ฝีดาษลิง (Monkeypox) พบในมนุษย์ครั้งแรกเมื่อปี 2513 ที่ประเทศคองโก ทวีปแอฟริกา ซึ่งพื้นที่ส่วนใหญ่ที่ระบาดคือทางแถบแอฟริกาตะวันตก และแอฟริกากลาง ฝีดาษลิงเป็นโรคที่หลายคนให้ความสนใจ และวิตกกังวลเป็นอย่างมากในปัจ จึงมีหลายคำถาม คำตอบที่สงสัย การมีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องจึงเป็นเรื่องสำคัญ บทความนี้จึงรวบรวม ถาม-ตอบ เกี่ยวกับฝีดาษลิง เพื่อเราจะได้เตรียมรับมือแบบไม่ตื่นตระหนก
ถาม : ฝีดาษลิงคืออะไร ?
ตอบ : ฝีดาษลิง (Monkeypox) คือ โรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสออร์โธพอกซ์ (Orthopoxvirus) เป็นเชื้อไวรัสในกลุ่มเดียวกับเชื้อไวรัสในโรคฝีดาษคน เชื้อไวรัสชนิดนี้ พบได้ในสัตว์หลายชนิดโดยเฉพาะสัตว์ตระกูลลิง และสัตว์ฟันแทะ เช่น กระรอก หนูป่า ฯลฯ ฝีดาษลิง ไม่ใช่โรคใหม่แต่เคยระบาดมาแล้วมากกว่า 20 ปี
ถาม : ฝีดาษลิงติดต่อได้อย่างไร ?
ตอบ : ฝีดาษลิง จะเข้าสู่ร่างกายผ่านทางรอยแตกบนผิวหนัง ระบบทางเดินหายใจ หรือผ่านทางตา จมูก หรือปาก โดยคนสามารถติดเชื้อโรคนี้จากการสัมผัสโดยตรงกับเลือด สารคัดหลั่ง หรือตุ่มหนองของสัตว์ติดเชื้อ หรือจากการถูกสัตว์ติดเชื้อกัด หรือจากการกินเนื้อสัตว์มีเชื้อที่ปรุงสุกไม่เพียงพอ
ถาม : อาการฝีดาษลิงเป็นอย่างไร ?
ตอบ : ฝีดาษลิงจะมีระยะฟักตัวประมาณ 7 – 14 วัน หรืออาจจะนานถึง 21 วัน ผู้ป่วยจะเริ่มมีอาการดังนี้
- มีไข้สูง
- ปวดหัว
- ปวดเมื่อยตัว
- อ่อนเพลีย
- ต่อมน้ำเหลืองบวมโต
หลังจากนั้นอาการต่างๆ จะค่อยหายเป็นสะเก็ดแห้งของผิวหนัง ผู้ป่วยสามารถหายจากโรคได้เองภายใน 2 – 4 สัปดาห์
ถาม : ป้องกันฝีดาษลิงได้อย่างไร ?
ตอบ : การป้องกันโรคฝีดาษลิงทำได้โดยการดูแลสุขอนามัยของตนเองดังนี้
- หลีกเลี่ยงการกินเนื้อสัตว์สุกๆ ดิบๆ
- มีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัยโดยใช้ ถุงยางอนามัย ทุกครั้ง
- หมั่นล้างมือเป็นประจำ ด้วยสบู่ น้ำสะอาด และแอลกอฮอล์
- ละเว้นการสัมผัส และใกล้ชิดกับสัตว์ป่า หรือสัตว์ที่มีอาการป่วย หรือตาย
- พยายามอย่าใกล้ชิด และใช้สิ่งของร่วมกับผู้อื่น โดยเฉพาะผู้ที่มีความเสี่ยงเป็นฝีดาษลิง
- หากมีการเดินทางไปต่างประเทศ ต้องทำการคัดกรอง และเฝ้าระวังอาการจนครบ 21 วัน
- ทำความสะอาดบ้าน และสิ่งของในบ้านเป็นประจำ โดยเฉพาะบนพื้นผิวที่มีการสัมผัสบ่อยๆ
ถาม : ฝีดาษลิง รักษาได้ หรือไม่ ?
