ยาฉีดป้องกัน HIV ก้าวใหม่ของโลกแพทย์ สู่การยุติเอดส์อย่างยั่งยืน

ยาฉีดป้องกัน HIV ก้าวใหม่ของโลกแพทย์ สู่การยุติเอดส์อย่างยั่งยืน

ในยุคที่เทคโนโลยีทางการแพทย์พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว หนึ่งในนวัตกรรมที่สร้างความหวังครั้งใหญ่ให้กับมนุษยชาติ คือ “ยาฉีดป้องกัน HIV” ยาออกฤทธิ์ยาวที่ช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อเอชไอวี (HIV) ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงกว่า 99% โดยไม่ต้องกินทุกวันอีกต่อไป จากเดิมที่หลายคนต้องใช้ ยา PrEP แบบเม็ด (Pre-Exposure Prophylaxis) เป็นประจำทุกวัน เพื่อป้องกันการติดเชื้อ HIV ยาฉีดชนิดใหม่นี้ช่วยเปลี่ยนมุมมองและพฤติกรรมการป้องกันได้อย่างสิ้นเชิง เพราะ เพียงแค่ฉีดปีละไม่กี่ครั้ง ก็สามารถป้องกันได้ยาวนานหลายเดือน นับเป็น “ก้าวใหม่ของโลกแพทย์” ที่ไม่เพียงแต่ช่วยลดอัตราการติดเชื้อรายใหม่เท่านั้น แต่ยังเป็นความหวังสำคัญในการ ยุติเอดส์อย่างยั่งยืน ภายในปี 2030 ตามเป้าหมายขององค์การสหประชาชาติ (UNAIDS)

Love2Test

ยาฉีดป้องกัน HIV คืออะไร?

ยาฉีดสำหรับป้องกันเอชไอวี หรือ Injectable PrEP เป็นนวัตกรรมต้านไวรัสชนิดออกฤทธิ์ยาว (Long-acting Antiretroviral) ที่ช่วยป้องกันไม่ให้เชื้อ HIV เข้าสู่เซลล์ในร่างกายได้ โดยปัจจุบันมีอยู่ 2 รุ่นหลักที่กำลังเป็นที่พูดถึงทั่วโลก ได้แก่

  1. Cabotegravir (Apretude®) – ยาฉีดที่ออกฤทธิ์ยาวนาน 2 เดือนต่อครั้ง
  2. Lenacapavir (Sunlenca®) – ยาฉีดรุ่นใหม่ล่าสุดที่ออกฤทธิ์ยาวนานถึง 6 เดือนต่อครั้ง

ทั้งสองชนิดนี้ถูกออกแบบมาเพื่อ “แทนที่การกินยา PrEP ทุกวัน” โดยตัวยาจะค่อยๆ ปล่อยสารออกฤทธิ์เข้าสู่กระแสเลือดอย่างต่อเนื่อง ช่วยรักษาระดับยาให้เพียงพอในการป้องกันเชื้อ HIV ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Love2Test

Cabotegravir ยาฉีดป้องกัน HIV รุ่นแรกที่พลิกโลกการแพทย์

Cabotegravir (แคโบเทกราเวียร์) เป็นยาต้านไวรัสในกลุ่ม Integrase Inhibitor ซึ่งได้รับการอนุมัติจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (FDA) ตั้งแต่ปลายปี 2021 ภายใต้ชื่อการค้า Apretude วิธีใช้คือเริ่มจากการฉีดเข้ากล้ามเนื้อ 2 ครั้งห่างกัน 1 เดือน จากนั้นจึงฉีดต่อทุกๆ 2 เดือน เพื่อรักษาระดับยาในร่างกายให้คงที่ ผลการศึกษาทางคลินิกจากโครงการ HPTN 083 (ในกลุ่มชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย) และ HPTN 084 (ในกลุ่มหญิงในทวีปแอฟริกา) พบว่า ยานี้ มีประสิทธิภาพป้องกันสูงกว่ายา PrEP แบบเม็ดถึง 66–89% เนื่องจากผู้ใช้ไม่ต้องกังวลเรื่อง “ลืมกินยา” ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้การป้องกันล้มเหลวในอดีต

