การที่กระแสภาพยนตร์ บาร์บี้ มาแรงทำเงินสูงสุดในรอบปี ทำให้บาร์บี้รุ่นเก่าๆ ที่รวมความล้ำสมัยเป็นตัวแทนของเหล่าคนชายขอบ หรือที่เรียกกันว่า werid barbie กลับมาเป็นที่พูดถึง และบางรุ่นถึงขนาดมีให้สั่งพรีออเดอร์กลัยมาขายได้อีกครั้ง ถือว่าเป็นการรวบรวมของเล่นที่ไม่แบ่งแยกเพศสภาพ และรูปลักษณ์ของเหล่าคนชายขอบ เป็นของเล่นที่ถูกสร้างมาเพื่อเควียร์คิดส์ ได้เรียนรู้ และทำความรู้จักกับตัวเองได้มากขึ้น
แมทเทลบริษัทผู้ผลิตตุ๊กตา บาร์บี้ เคยผลิตเคน รุ่น Barbie Earring Magic นิยมในหมู่เกย์
เชื่อ หรือไม่ ในปี 1993 แมทเทลบริษัทผู้ผลิตตุ๊กตาบาร์บี้เคยผลิตเคน รุ่น Barbie Earring Magic และขายดีมากในหมู่เกย์ จุดที่คนให้ความสนใจคือสร้อยคอรูปวงแหวนของเคน ห่วงค๊อกริงที่ใส่อวัยวะเพศชาย จนทำให้มีคนตั้งข้อสงสัยว่า หรือ เคนไม่ได้เกิดมาเป็นแฟนบาร์บี้ เขาอาจจะเป็นเกย์ และเป็นเพื่อนสาวของบาร์บี้ หรือเปล่า ข้อสงสัยนี้ถูกถามมาจนถึงนักแสดง Margot Robbie คำถามที่แฟนๆ สงสัยกันมากว่า Ken นั้นเป็นเกย์ตามข่าวลือจริง หรือไม่ เธอได้ให้คำตอบประเด็นนี้ไว้ว่าตัวละครในภาพยนตร์คือตุ๊กตานะ ฉันคิดว่าตัวละครเหล่านั้นไม่มีรสนิยมทางเพศเพราะตุ๊กตาบาร์บี้ไม่มีอวัยวะเพศนะ
Sugar Daddy Ken รุ่นที่ทำตอนช่วงเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปี ถูกต่อต้านจากผู้ปกครอง
ในกลุ่ม Weird Barbie หนึ่งในนั้นก็จะมี Sugar Daddy Ken ผลิตขึ้นในปี ค.ศ.2009 ซึ่งเป็นหนึ่งรุ่นที่ทำตอนช่วงเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปีบาร์บี้พอดี ซึ่งเคนรุ่นนี้จะเป็นตุ๊กตาที่ดูเป็นคนสูงวัยแต่ดูมีภูมิฐานพร้อมกับสุนัขตัวหนึ่งที่ชื่อว่า ชูก้าร์ ซึ่งเป็นสัตว์เลี้ยงของเคนแต่เหตุผลที่ตุ๊กตาตัวนี้ถูกต่อต้านจากผู้ปกครอง เพราะการใช้ชื่อรุ่นที่สองแง่สองง่าม เพราะคำว่า Sugar Daddy ความหมายเป็นป๋าเลี้ยง จนถูกเข้าใจไปในทางลบจนต้องเลิกผลิตไปเช่นกัน
บริษัทผู้ผลิตตุ๊กตา บาร์บี้ เปิดตัวตุ๊กตามิดจ์ตั้งครรภ์ในปี 2002 ภายใต้คอลเลคชั่น’ครอบครัวสุขสันต์
ต่อมาแมทเทลบริษัทผู้ผลิตตุ๊กตาบาร์บี้ เปิดตัวตุ๊กตามิดจ์ตั้งครรภ์ในปี ค.ศ.2002 ภายใต้คอลเลคชั่น’ครอบครัวสุขสันต์’ ในคอลเลคชั่นประกอบด้วยสามีของมิดจ์ชื่ออลัน ลูกชายวัย 3ขวบ ชื่อไรอัน และมิดจ์ตุ๊กตาตั้งครรภ์ที่มาพร้อมทารกชื่อนิกกี้ที่นอนอยู่ในท้อง โดยเด็กๆ สามารถแกะนิกกี้ออกมาจากท้องของมิดจ์ได้ด้วย เพื่อนตั้งใจให้เป็นฟังก์ชั่นให้เด็กๆ เรียนรู้การทำคลอด
ตอนที่เซ็ทครอบครัวสุขสันต์วางจำหน่ายได้กลายเป็นประเด็นถกเถียงใหญ่โตในกลุ่มผู้ปกครองที่มองว่ามิดจ์ยังเด็กเกินไปที่จะมีลูก และกล่าวหาแมทเทลว่าของเล่นนี้จะเป็นการสนับสนุนให้วัยรุ่นตั้งครรภ์ หรือเปล่า เหตุการณ์นี้ลุกลามถึงขั้นมีการเรียกร้องให้ห้างวอลมาร์ทดึงตุ๊กตามิดจ์ตั้งครรภ์ออกจากชั้นวางให้หมดเมื่อทนกระแสต่อต้านไม่ไหว แมทเทลจึงตัดสินใจยกเลิกการผลิตมิดจ์ตั้งครรภ์ (ซึ่งมีกล่าวไว้ในหนังด้วยเช่นกัน)