ตอบ : การรักษาฝีดาษลิง ในขณะนี้ใช้การรักษาประคับประคองตามอาการ ยังไม่มียามาตรฐานที่ใช้รักษาอย่างจำเพาะเจาะจง อย่างไรก็ตามมีการพิจารณานำยาต้านไวรัสที่ใช้รักษาโรคฝีดาษมาใช้รักษาโรคฝีดาษลิงในผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูง หรือมีอาการหนัก ซึ่งอาจต้องรอการศึกษา และพัฒนาการรักษาที่เหมาะสมต่อไปในอนาคต
ถาม : ปลูกฝีมาแล้ว ป้องกันฝีดาษลิงได้ จริง หรือไม่?
ตอบ : ผู้ที่ได้รับการปลูกฝีเพื่อป้องกันฝีดาษคน หรือไข้ทรพิษในอดีต มีภูมิคุ้มกันที่ช่วยป้องกันฝีดาษลิงได้ ถึง 85%
ถาม : ฝีดาษลิงเป็นแล้วหายได้เองไหม ?
ตอบ : ฝีดาษลิงเมื่อเป็นแล้วสามารถหายจากโรคเองได้ ไม่ร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิต โดยใช้ระยะเวลาประมาณ 2 – 4 สัปดาห์จึงหายจากโรค และมียาต้านไวรัสในกลุ่มของฝีดาษคน และฝีดาษลิงที่สามารถรักษาโรคได้
ถาม : มีวัคซีนป้องกันฝีดาษลิง หรือไม่?
ตอบ: มีวัคซีนที่ใช้ป้องกันฝีดาษลิงได้ โดยวัคซีนที่ใช้ป้องกันไข้ทรพิษก็สามารถใช้ป้องกันฝีดาษลิงได้ด้วย
ถาม : ใครบ้างที่มีความเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อฝีดาษลิง?
ตอบ: ผู้ที่มีความเสี่ยงสูงได้แก่ ผู้ที่สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย บุคลากรทางการแพทย์ และผู้ที่สัมผัสกับสัตว์ที่ติดเชื้อ
ถาม : ฝีดาษลิงสามารถติดต่อจากสัตว์สู่คนได้ หรือไม่ ?
ตอบ: ได้ ฝีดาษลิงสามารถติดต่อจากสัตว์สู่คนได้ โดยเฉพาะจากสัตว์ฟันแทะที่ติดเชื้อ
ถาม : ฝีดาษลิงมีอัตราการเสียชีวิตสูง หรือไม่?
ตอบ: อัตราการเสียชีวิตจากฝีดาษลิงค่อนข้างต่ำ โดยทั่วไปอยู่ที่ประมาณ 1-10% ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ของไวรัส
ถาม : ฝีดาษลิงแพร่ระบาดได้ง่ายเหมือนโควิด-19 หรือไม่?
ตอบ: ไม่ ฝีดาษลิงไม่แพร่ระบาดได้ง่ายเท่าโควิด-19 เนื่องจากต้องมีการสัมผัสใกล้ชิดจึงจะติดต่อได้
ถาม : ฝีดาษลิงสามารถติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ หรือไม่?
ตอบ: ได้ การมีเพศสัมพันธ์ถือเป็นการสัมผัสใกล้ชิด ซึ่งสามารถทำให้เกิดการแพร่เชื้อฝีดาษลิงได้
ถาม : การใส่หน้ากากอนามัยช่วยป้องกันการติดเชื้อฝีดาษลิงได้ หรือไม่?
ตอบ: การใส่หน้ากากอนามัยอาจช่วยลดความเสี่ยงได้บ้าง แต่การป้องกันที่สำคัญคือการหลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย
ถาม : มีการรักษาเฉพาะสำหรับฝีดาษลิง หรือไม่?
ตอบ: มียาต้านไวรัสบางชนิดที่ใช้รักษาฝีดาษลิงได้ เช่น tecovirimat แต่ส่วนใหญ่จะรักษาตามอาการ
ถาม : ฝีดาษลิงสามารถติดต่อผ่านทางอากาศได้ หรือไม่?