Lenacapavir ยาฉีดป้องกัน HIV รุ่นใหม่ ฉีดปีละ 2 ครั้ง

ปี 2024 ถือเป็นอีกก้าวสำคัญของโลก เมื่อบริษัท Gilead Sciences เปิดตัว Lenacapavir (เลนาคาพาเวียร์) ยาฉีดป้องกันนี้ที่ออกฤทธิ์ยาวนานถึง 6 เดือนต่อครั้ง Lenacapavir เป็นยากลุ่มใหม่ที่เรียกว่า Capsid Inhibitor ซึ่งทำงานแตกต่างจากยาในรุ่นก่อน โดยมันจะไปขัดขวางกระบวนการทำงานของ “เปลือกไวรัส” ทำให้เชื้อ HIV ไม่สามารถแบ่งตัวได้

จุดเด่นของ Lenacapavir คือ

  • ฉีดเพียง ปีละ 2 ครั้ง ก็สามารถป้องกันการติดเชื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ผลข้างเคียงน้อย ส่วนใหญ่เป็นอาการเจ็บบริเวณที่ฉีด
  • เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความสะดวกสูงสุด หรือไม่สามารถมาตรวจติดตามได้บ่อย

องค์การอนามัยโลก (WHO) และ UNAIDS ต่างยกให้ Lenacapavir เป็น “ความหวังครั้งใหม่ของมนุษยชาติ” ในการขับเคลื่อนเป้าหมาย Ending AIDS by 2030

เปรียบเทียบ ยาฉีดป้องกัน HIV แบบ 2 เดือน และแบบ 6 เดือน

“PrEPLove2Test"

เปรียบเทียบ ยาฉีดป้องกัน HIV แบบ 2 เดือน และแบบ 6 เดือน

รายการ Cabotegravir (Apretude) Lenacapavir (Sunlenca)
ประเภทของยา Integrase Inhibitor Capsid Inhibitor
ความถี่ในการฉีด ทุก 2 เดือน ทุก 6 เดือน
วิธีฉีด ฉีดเข้ากล้ามเนื้อ ฉีดใต้ผิวหนัง
การเริ่มต้นใช้ ต้องตรวจเลือดก่อนทุกครั้ง ตรวจเลือดก่อนเริ่มเช่นกัน
ผลข้างเคียง ปวดหรือบวมบริเวณที่ฉีด เจ็บเล็กน้อยใต้ผิวหนัง
สถานะการอนุมัติ อนุมัติแล้วโดย FDA และ WHO อยู่ระหว่างขยายการอนุมัติสำหรับการป้องกัน HIV
ประสิทธิภาพ >99% >99% (จากการศึกษาระยะทดลอง)

ยาฉีดป้องกัน HIV: ความหวังใหม่ในการยุติเอดส์

การมาของยาฉีด PrEP ถือเป็น “เครื่องมือทางยุทธศาสตร์” ที่จะช่วยลดจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ทั่วโลกได้อย่างมาก โดยเฉพาะในกลุ่มประชากรที่มีความเสี่ยงสูง เช่น

  • เยาวชน LGBTQ+
  • ผู้ที่การเข้าถึงการแพทย์ยังต่ำ
  • ผู้ใช้สารเสพติดแบบฉีด
  • ผู้ที่มีคู่นอนหลายคน

ปัจจุบัน UNAIDS ประมาณว่า ทุกๆ ปี มีผู้ติดเชื้อ HIV รายใหม่กว่า 1.3 ล้านคนทั่วโลก และในจำนวนนี้กว่า 50% มาจากกลุ่มที่ไม่สามารถเข้าถึง PrEP แบบเดิมได้อย่างต่อเนื่อง ดังนั้น การมียาฉีดที่ออกฤทธิ์ยาวจึงสามารถ “อุดช่องว่างของการเข้าถึงการป้องกัน” ได้อย่างแท้จริง

