นับเป็นความก้าวหน้าทางการแพทย์ครั้งสำคัญในรอบ 40 ปี เมื่อบริษัทผู้ผลิตวัคซีนรายใหญ่ของโลกอย่างโมเดอร์นา ออกมาประกาศความคืบหน้าในการผลิตวัคซีน ‘ต้าน HIV’ อย่างเป็นทางเป็นทางการ โดยขณะนี้กำลังเข้าสู่เฟสที่ 1 ของการทดสอบในมนุษย์
วัคซีนดังกล่าวถูกผลิตด้วยเทคโนโลยี mRNA เช่นเดียวกับวัคซีนต้านโควิด-19 ของทั้งโมเดอร์นา และไฟเซอร์ ซึ่งเป็นองค์ความรู้ที่มีขึ้นบนโลกมามากกว่า 50 ปีแล้ว โดยข้อดีของ mRNA คือความสามารถในการออกแบบตัววัคซีนที่เมื่อฉีดเข้าไปในร่างการมนุษย์แล้วจะไปทำการ ‘ฝึกฝน’ ระบบภูมิคุ้มกันให้สร้างแอนติบอดีที่เฉพาะเจาะจงสำหรับโรคใดโรคหนึ่งได้ โดยไม่ต้องเสียเวลาเอาเชื้ออ่อนแรง หรือเชื้อตายของไวรัสฉีดเข้าไปกระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างการตามรูปแบบวัคซีนดั้งเดิม
การทดสอบในมนุษย์ที่กำลังเกิดขึ้นเป็นการฉีดวัคซีนให้กับอาสาสมัคร 56 คนที่ไม่มีเชื้อ HIV จากคณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยจอร์จวอชิงตัน โฮปคลินิกจากศูนย์วัคซีนเอมอรี ศูนย์วิจัยมะเร็งเฟร็ดฮัตชินสัน และศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพมหาวิทยาลัยเท็กซัสในซานแอนโตนิโอ โดย 48 คนแรกจะได้รับวัคซีนต้าน HIV โดสที่ 1 ขณะที่ 32 ในกลุ่มนี้จะได้รับการฉีดโดสที่สองเป็นบูสเตอร์โดส และ 8 ที่เหลือจะได้รับการฉีดเฉพาะบูสเตอร์โดสเท่านั้น
การทดลองนี้ประกอบด้วยอาสาสมัครผู้เข้าร่วมจาก 4 สถาบัน คือ คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยจอร์จ วอชิงตัน คลินิกศูนย์วัคซีนเอมอรี ศูนย์วิจัยมะเร็งเฟร็ด ฮัตชินสัน และศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพมหาวิทยาลัยเทกซัส
ความสำเร็จในครั้งนี้คือการร่วมมือกันระหว่าบริษัทโมเดอร์นา และองค์กรไม่แสวงผลกำไรที่ชื่อโครงการริเริ่มวัคซีนเอดส์ระหว่างประเทศ (International AIDS Vaccine Initiative: IAVI) ซึ่งสำนักข่าว CNN รายงานว่าหนึ่งในผู้สนับสนุนเงินทุนสำหรับการวิจัยก็คือมูลนิธิบิล และเมลินดาเกตส์ ซึ่งเป็นมูลนิธิส่วนบุคคลที่ใหญ่ที่สุดในโลก
เอชไอวี เป็นเชื้อไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง รวมทั้งโรคเอดส์ (AIDS) ทำให้ภูมิคุ้มกันต่ำ และมีโรคแทรกซ้อนได้ โดยทั่วไปเมื่อร่างกายของคนเราติดเชื้อเอชไอวี เชื้อไวรัสก็จะโจมตีระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันร่างกายอ่อนแอลง ตลอดระยะเวลาที่ผ่านหลายสิบปี มนุษย์ได้พยายามพัฒนาวัคซีนเพื่อต่อสู้กับเอชไอวีมาโดยตลอด แต่ละปี ทั่วโลกมีผู้เสียชีวิตจากโรคเอดส์เป็นจำนวนมาก ที่ราว 500,000-1,000,000 คน ซึ่งนับว่าลดลงจากในอดีต จากการพัฒนายาต้าน ยารักษา และการให้ความรู้เรื่องการป้องกัน แต่ก็ยังนับว่าเป็นตัวเลขที่สูงอยู่ และวัคซีนยังคงเป็นทางออกสำคัญที่จะช่วยแก้ไขปัญหานี้ได้ในระยะยาว
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : voicetv, pptvhd36