ตอบ: การติดต่อทางอากาศเป็นไปได้ แต่ไม่ใช่วิธีการแพร่เชื้อหลัก การติดต่อส่วนใหญ่เกิดจากการสัมผัสใกล้ชิด
ถาม : ผู้ที่เคยเป็นฝีดาษลิงแล้วสามารถติดเชื้อซ้ำได้ หรือไม่?
ตอบ: โอกาสติดเชื้อซ้ำมีน้อยมาก เนื่องจากร่างกายจะสร้างภูมิคุ้มกันหลังจากหายจากโรค
ถาม : การทำความสะอาด และฆ่าเชื้อสามารถกำจัดไวรัสฝีดาษลิงได้ หรือไม่?
ตอบ: ใช่ การทำความสะอาดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อทั่วไป สามารถกำจัดไวรัสฝีดาษลิงบนพื้นผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ถาม : ฝีดาษลิงสามารถติดต่อผ่านการใช้สิ่งของร่วมกันได้ หรือไม่?
ตอบ: ได้ครับ การใช้สิ่งของร่วมกับผู้ป่วย เช่น เสื้อผ้า ผ้าปูที่นอน หรือภาชนะ อาจทำให้ติดเชื้อได้
ถาม : ระยะเวลาในการรักษาฝีดาษลิงนานเท่าไร?
ตอบ: โดยทั่วไปใช้เวลาประมาณ 2-4 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการ และการตอบสนองต่อการรักษา
ถาม : ฝีดาษลิงมีผลกระทบต่อระบบภูมิคุ้มกันอย่างไร?
ตอบ: ฝีดาษลิงอาจทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลงชั่วคราว ทำให้ผู้ป่วยมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้ออื่นๆ ได้ง่ายขึ้น
ถาม : มีการตรวจคัดกรองฝีดาษลิงที่สนามบิน หรือไม่?
ตอบ: ในบางประเทศอาจมีการคัดกรอง แต่ไม่ใช่มาตรการหลักในการควบคุมโรค เนื่องจากระยะฟักตัวที่ยาวนาน
ถาม : ผู้ที่มีโรคประจำตัวมีความเสี่ยงต่อฝีดาษลิงมากขึ้น หรือไม่?
ตอบ: ใช่ครับ ผู้ที่มีโรคประจำตัว โดยเฉพาะโรคที่เกี่ยวกับภูมิคุ้มกัน อาจมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดอาการรุนแรง
ถาม : การจัดการศพผู้เสียชีวิตจากฝีดาษลิงต้องทำอย่างไร?
ตอบ: ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ โดยผู้จัดการศพต้องสวมชุดป้องกัน และปฏิบัติตามแนวทางการควบคุมการติดเชื้ออย่างเคร่งครัด
ถาม : ฝีดาษลิงมีผลกระทบต่อสัตว์เลี้ยง หรือไม่?
ตอบ: สัตว์เลี้ยงบางชนิด เช่น สุนัข แมว หรือสัตว์ฟันแทะ อาจติดเชื้อฝีดาษลิงได้ แต่ยังไม่พบการติดเชื้อในสัตว์เลี้ยงบ่อยนัก
ถาม : มีการรายงานผลข้างเคียงระยะยาวของฝีดาษลิง หรือไม่?
ตอบ: ผลข้างเคียงระยะยาวที่พบได้ เช่น แผลเป็น การสูญเสียการมองเห็น (หากติดเชื้อที่ตา) หรือปัญหาสุขภาพจิต แต่ยังต้องมีการศึกษาเพิ่มเติม
ถาม : การเดินทางไปยังประเทศที่มีการระบาดของฝีดาษลิงควรระวังอะไรบ้าง?
ตอบ: ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสัตว์ป่า โดยเฉพาะสัตว์ฟันแทะ และลิง รักษาสุขอนามัยส่วนบุคคล และหลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ที่มีอาการคล้ายฝีดาษลิง
เป็นอย่าไรกันบ้างครับกับคำ ถาม-ตอบ เกี่ยวกับฝีดาษลิง
หวังว่าคงจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย ให้แก่คุณ