ความรุนแรงต่อสตรี เด็ก และหญิงข้ามเพศ เป็นปัญหาสังคมที่ซับซ้อนและละเอียดอ่อน ซึ่งส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อสุขภาพ สวัสดิภาพ และคุณภาพชีวิตของบุคคล โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อพิจารณาในบริบทของ การติดเชื้อเอชไอวี ปัญหานี้ไม่เพียงแต่เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน แต่ยังเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการพัฒนาสังคมและความเท่าเทียมทางเพศ
25 พฤศจิกายน วันยุติ ความรุนแรงต่อสตรี สากล – สร้างสังคมที่ไม่ทนต่อความรุนแรง
วันที่ 25 พฤศจิกายนของทุกปี ถูกกำหนดให้เป็น วันยุติความรุนแรงต่อสตรีสากล (International Day for the Elimination of Violence against Women) ซึ่งถือเป็นโอกาสสำคัญในการสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับปัญหาความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับผู้หญิง เด็ก และผู้หญิงข้ามเพศทั่วโลก ไม่ว่าจะในรูปแบบความรุนแรงทางร่างกายหรือจิตใจ การละเมิดสิทธิมนุษยชน หรือการคุกคามในครอบครัว สังคม และพื้นที่ออนไลน์ ปัญหานี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ยังคงเป็นปัญหาเรื้อรังที่สะท้อนถึงความเหลื่อมล้ำและค่านิยมที่ฝังลึกในสังคม หากทุกคนมีส่วนร่วมในการตระหนักรู้และช่วยกันแก้ไข ปัญหานี้อาจคลี่คลายได้เพื่อสร้างสังคมที่ยั่งยืนและเท่าเทียม
ความเป็นมาของวันยุติ ความรุนแรงต่อสตรี
วันยุติความรุนแรงต่อสตรีสากลเริ่มต้นขึ้นในปี พ.ศ. 2524 โดยนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิสตรี เพื่อรำลึกถึง สามพี่น้องตระกูลมิราบัล (Patria, Minerva, María Teresa Mirabal) นักต่อสู้เพื่อสิทธิสตรีชาวโดมินิกันที่ถูกลอบสังหารในปี พ.ศ. 2503 ภายใต้คำสั่งของเผด็จการ ราฟาเอล ทรูฮิลโล การเสียชีวิตของพวกเธอถือเป็นแรงบันดาลใจสำคัญที่ผลักดันให้ประชาคมโลกเริ่มมองเห็นปัญหาความรุนแรงที่มีเหตุจากเพศ เพื่อแสดงจุดยืนร่วมกัน สัญลักษณ์ ริบบิ้นสีขาว จึงถูกนำมาใช้ในวันสำคัญนี้ เพื่อเรียกร้องให้ทุกคนไม่เพิกเฉยและไม่กระทำความรุนแรงต่อสตรี เด็ก และกลุ่มเปราะบาง รวมถึงการรณรงค์ในช่วง 16 วันแห่งการยุติความรุนแรง (16 Days of Activism against Gender-Based Violence) ตั้งแต่วันที่ 25 พฤศจิกายน จนถึงวันที่ 10 ธันวาคม ซึ่งตรงกับวันสิทธิมนุษยชนสากล
สถิติและสถานการณ์ในประเทศไทย
จากข้อมูลของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) พบว่า ในประเทศไทย ผู้หญิง เด็ก และผู้หญิงข้ามเพศ ถูกกระทำความรุนแรงประมาณ 30,000 คนต่อปี โดยส่วนใหญ่เกิดจากคนใกล้ชิด เช่น คู่รักหรือสมาชิกในครอบครัว
- ความรุนแรงในครอบครัวถือเป็นพื้นที่ที่ผู้หญิงถูกกระทำบ่อยที่สุด
