ประเทศไทยผ่านกฎหมายการแต่งงานของเพศเดียวกัน มอบสิทธิขั้นพื้นฐานให้กับกลุ่ม LGBTQ+

lgbtq
ชุมชน LGBTQ ในประเทศไทยรู้สึกยินดีอย่างมากกับการผ่านร่างกฎหมายสมรสเพศเดียวกัน โดยสภาผู้แทนราษฎรได้รับการโหวตจากสมาชิกจำนวน 400 เสียง กฎหมายฉบับนี้ให้สิทธิพื้นฐานแก่บุคคลที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปในชุมชน ความหลากหลายทางเพศ ในการหมั้นหมายและสมรส นับเป็นก้าวสำคัญสู่การสร้างความเท่าเทียมในสังคม กลุ่มภาคประชาสังคมเสนอให้มีการเพิ่มคำนิยามของคำว่า “ผู้ปกครองหลัก” เพื่อใช้แทนคำว่า “พ่อ” และ “แม่” ในกฎหมายฉบับนี้ แต่ข้อเสนอดังกล่าวถูกปฏิเสธโดยคณะกรรมาธิการเนื่องจากกังวลว่าการใช้คำใหม่นี้อาจส่งผลต่อการบังคับใช้กฎหมายอื่น

สารบัญ

1.ประเทศไทยผ่านกฎหมายสมรสเพศเดียวกัน มอบสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานแก่ชุมชน LGBTQ+

2. การแก้ไขดังกล่าวมีจำนวน 68 บทความ โดยสามารถสรุปได้เป็น 3 ประเด็นหลัก

Love2Test

3.กฎหมายสมรสเพศเดียวกันปกป้องการเลือกปฏิบัติสำหรับชุมชนความหลากหลายทางเพศ

4.ประเด็นหลักของกฎหมายความเท่าเทียมในการสมรส

5. ปฏิกิริยาจากชุมชนความหลากหลายทางเพศ

6. บทความที่เกี่ยวข้อง

ประเทศไทยผ่านกฎหมายสมรสเพศเดียวกัน มอบสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานแก่ชุมชน LGBTQ+

วันที่ 27 มีนาคม 2567 สภาผู้แทนราษฎรไทยได้ประชุมเพื่อพิจารณาร่างแก้ไขประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่…) หรือที่รู้จักในชื่อ “กฎหมายความเท่าเทียมในการสมรส” ซึ่งเสนอโดยคณะกรรมาธิการวิสามัญ และกำลังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาในวาระที่สองและสาม

นายดนุพร ปุณณกันต์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคเพื่อไทยและประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญ ได้อธิบายว่าการแก้ไขนี้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญปี 2559 ซึ่งให้ความสำคัญกับศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์

samesex

การแก้ไขดังกล่าวมีจำนวน 68 บทความ โดยสามารถสรุปได้เป็น 3 ประเด็นหลัก ดังนี้

คณะกรรมาธิการวิสามัญพบว่าถ้อยคำในร่างกฎหมายฉบับเดิมไม่สอดคล้องกับบริบททางสังคมในปัจจุบัน ดังนั้นจึงได้ปรับแก้ถ้อยคำเพื่อส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศ
คณะกรรมาธิการวิสามัญเสนอให้กำหนดอายุขั้นต่ำในการหมั้นหมายและสมรสไว้ที่ 18 ปี เพื่อให้แน่ใจว่าผู้ที่หมั้นหรือสมรสจะไม่ถือว่าเป็นเด็ก และเพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมายภายในประเทศที่เกี่ยวข้องกับเด็ก รวมถึงหลักการคุ้มครองสิทธิเด็กและการป้องกันการสมรสในวัยเด็ก
การแก้ไขกฎหมายครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อให้สอดคล้องกับอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กและพันธกรณีด้านสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศอื่น ๆ ที่ประเทศไทยเป็นภาคี

ที่ประชุมได้ดำเนินการพิจารณาร่างกฎหมายความเท่าเทียมในการสมรสในวาระที่สองและสาม ซึ่งผลการลงมติจะเป็นตัวชี้วัดว่าร่างกฎหมายนี้จะผ่านเป็นกฎหมายหรือไม่

