มีความสำคัญที่จะช่วยลดความกลัวและอคติที่สังคมมีต่อผู้ติดเชื้อ
    • ทำให้ผู้ติดเชื้อเข้ารับการรักษาอย่างต่อเนื่อง สุขภาพแข็งแรง และสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติในสังคม
    • จัดแคมเปญให้ความรู้เกี่ยวกับ U=U ในโรงเรียนและที่ทำงาน
    • ฝึกอบรมบุคลากรทางการแพทย์ให้เข้าใจแนวคิด U=U และลดอคติในการรักษาผู้ติดเชื้อ และผลักดันให้ U=U เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายสาธารณสุขแห่งชาติ
  • ปรับปรุงกฎหมายเพื่อปกป้องสิทธิของผู้ที่ถูกเลือกปฏิบัติ สิ่งที่ควรปรับปรุงในกฎหมาย:
    • ยกเลิกการใช้ผลตรวจ HIV เป็นเกณฑ์ในการรับสมัครงานหรือเข้าเรียน
    • ออกกฎหมายต่อต้านการเลือกปฏิบัติในสถานพยาบาล ที่ทำงาน และสถาบันการศึกษา
    • สนับสนุนกฎหมายสมรสเท่าเทียม และสิทธิทางกฎหมายของกลุ่ม LGBTQ+
  • ปฏิรูประบบสาธารณสุขให้เป็นมิตรกับทุกคน:
    • จัดอบรมบุคลากรทางการแพทย์เกี่ยวกับการให้บริการที่ไม่เลือกปฏิบัติ
    • พัฒนาหลักสูตร “S&D E-learning” ให้บุคลากรทางการแพทย์เรียนรู้เรื่องการลดการตีตรา
    • จัดตั้งศูนย์บริการสุขภาพสำหรับกลุ่ม LGBTQ+ และผู้ติดเชื้อ HIV โดยเฉพาะ
  • สนับสนุนการรณรงค์ทางสังคมเพื่อลดการเลือกปฏิบัติ:
    • จัดกิจกรรมให้ความรู้ในโรงเรียน และสถานที่ทำงานเกี่ยวกับความเท่าเทียม
    • ใช้โซเชียลมีเดียเป็นเครื่องมือในการเผยแพร่ข้อมูลที่ถูกต้อง
    • สนับสนุนศิลปิน อินฟลูเอนเซอร์ และนักแสดงให้เป็นกระบอกเสียงในการลดการตีตรา
  • สนับสนุนให้บุคคลที่ถูกเลือกปฏิบัติเข้าถึงกระบวนการยุติธรรม:
    • ตั้งหน่วยงานช่วยเหลือทางกฎหมายสำหรับผู้ที่ถูกเลือกปฏิบัติ
    • จัดตั้งช่องทางร้องเรียนออนไลน์ที่สะดวกและปลอดภัย
    • ให้ความรู้เกี่ยวกับสิทธิทางกฎหมายแก่ประชาชน

จะทำอย่างไร? หากคุณถูกเลือกปฏิบัติ

= หากคุณรู้สึกว่าโดนเลือกปฏิบัติ สิ่งแรกที่ควรทำคือการพูดออกมา หากเป็นการเลือกปฏิบัติในที่ทำงาน โรงเรียน หรือสถานพยาบาล คุณสามารถแจ้งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบเพื่อให้เขาเข้าใจและแก้ไขสถานการณ์

= หากเป็นไปได้ ให้รวบรวมหลักฐานที่สามารถแสดงถึงการเลือกปฏิบัติ เช่น การบันทึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หรือการเก็บข้อความที่แสดงถึงการเลือกปฏิบัติ เพื่อใช้เป็นหลักฐานหากต้องการดำเนินการทางกฎหมายหรือการร้องเรียน

= หากไม่แน่ใจว่าจะทำอย่างไรดี ลองปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหรือองค์กรที่ให้การสนับสนุนสิทธิของผู้ที่ถูกเลือกปฏิบัติ เช่น กลุ่มที่สนับสนุนสิทธิของผู้ติดเชื้อเอชไอวี อย่างที่ Love2test ก็มี “บ้านเสมอ” ที่ให้บริการคำปรึกษา และดำเนินการช่วยเหลือสำหรับ ผู้ติดเชื้อเอชไอวี ผู้ใช้สารเสพติดและครอบครัวที่ถูกเลือกปฏิบัติ ผู้ถูกละเมิดสิทธิมนุษยชน เราพร้อมให้คำปรึกษาด้านสิทธิทางกฎหมาย โดยทีมผู้เชี่ยวชาญทางกฎหมายและทนายความ โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย

= อย่าให้คำพูดหรือการกระทำแย่ ๆ ของคนอื่น มาบั่นทอนสุขภาพจิตของคุณ ให้ฝึกพูดในเชิงบวกกับตัวเอง หลีกเลี่ยงการจมจ่อมอยู่กับเรื่องใดเรื่องหนึ่ง หรือฝึกสติและการทำสมาธิ จะสามารถช่วยให้คุณเข้าถึงความรู้สึกของคุณโดยไม่ตัดสิน

อ่านบทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

วันยุติการเลือกปฏิบัติ (Zero Discrimination Day) ที่จัดขึ้นในวันที่ 1 มีนาคมทุกปี เป็นวันที่ส่งเสริมการมีสิทธิที่เท่าเทียมและการอยู่ร่วมกันอย่างเป็นธรรม โดยไม่มีใครถูกตีตราหรือถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมจากเพศ เชื้อชาติ ศาสนา สุขภาพ หรือสถานะทางสังคม ทุกคนควรได้รับโอกาสที่เท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะเป็นด้านการศึกษา การทำงาน การเข้าถึงบริการสุขภาพ หรือการใช้ชีวิตในสังคม”

ในปัจจุบัน ปัญหาการเลือกปฏิบัติยังคงเป็นอุปสรรคที่ทำให้หลายกลุ่มประชากรต้องเผชิญกับความไม่เท่าเทียม โดยเฉพาะกลุ่มที่เปราะบาง เช่น ผู้ติดเชื้อเอชไอวี กลุ่ม LGBTQ+ ผู้พิการ และแรงงานข้ามชาติ ที่มักถูกกีดกันจากสิทธิขั้นพื้นฐานและโอกาสในการใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ การยุติการเลือกปฏิบัติและการตีตราผู้ที่อยู่ในกลุ่มเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญที่เราทุกคนสามารถช่วยกันสร้าง แนวคิดของวันยุติการเลือกปฏิบัติในปี 2568 คือ “Rights for all: สิทธิเท่าเทียม ทุกคนเท่าเทียม” ซึ่งเรียกร้องให้ทุกภาคส่วนร่วมมือกันในการสร้างสังคมที่ปราศจากอคติและการกีดกัน เพื่อให้ทุกคนได้รับสิทธิที่เท่าเทียมกัน ไม่ว่าใครจะอยู่ในสถานะใด การร่วมมือกันสร้างสังคมที่ยุติธรรมและเท่าเทียมเป็นการทำให้โลกนี้น่าอยู่ขึ้นสำหรับทุกคน

อ้างอิงข้อมูลจาก:

Rights for all: สิทธิเท่ากัน ทุกคนเท่าเทียม – กรมควบคุมโรค

  • ddc.moph.go.th/das/forecast_detail.php?publish=16835

สิทธิมนุษยชนกับความเท่าเทียมทางเพศ

  • constitutionalcourt.or.th/occ_web/ewt_dl_link.php?nid=9623

การตีตรา การยอมรับ และการเลือกปฏิบัติ

  • th.trcarc.org/stigma

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า