- สาเหตุมักมาจากค่านิยมแบบสังคมชายเป็นใหญ่ ความเชื่อผิดๆ ที่มองว่าผู้หญิงต้องอดทน และการใช้สารเสพติด หรือความมึนเมาจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- มีรายงานการกระทำความรุนแรงในครอบครัวมากกว่า 5,000 รายต่อปี
- ผู้หญิงร้อยละ 30 เคยประสบกับความรุนแรงทางเพศ
- หญิงข้ามเพศ มีความเสี่ยงสูงต่อการถูกกระทำความรุนแรงถึง 3 เท่าของประชากรทั่วไป
ในปี พ.ศ. 2567 มีผู้ที่เข้ารับบริการจากศูนย์พึ่งได้ (One-Stop Crisis Center) รวม 92,739 ราย โดยเฉลี่ยมีผู้ถูกกระทำ 42 รายต่อวัน และเป็นเพศหญิงในช่วงอายุแค่ 10-20 ปี ถึง 11,112 ราย
รากเหง้าของปัญหาความรุนแรง
โครงสร้างทางสังคมและวัฒนธรรม
ความรุนแรงต่อสตรี เด็ก และหญิงข้ามเพศ มีรากฐานมาจากโครงสร้างทางสังคมที่ซับซ้อนและระบบคิดแบบชายเป็นใหญ่ ซึ่งส่งผลให้เกิดความไม่เท่าเทียมและการเลือกปฏิบัติอย่างเป็นระบบ
มุมมองทางประวัติศาสตร์
ตลอดประวัติศาสตร์ สตรีและกลุ่มเพศทางเลือกมักถูกมองว่าเป็นบุคคลชั้นสอง ขาดอำนาจในการตัดสินใจ และถูกควบคุมโดยโครงสร้างทางสังคมที่ให้อภิสิทธิ์แก่เพศชาย
อิทธิพลทางวัฒนธรรมประเพณี
วัฒนธรรมดั้งเดิมหลายแห่งยังคงธำรงไว้ซึ่งความคิดที่ลดทอนคุณค่าของสตรีและกลุ่มเพศทางเลือก ส่งผลให้การกระทำความรุนแรงกลายเป็นเรื่องที่ “ยอมรับได้” ในบางบริบท
รูปแบบความรุนแรงที่เกิดขึ้น
ตามนิยามขององค์การอนามัยโลก (WHO) ความรุนแรงแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก ได้แก่
1. ความรุนแรงต่อสตรี ทางร่างกายและจิตใจ (Physical and Psychological Violence)
- ความรุนแรงทางร่างกาย: การกระทำที่ทำให้เกิดการบาดเจ็บต่อร่างกาย เช่น การตบ ตี เตะ ทำร้ายด้วยอาวุธ หรือการบีบบังคับในลักษณะที่สร้างความเจ็บปวดต่อร่างกาย บางครั้งอาจทำให้ผู้ถูกกระทำถึงแก่ชีวิตได้ โดยเฉพาะเมื่อความรุนแรงเกิดขึ้นซ้ำๆ
- ความรุนแรงทางจิตใจ: การกระทำหรือคำพูดที่มุ่งทำร้ายจิตใจ เช่น การด่าทอ ลดทอนคุณค่าความเป็นคน ข่มขู่ หรือการสร้างความหวาดกลัว มักมีผลกระทบในระยะยาว เช่น การเกิดโรคซึมเศร้า ความวิตกกังวล หรือการสูญเสียความมั่นใจในตัวเอง
ตัวอย่าง
☞ คู่รักที่ใช้กำลังบังคับอีกฝ่าย เช่น ตบตี หรือขู่ว่าจะทำร้ายหากไม่ทำตามคำสั่ง
☞ การตำหนิหรือวิจารณ์จนทำให้ผู้ถูกกระทำรู้สึกไร้ค่า
ประเมินภาวะโรคซึมเศร้าได้ที่นี่ www.love2test.org/depression
2. การล่วงละเมิดทางเพศ (Sexual Violence)
การล่วงละเมิดทางเพศ คือ การกระทำใด ๆ ที่มุ่งล่วงเกินหรือบังคับขืนใจในเชิงเพศ โดยไม่ได้รับความยินยอมจากอีกฝ่าย รวมถึงการข่มขืน การจับต้องร่างกายโดยไม่ได้รับอนุญาต การคุกคามทางเพศผ่านคำพูด หรือการแสดงพฤติกรรมในลักษณะเชิงเพศที่ไม่เหมาะสม และการล่วงละเมิดในสถานที่ทำงาน หรือออนไลน์ เช่น การบังคับให้มีเพศสัมพันธ์ เพื่อแลกกับการเลื่อนตำแหน่ง การส่งข้อความที่มีลักษณะอนาจาร การคุกคามผ่านโซเชียลมีเดียต่าง ๆ
