ในช่วงสองที่ที่ผ่านมา หลายคนมักจะได้ยินคำว่า ไม่เจอเท่ากับไม่แพร่ U = U (Undetectable = Untransmissable) หรือผู้ติดเชื้อที่กินยาต้านไวรัสเป็นอย่างดีจนตรวจไม่เจอเชื้อไวรัสในเลือดแล้ว จะไม่แพร่เชื้อให้กับใครได้ (ไม่เจอเชื้อ เท่ากับไม่แพร่เชื้อ)
U ตัวแรกคือ Undetectable หมายถึงตรวจไม่เจอเชื้อ และ U ตัวที่สองก็คือ Untransmittable หมายถึงไม่สามารถแพร่เชื้อต่อได้ นั่นคือหากผู้ที่ติดเชื้อเอชไอวีได้รับยาต้านไวรัสอย่างรวดเร็ว และสม่ำเสมอ จนกระทั่งเชื้อเอชไอวีในเลือดมีจำนวนลดลงจนไม่สามารถตรวจพบได้ ก็จะไม่แพร่เชื้อไปสู่คู่นอนของตัวเอง
U=U ไม่เจอเท่ากับไม่แพร่ คืออะไร
ถ้าติดเชื้อ รักษาแล้วจนตรวจไม่เจอเชื้อ คนๆ นั้นจะไม่แพร่เชื้อให้กับใคร หรือไม่เจอเท่ากับไม่แพร่ การแพร่ หรือการส่งต่อไวรัสเอชไอวีจากคนหนึ่ง (ที่ติดเชื้อ) ไปสู่อีกคนหนึ่ง (ที่ยังไม่ติดเชื้อ) เกิดจากการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้ป้องกัน กับคนที่ติดเชื้อ หรือจากการใช้เข็มฉีดยาเสพติดที่ปนเปื้อนเลือดของคนที่ติดเชื้อจะแพร่ หรือส่งต่อเชื้อได้จะต้องมีปริมาณเชื้อที่มากได้ระดับหนึ่งในเลือด หรือในสารคัดหลั่งที่อยู่ในช่องคลอด ช่องทวารหนัก หรือในน้ำอสุจิ โดยทั่วไปจะใช้เกณฑ์ปริมาณไวรัสในเลือดมากกว่า 20091,000 ตัว (copies) ต่อซีซี ของเลือดเป็นตัวเทียบเคียง
ผู้ที่มีเชื้อกว่าร้อยละ 90-95 ที่ได้รับการรักษาด้วยยาต้านไวรัสเกิน 6 เดือนขึ้นไป จะมีปริมาณไวรัสในเลือดต่ำกว่า 50 copies ต่อซีซีของเลือด ที่เราเรียกกันว่าตรวจไม่เจอ (undetectable) ซึ่งไม่ได้แปลว่า เชื้อหมดจากร่างกายแล้ว เพียงแต่มีเหลือน้อยมากจนตรวจแทบไม่เจอ ชุดทดสอบอาจตรวจเจอได้ต่ำสุดที่ 20 หรือ 40 หรือ 50 copies ที่ตรวจไม่เจอ เพราะยาต้านไวรัสเอชไอวีไปกดเชื้อไว้ ถ้าหยุดกินยาต้านไวรัส เชื้อเอชไอวีก็จะกลับมีปริมาณเพิ่มขึ้นภายใน 1-2 สัปดาห์ ดังนั้น จะตรวจไม่เจอได้ ก็ต้องกินยาต่อเนื่องตรงเวลาไปเรื่อยๆ และตรวจหาปริมาณไวรัสในเลือดอย่างน้อยปีละ 1-2 ครั้ง หรืออาจบ่อยกว่านั้นถ้าคุณมีประวัติขาดยา
“การทานยาต้านไวรัส เป็นวิธีการรักษาเอชไอวีที่ดีที่สุด”
ทำอย่างไรถึงจะ ตรวจไม่เจอ (Undetectable)
- รับประทานยาตามที่กำหนด ทุกมื้อ และทุกวัน
- อย่าเปลี่ยนยาด้วยตนเอง โดยไม่ปรึกษาแพทย์ ถ้าพบว่าปฏิบัติตามแผนการรักษาได้ยาก ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อค้นหาแนวทางการรักษาใหม่ที่เหมาะสม
- หากจะใช้ยาอื่นนอกเหนือที่แพทย์สั่ง ควรปรึกษาแพทย์ และเภสัชกรก่อนทุกครั้ง
- ควรรับประทานยาอย่างสม่ำเสมอ หากหยุดยาระยะหนึ่งแล้วมารับประทานต่อ ก็อาจทำให้เกิดเชื้อดื้อยา การรักษาจะยิ่งยากมากขึ้น
ประโยชน์ของ U=U ไม่เจอเท่ากับไม่แพร่
- การตีตรา และการกีดกันผู้ติดเชื้อ น่าจะหมดไปจากสังคม
- ทำให้คนเข้าสู่การตรวจมากยิ่งขึ้น เพราะรู้ว่ามีการรักษาได้ดีกว่าแต่ก่อน
- ทำให้คู่รักเกิดความเข้าใจ และใชัชีวิตร่วมกันได้
- ทำให้คนเข้าสู่กระบวนการรักษาเพราะรู้เร็วรักษาได้
- ลดจำนวนผู้ติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่
สรุป หัวใจสำคัญของประเด็นไม่เจอเท่ากับไม่แพร่คือ คนที่ติดเชื้อต้องกินยาต่อเนื่อง และต้องตรวจวัดปริมาณไวรัสในเลือดเป็นประจำถ้าน้อยกว่า 200 copies ต่อซีซีของเลือด ไม่จำเป็นต้องใช้ถุงยางอนามัยเวลามีเพศสัมพันธ์กับคู่นอนของเขา ก็ไม่ทำให้คู่นอนติดเชื้อ