คณะกรรมาธิการได้เพิ่มบทบัญญัติใหม่เพื่อระบุให้ชัดเจนว่า คู่สมรสที่สร้างครอบครัวภายใต้กฎหมายนี้จะมีสิทธิ หน้าที่ และสถานะทางกฎหมายตามกฎหมายอื่น ๆ ที่ระบุไว้สำหรับ “สามีและภรรยา” หรือ “สามีภรรยาทันที” ซึ่งจะช่วยลดภาระของหน่วยงานต่าง ๆ ในการตรวจสอบและแก้ไขกฎหมายที่มีอยู่ อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่มีกฎหมายใดระบุสิทธิ หน้าที่ สถานะทางกฎหมาย หรือประเด็นอื่น ๆ เกี่ยวกับสามีภรรยาแตกต่างออกไป หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องยังคงต้องดำเนินการตรวจสอบกฎหมายนั้นให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนดตามร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้

กฎหมายสมรสเพศเดียวกันปกป้องการเลือกปฏิบัติสำหรับชุมชนความหลากหลายทางเพศ

นอกจากนี้ คณะกรรมาธิการยังได้เสนอให้หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องพิจารณาปรับปรุงกฎหมายในส่วนที่เกี่ยวข้องกับหน้าที่ของตนให้สอดคล้องกับประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ที่ได้รับการแก้ไขเพิ่มเติมจากกฎหมายฉบับนี้

“กฎหมายฉบับนี้ถูกแก้ไขเพื่อทุกคนในประเทศไทย เพราะหลังจากที่วาระที่ 1 ผ่านไป เราได้ฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่ายและพิจารณาอย่างรอบคอบ ยืนยันว่าเพศชายและเพศหญิงโดยทั่วไปจะไม่ได้สูญเสียสิทธิใด ๆ สิทธิทางกฎหมายยังคงเหมือนเดิมในทุกด้าน” นายดนุพรกล่าว

นายดนุพรกล่าวต่อไปว่า กฎหมายฉบับนี้จะช่วยปกป้องกลุ่มคนที่อาจเรียกว่า LGBTQ+, ชายข้ามเพศ และหญิงข้ามเพศ โดยจะได้รับสิทธิเดียวกันในการดูแลทางการแพทย์ การลดหย่อนภาษี และการชำระภาษีเหมือนคู่รักต่างเพศ นอกจากนี้ยังมีสิทธิในการยินยอมในการรักษาพยาบาล ซึ่งสิทธิที่พวกเขาไม่เคยมีมาก่อน

samesex

ดังนั้น การแก้ไขกฎหมายนี้จึงเป็นวิธีการคืนสิทธิให้กับพวกเขา ในระหว่างการหาเสียงเลือกตั้ง พรรคการเมืองทุกพรรคต่างพูดว่า จะทำให้สังคมนี้เป็นสังคมที่เท่าเทียมและลดความเหลื่อมล้ำในประเทศ กฎหมายฉบับนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของความเท่าเทียม

“เราเข้าใจดีว่า กฎหมายฉบับนี้ไม่ใช่การรักษาทุกปัญหาของสังคม แต่ก็เป็นจุดเริ่มต้นเล็ก ๆ ในการสร้างความเท่าเทียมในสังคม วันนี้ ผมขอให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทุกท่านร่วมกันสร้างประวัติศาสตร์ให้กับประเทศไทย เราจะเป็นประเทศที่สามในเอเชียที่มีกฎหมายความเท่าเทียมในการสมรส และจะเป็นประเทศแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเราจะภาคภูมิใจในเวทีโลกว่า วันนี้ประเทศไทยเห็นความสำคัญของความไม่เท่าเทียมในสังคมและความไม่เท่าเทียมทางเพศ”

ประเด็นหลักของกฎหมายความเท่าเทียมในการสมรส

  • บุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปสามารถจดทะเบียนสมรสได้
  • กฎหมายอนุญาตให้คู่รักเพศเดียวกันหมั้นหมายและสมรสได้
  • คู่สมรสความหลากหลายทางเพศ จะมีสิทธิและหน้าที่เหมือนกับคู่สมรสต่างเพศ รวมถึงสิทธิในทรัพย์สิน สิทธิในการสืบทอดมรดก และสิทธิในการรับบุตร