ตัวอย่าง
☞ ผู้หญิงที่ถูกบังคับให้มีเพศสัมพันธ์โดยคู่รัก หรือคนใกล้ชิด แม้จะอยู่ในความสัมพันธ์ก็ตาม
☞ การถูกส่งภาพหรือข้อความที่มีลักษณะล่วงเกินโดยไม่ได้รับความยินยอม
3. การทอดทิ้งหรือปล่อยปละละเลย (Neglect or Abandonment)
การทอดทิ้งในครอบครัวหรือความสัมพันธ์ การเพิกเฉยต่อความต้องการพื้นฐานของอีกฝ่าย เช่น การไม่ดูแลสุขภาพร่างกายหรือจิตใจ การละเลยในการจัดหาสิ่งจำเป็น เช่น อาหาร น้ำ หรือที่พักอาศัย ผู้หญิง เด็ก หรือผู้สูงอายุ มักเป็นกลุ่มที่เผชิญกับการทอดทิ้ง เช่น การทิ้งให้ผู้สูงอายุอยู่คนเดียวโดยไม่มีคนดูแล หรือการปล่อยให้เด็กต้องหาเลี้ยงชีพด้วยตนเอง ผลกระทบจากการทอดทิ้ง การละเลยอาจไม่เห็นผลทันที แต่ส่งผลกระทบอย่างมากในระยะยาว เช่น การขาดสารอาหาร การเจ็บป่วย หรือการเกิดภาวะซึมเศร้าและความโดดเดี่ยว
ตัวอย่าง
☞ เด็กที่ไม่ได้รับการดูแลด้านสุขภาพ หรือไม่ได้รับโอกาสทางการศึกษา
☞ คู่รักที่ไม่ใส่ใจความรู้สึกหรือปล่อยให้อีกฝ่ายต้องรับภาระโดยลำพัง
ความเชื่อมโยงระหว่างความรุนแรงและเอชไอวี
วงจรแห่งความเปราะบางที่เกี่ยวข้องกับ ความรุนแรงต่อสตรี
ความรุนแรงและการติดเชื้อเอชไอวี มีความเชื่อมโยงกันอย่างซับซ้อน กล่าวคือ ผู้หญิง เด็ก และผู้หญิงข้ามเพศ ที่ประสบกับความรุนแรงมีแนวโน้มสูงที่จะได้รับเชื้อเอชไอวี เนื่องจากเผชิญกับสถานการณ์ต่อไปนี้:
การถูกล่วงละเมิดทางเพศ: การถูกบังคับ ขืนใจให้มีเพศสัมพันธ์ โดยไม่ยินยอม เพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้ออย่างมีนัยสำคัญ |
การขาดอำนาจต่อรอง: ผู้หญิง เด็ก และผู้หญิงข้ามเพศ ที่ถูกกระทำความรุนแรงมักไม่สามารถต่อรองการใช้ถุงยางอนามัยหรือการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ |
ความไร้เดียงสา: เด็กและเยาวชนที่ถูกล่วงละเมิด มีโอกาสสูงในการติดเชื้อเอชไอวีจากผู้กระทำความผิด |
ผลกระทบของความรุนแรง
ความรุนแรงไม่ได้กระทบแค่ร่างกายและจิตใจของผู้ถูกกระทำเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อครอบครัว สังคม และเศรษฐกิจ
- ผลกระทบต่อบุคคล
- เกิดปัญหาสุขภาพจิต เช่น โรคซึมเศร้า หรือ PTSD
- สูญเสียความมั่นใจในตัวเองและความสามารถในการดำรงชีวิต
- ผลกระทบต่อครอบครัว
- สร้างบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความกลัวและความไม่ไว้วางใจ
- เด็กในครอบครัวอาจเติบโตขึ้นมาพร้อมปัญหาทางอารมณ์และพฤติกรรม
- ผลกระทบต่อสังคม
- สังคมที่เต็มไปด้วยความรุนแรงย่อมขาดความไว้วางใจซึ่งกันและกัน
- ความรุนแรงนำไปสู่ปัญหาความเหลื่อมล้ำและการพัฒนาที่ไม่ยั่งยืน
หนทางสู่การแก้ปัญหา ความรุนแรงต่อสตรี