ปลอดภัยไหม? ยาฉีดป้องกัน HIV ผ่านการทดสอบแล้วทั่วโลก

ทั้ง Cabotegravir และ Lenacapavir ได้รับการทดสอบทางคลินิกในอาสาสมัครหลายพันรายทั่วโลก โดยมีผลลัพธ์ชัดเจนว่า “ปลอดภัยและได้ผลจริง”

อาการข้างเคียงที่พบได้บ่อย ได้แก่

  • ปวดหรือตึงบริเวณที่ฉีด
  • มีรอยแดงหรือบวมเล็กน้อย
  • อ่อนเพลียเล็กน้อยในบางราย

แต่โดยรวมแล้ว ผู้ใช้ส่วนใหญ่รายงานว่า “รู้สึกพอใจ” และ “สะดวกกว่าการกินยา” มาก

ใครบ้างที่เหมาะกับยาฉีดป้องกัน HIV

ยาฉีดชนิดนี้เหมาะกับผู้ที่มีความเสี่ยงสูง หรือไม่สามารถกินยาได้ต่อเนื่อง เช่น

  • ผู้ที่ลืมกินยาเป็นประจำ
  • ผู้ที่ไม่สะดวกพกยา
  • ผู้ที่มีผลข้างเคียงจากยาเม็ด
  • ผู้ที่ต้องการความเป็นส่วนตัว

ก่อนเริ่มใช้ยาฉีด แพทย์จะตรวจเลือดเพื่อยืนยันว่าไม่มีการติดเชื้อ HIV อยู่ก่อน จากนั้นจึงเริ่มฉีดตามรอบ และติดตามผลทุกครั้งตามกำหนด

ใครบ้างที่เหมาะกับ ยาฉีดป้องกัน HIV

อ่านบทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

ยาฉีดป้องกัน HIV ในประเทศไทย

ประเทศไทยเริ่มให้บริการ ยาฉีด PrEP ในบางคลินิกและโรงพยาบาลตั้งแต่ปี 2024 โดยเฉพาะในพื้นที่นำร่อง เช่น กรุงเทพฯ เชียงใหม่ และภูเก็ต ซึ่งมีคลินิกสุขภาพทางเพศหลายแห่งเข้าร่วมโครงการนำร่องกับกรมควบคุมโรค นอกจากนี้ ภาครัฐยังอยู่ระหว่างการผลักดันให้ ยาฉีด PrEP เข้าสู่ระบบหลักประกันสุขภาพ (UHC) เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงได้ในราคาที่เหมาะสมในอนาคต

ยาป้องกันกับการเปลี่ยนทัศนคติของสังคม

การมาของยาฉีดป้องกัน HIV ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของ “การแพทย์” เท่านั้น แต่ยังเป็น “การเปลี่ยนแปลงทางสังคม” ที่ทำให้คนกล้าพูดถึงสุขภาพทางเพศมากขึ้น มันช่วยลดความอาย ความกลัว และการตีตราเกี่ยวกับ HIV เพราะทุกวันนี้ “การป้องกันคือเรื่องของทุกคน” ไม่ว่าจะเป็นชาย หญิง หรือคนหลากหลายเพศ

มองไปข้างหน้า: ยุคใหม่ของการป้องกัน HIV

ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า นักวิจัยคาดว่าเราจะได้เห็นยาฉีดป้องกัน HIV ที่ออกฤทธิ์ยาวถึง 1 ปีเต็ม หรือแม้แต่ วัคซีนป้องกัน HIV ซึ่งกำลังอยู่ในระยะทดลอง แต่ในปัจจุบัน “ยาฉีด PrEP” ทั้งแบบ 2 เดือน และ 6 เดือน ได้กลายเป็นเครื่องมือหลักที่ช่วยให้โลกเข้าใกล้วันสิ้นสุดของเอดส์มากที่สุดในประวัติศาสตร์