บริษัทแมทเทลได้ทำงานร่วมกับสมาคมดาวน์ซินโดรมแห่งชาติในสหรัฐเพื่อผลิตตุ๊กตาบาร์บี้ที่มีอาการดาวน์ซินโดรม
ล่าสุด บริษัทแมทเทลได้ทำงานร่วมกับสมาคมดาวน์ซินโดรมแห่งชาติในสหรัฐเพื่อผลิตตุ๊กตาบาร์บี้ที่มีอาการดาวน์ซินโดรมตัวแรก โดยตุ๊กตาตัวนี้จะมีลักษณะที่แตกต่างไปจากตุ๊กตา”บาร์บี้”ทั่วไป
- มีความสูงที่น้อยกว่าตุ๊กตาบาร์บี้รุ่นอื่นๆ
- ลำตัวยาวกว่า
- มีรูปหน้ากลมขึ้น
- มีดวงตารูปเมล็ดอัลมอนด์
- มีหูที่เล็กลง
- ดั้งจมูกที่แบน
หนึ่งในคนที่ระบุตนเองว่าเป็นเควียร์ ที่ชื่อ แองเจิ้ล ครูซ ออกมาบอกเล่าเรื่องราวในวัยเด็กของเขากับประสบการณ์เกี่ยวกับตุ๊กตาบาร์บี้ว่า “ในตอนที่ผมยังเป็นเด็กพ่อจะคอยบอกผมเสมอว่า ผู้ชายห้ามเป็นเพื่อนกับผู้หญิงแต่ผมกลับแหกกฎนั้นโดยการแอบไปเล่นบาร์บี้กับเพื่อนผู้หญิงข้างบ้านตอนอายุ 5 ขวบแต่พ่อผมจับได้ และเขาค่อนข้างช็อคกับสิ่งที่ผมเพิ่งทำลงไป” ส่งผลให้ต่อมาพ่อของครูซก็ห้ามให้เขาคบกับเพื่อนผู้หญิง ซึ่งไม่ได้ให้เหตุผลว่าทำไมแต่ครูซก็ปฏิบัติตามเพราะสังคมรอบตัวเขาในช่วงก่อนยุค 2000 นั้นเต็มไปด้วยการเหยียดเพศทั้งในรายกายทีวี โรงเรียน และโบสถ์
ครูซก็ยังจดจำบาร์บี้ไว้ในใจเสมอมาเพราะมันคือสิ่งที่ทำให้เขารู้จักตัวตนของตัวเอง และการที่เขาได้ไปรับชมภาพยนตร์ Barbie เรื่องราวของมันยิ่งเพิ่มพลังให้แก่เขาแต่ครูซยอมรับว่า “เมื่อก่อนเวลาผมนึกย้อนไปตอนเล่นบาร์บี้กับเพื่อนสนิทของผม มันกลับทำให้ผมรู้สึกแย่กับวัยเด็กของตัวเองแทน อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ผมจะไม่ให้ความทรงจำแย่ๆ นี้มาทำร้ายผมเป็นอันขาด”
“แม่ผมเคยเล่าให้ผมฟังว่าสาเหตุที่ทั้งพ่อ และแม่ไม่ให้เขาเล่นตุ๊กตาบาร์บี้ก็เพราะว่าไม่อยากให้เขาเป็นเกย์” ครูซกล่าว
สิ่งที่ครูซได้ยินจากเพื่อนสนิทของเขามาตลอดเมื่อสังคมรอบตัวเต็มไปด้วยการเหยียดเพศ
อย่างไรก็ตาม เพื่อนๆ ที่เขาสนิทต่างคอยบอกเขาเสมอว่า “ถึงนายจะเป็นเกย์ นายก็ยังเป็นนาย” ซึ่งคำพูดเหล่านี้ได้ทำให้เขาเริ่มตั้งคำถามกับสิ่งที่เขาถูกบอกมาโดยตลอด และได้คำตอบว่าผู้คน LGBTQIAN+ไม่สมควรถูกเหมารวม และตัดสิน “ผมจึงหยุดไปโบสถ์เมื่อตอนอายุ 26 เพราะผมสูญเสียสิ่งต่างๆ ไปมากแล้วทั้งเพื่อนสนิทที่เป็นผู้หญิง”
ครูซกล่าวทิ้งท้ายไว้ว่า “การได้ดูภาพยนตร์ Barbie เหมือนเขาได้รับการสูดอากาศบริสุทธิ์เพราะตลอดที่ผ่านมาเควียร์คิดส์มักถูกตีกรอบมาเสมอว่าพวกเราต้องเป็นอะไร ซึ่งของเล่นมันก็แค่ของเล่น พวกมันช่วยสร้างจินตนาการให้แก่เด็กๆ ได้รู้จักตัวเอง การที่จะแบ่งแยกของเล่นตามเพศสภาพเป็นอะไรที่ไร้สาระมากๆ”