การแก้ปัญหาความรุนแรงต่อสตรีจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในสังคม
- การรณรงค์สร้างความตระหนักรู้
- ส่งเสริมความเข้าใจในสิทธิมนุษยชนและความเท่าเทียมทางเพศ
- ใช้สื่อสังคมออนไลน์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลและเชิญชวนให้ผู้คนเข้าร่วมกิจกรรมรณรงค์
- การสนับสนุนผู้ถูกกระทำ
- จัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือสำหรับผู้ถูกกระทำที่เข้าถึงง่ายและปลอดภัย
- ให้คำปรึกษาด้านจิตวิทยาและช่วยเหลือทางกฎหมาย
- การแก้ไขค่านิยมผิด ๆ
- ปลูกฝังค่านิยมใหม่ที่ส่งเสริมความเท่าเทียม
- ส่งเสริมการเลี้ยงดูที่ไม่ใช้ความรุนแรง
- การบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด
- ปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับความรุนแรงในครอบครัว
- ลงโทษผู้กระทำความรุนแรงอย่างเป็นธรรมและเด็ดขาด
บทบาทของประชาชนทั่วไป
ในฐานะประชาชน ทุกคนสามารถมีส่วนช่วยยุติความรุนแรงได้ โดยการไม่เพิกเฉยเมื่อพบเห็น และสนับสนุนผู้ที่กำลังประสบปัญหา
สิ่งที่คุณทำได้
- หากพบเห็นความรุนแรง ให้รีบแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
- สนับสนุนการรณรงค์เพื่อยุติความรุนแรง เช่น การเข้าร่วมกิจกรรมวันยุติความรุนแรงต่อสตรีสากล
หน่วยงานที่ให้ความช่วยเหลือ
- มูลนิธิปวีณาเพื่อเด็กและสตรี: 1134 หรือโทร 02-521-9231-2
- มูลนิธิเพื่อนหญิง: 02-513-2780, 02-513-1001
- สายด่วนศูนย์ช่วยเหลือสังคม: 1300
- บ้านเสมอ ให้บริการคำปรึกษา และดำเนินการช่วยเหลือสำหรับ ผู้ติดเชื้อเอชไอวี ผู้ใช้สารเสพติดและครอบครัวที่ถูกเลือกปฏิบัติ ถูกละเมิดสิทธิมนุษยชน พร้อมให้คำปรึกษาด้านสิทธิทางกฎหมาย โดยทีมผู้เชี่ยวชาญทางกฎหมายและทนายความ โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย
อ่านบทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
- เอชไอวีและสุขภาพจิต | การเข้าใจความเชื่อมโยงและกลยุทธ์การรับมือ
- เอชไอวีและสิทธิมนุษยชน | การสนับสนุนและการดำเนินการ
มาร่วมกันสร้างอนาคตที่ดีกว่า วันยุติความรุนแรงต่อสตรีสากล เป็นมากกว่าวันที่กำหนดไว้ในปฏิทิน แต่เป็นการตอกย้ำถึงความจำเป็นที่เราทุกคนต้องร่วมมือกันสร้างสังคมที่ยุติธรรม ปลอดภัย และเป็นพื้นที่ที่ทุกคนสามารถเติบโตอย่างมีศักดิ์ศรี หากคุณเริ่มลงมือช่วยกันในวันนี้ โลกในวันข้างหน้าจะน่าอยู่ยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน
อ้างอิงข้อมูลจาก:
วันยุติความรุนแรงต่อสตรีสากล | สหประชาชาติ
- un.org/en/observances/ending-violence-against-women-day
25 พฤศจิกายน วันยุติความรุนแรงต่อสตรีสากล หยุดการทำร้ายผู้หญิง
- iao.bangkok.go.th/content-detail/10510
นายกปลุกแสดงพลัง! ยุติความรุนแรงต่อคนในครอบครัว
- naewna.com/politic/843435