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ ยาฉีดป้องกัน HIV

ใช่ ก่อนเริ่มใช้และก่อนทุกครั้งที่จะฉีดซ้ำ แพทย์จะตรวจเลือดเพื่อยืนยันว่า “ยังไม่มีการติดเชื้อ HIV” เพราะหากติดเชื้อแล้ว การใช้ยานี้จะไม่ช่วยป้องกัน แต่ต้องเปลี่ยนเป็นยารักษาแทน เพื่อให้แน่ใจว่าการใช้ยาฉีดนั้นปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงสุด

หากเลยกำหนดฉีดยาไปเพียงไม่กี่วัน อาจยังคงมีฤทธิ์ป้องกันอยู่บางส่วน แต่ไม่ควรปล่อยให้เลยนาน เพราะระดับยาในร่างกายจะลดลงจนไม่สามารถป้องกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควรรีบติดต่อแพทย์หรือคลินิกเพื่อรับคำแนะนำและนัดฉีดใหม่โดยเร็วที่สุด

ไม่ได้ ยาฉีดป้องกัน HIV มีไว้เฉพาะเพื่อป้องกันเชื้อเอชไอวีเท่านั้น ยังไม่สามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ เช่น หนองใน ซิฟิลิส หรือเริมได้ ดังนั้น การใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วย ยังคงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันโรคติดต่อทางเพศทั้งหมด

สามารถใช้ร่วมกันได้อย่างปลอดภัย ปัจจุบันไม่มีรายงานว่ามีการรบกวนการออกฤทธิ์ระหว่างยาฉีดป้องกัน HIV กับฮอร์โมนคุมกำเนิด ไม่ว่าจะเป็นแบบกิน ฉีด หรือฝัง ยกเว้นกรณีมีโรคประจำตัวหรือใช้ยาชนิดอื่นร่วม ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเสมอ

สามารถหยุดได้ภายใต้การดูแลของแพทย์ แต่ต้องระวังว่า “ฤทธิ์ของยาในร่างกายจะค่อยๆ ลดลง” ภายในระยะเวลาหลายสัปดาห์ จึงควรใช้วิธีป้องกันอื่นควบคู่ (เช่น ถุงยาง หรือ PrEP แบบเม็ด) ในช่วงรอยต่อ เพื่อไม่ให้เกิดช่องว่างของการป้องกัน

ในประเทศไทย ยาฉีดป้องกันเอชไอวียังอยู่ในช่วงเริ่มให้บริการในบางพื้นที่ และยังมีบริการแค่ชนิดแรก เช่น กรุงเทพฯ เชียงใหม่ และภูเก็ต โดยเฉพาะคลินิกสุขภาพทางเพศและศูนย์บริการเฉพาะทางบางแห่งเท่านั้น คาดว่าภาครัฐจะขยายบริการให้เข้าถึงทั่วประเทศในอนาคตอันใกล้

สรุป: ยาฉีดป้องกันเอชไอวี คือความหวังของโลก

ยาฉีด PrEP คือ “ก้าวใหญ่ของการแพทย์” ที่เปลี่ยนแนวทางการป้องกันให้สะดวกและยั่งยืนกว่าที่เคย เป็นทั้งนวัตกรรมที่ช่วยชีวิต และเป็นสัญลักษณ์ของความเท่าเทียมในการเข้าถึงสุขภาพ เพราะ “สุขภาพทางเพศไม่ใช่เรื่องของบางคน แต่คือสิทธิของทุกคน” และยาฉีด PrEP คือคำตอบของโลกอนาคตที่ไร้เอดส์อย่างแท้จริง

อ้างอิงข้อมูลจาก:

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า