หลังจากนั้นที่ประชุมได้เปิดโอกาสให้สมาชิกแสดงความคิดเห็นและพิจารณาบทบัญญัติของกฎหมายทีละข้อ คณะกรรมาธิการวิสามัญส่วนใหญ่ซึ่งมาจากภาคประชาสังคมได้เสนอให้เพิ่มคำว่า “ผู้ปกครองลำดับแรก” (ที่ทำหน้าที่เป็นพ่อแม่) ในร่างกฎหมายเพื่อทดแทนคำว่า “พ่อ” และ “แม่” เพื่อความเป็นกลางและรองรับความหลากหลายของครอบครัวเพศเดียวกัน

อย่างไรก็ตาม คณะกรรมาธิการวิสามัญส่วนใหญ่ชี้แจงว่า คำว่า “ผู้ปกครองลำดับแรก” เป็นคำใหม่ที่ไม่เคยมีการนิยามในกฎหมายใดมาก่อน และอาจส่งผลกระทบต่อการบังคับใช้กฎหมาย โดยมีความกังวลว่าอาจจะกระทบต่อการบังคับใช้กฎหมายในประเทศทั้งหมด

same sexที่ประชุมจึงลงมติเห็นชอบร่างกฎหมายดังกล่าวด้วยคะแนนเสียงข้างมาก

ที่ประชุมลงมติเห็นชอบในวาระที่ 3 ด้วยคะแนนเสียงเห็นด้วย 400 เสียง ไม่เห็นชอบ 10 เสียง งดออกเสียง 2 เสียง และไม่ลงคะแนนเสียง 3 เสียง นับเป็นการเปิดไฟเขียวให้ร่างกฎหมายแก้ไขประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หรือพระราชบัญญัติความเสมอภาคในการสมรสผ่านความเห็นชอบ

ปฏิกิริยาจากชุมชนความหลากหลายทางเพศ

“นี่คือความฝันที่เป็นจริง เราต่อสู้เพื่อสิ่งนี้มานานมากแล้ว” นักกิจกรรม LGBTQ+ คนหนึ่งกล่าว
“นี่คือชัยชนะของความรักและความเท่าเทียม” นักกิจกรรมอีกคนกล่าว
“เรายังไม่เท่าเทียมกันอย่างเต็มที่ แต่ก้าวนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในทิศทางที่ถูกต้อง” นักกิจกรรมคนที่สามกล่าว

การผ่านกฎหมายความเท่าเทียมในการสมรสเป็นช่วงเวลาประวัติศาสตร์สำหรับสิทธิของชุมชน ความหลากหลายทางเพศในประเทศไทย นี่เป็นก้าวสำคัญในการบรรลุความเท่าเทียมและการยอมรับบุคคลความหลากหลายทางเพศ ในประเทศ อย่างไรก็ตาม ยังมีงานที่ต้องทำอยู่ นักรณรงค์  ยังคงผลักดันให้มีการปฏิรูปกฎหมายและการยอมรับในสังคมที่มากขึ้น พวกเขาหวังว่ากฎหมายความเท่าเทียมในการสมรสจะเป็นแรงขับเคลื่อนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในสังคมไทยในวงกว้าง

บทความที่เกี่ยวข้อง

การผ่านกฎหมายสมรสเพศเดียวกันถือเป็นก้าวสำคัญในสิทธิของชุมชนความหลากหลายทางเพศ ในประเทศไทย มันเป็นเครื่องยืนยันถึงการทำงานหนักและความทุ่มเทของนักกิจกรรมความหลากหลายทางเพศ และพันธมิตรที่ต่อสู้มาอย่างยาวนานเพื่อความเท่าเทียม กฎหมายนี้เป็นก้าวหนึ่งไปสู่สังคมที่ยุติธรรมและครอบคลุมมากขึ้นสำหรับคนไทยทุกคน

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า