ตรวจไม่เจอเท่ากับไม่แพร่ HIV สิ่งที่คุณควรรู้ ก่อนตัดสินใจเรื่องการป้องกัน

U=U

“งานวิจัยร่วม 10 ปี พบข้อพิสูจน์ว่า การกินยาต้านไวรัสเอชไอวีอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยป้องกันไม่ให้เชื้อถูกส่งต่อ ผ่านการมีเพศสัมพันธ์กับผู้อื่นได้”

U=U ตรวจไม่เจอเท่ากับไม่แพร่

ทฤษฎีการตรวจไม่เจอเท่ากับไม่แพร่ มีงานวิจัยที่ใช้เวลาศึกษานานกว่าสิบปี ผ่านกลุ่มตัวอย่างที่เป็นกลุ่มเพศที่สาม หรือกลุ่มเกย์ จำนวน 1,000 คน ซึ่งมีเพศสัมพันธ์โดยที่ไม่ได้ป้องกันด้วยถุงยางอนามัย พบข้อมูลที่ว่า หากผู้ที่มีเชื้อเอชไอวีในร่างกาย ทานยาต้านไวรัสอย่างสม่ำเสมอ จนถึงขั้นที่ตรวจไม่พบ ก็จะไม่สามารถส่งต่อเชื้อไวรัสเอชไอวี ผ่านการมีเพศสัมพันธ์ได้

Love2Test

หรือพูดอีกแบบหนึ่งได้ว่า งานวิจัยชิ้นนี้ชี้ให้เราเห็นว่า คนที่มีเชื้อเอชไอวีภายในร่างกายนั้น ถ้าได้รับการรักษา และการทานยาต้านอย่างสม่ำเสมอ พร้อมทั้งทำตามคำแนะนำของแพทย์เคร่งครัด จนได้รับการวินิจฉัยว่าไม่พบไวรัสเอชไอวี (Undetectable) ความเสี่ยงที่จะส่งเชื้อไปยังผู้อื่นก็แทบจะเป็นศูนย์!

แม้งานวิจัยชิ้นนี้ ซึ่งเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ The Lancet จะพบว่าผู้ชาย 15 คนที่ติดเชื้อเอชไอวี ในช่วงระหว่างการศึกษา แต่จากการนำดีเอ็นเอ (DNA) ไปตรวจสอบแล้ว ก็พบว่า มันเป็นเชื้อที่เขาได้รับการส่งต่อมาจากคนที่ไม่ได้รับการรักษา หรือไม่ได้ทานยาต้านไวรัสนั่นเอง

“สิ่งที่การศึกษาครั้งนี้ได้เปิดเผยออกมา ก็คือว่า ความเสี่ยงที่จะส่งต่อเอชไอวีนั้นเท่ากับศูนย์ ถ้าใช้การรักษาด้วยยาต้านไวรัสเอชไอวี ซึ่งนี่ถือว่าเป็นข้อค้นพบที่สำคัญ” อลิสัน โรดเจอร์ ศาสตราจารย์ประจำ University College London ผู้นำการวิจัยครั้งนี้อธิบาย

อันที่จริง ข้อค้นพบที่ว่า ถ้ารักษาไวรัสเอชไอวีด้วยยาต้านจนตรวจไม่พบ จะเท่ากับไม่แพร่เชื้อ หรือที่เรียกว่า “ตรวจไม่เจอเท่ากับไม่แพร่” (Undetectable=Untransmissable หรือ U=U) นั้นก็ไม่ใช่เรื่องใหม่เสียทีเดียว เพราะงานวิจัยก่อนหน้านี้ ก็มีข้อพิสูจน์ในกลุ่มเพศตรงข้ามกัน หากแต่งานวิจัยนี้ได้ศึกษาผ่านกลุ่มคนรักเพศเดียวกันเท่านั้น

ในบ้านเราเองก็มีความพยายามรณรงค์เรื่องนี้อยู่พอสมควร พร้อมกับเสนอแนะให้ผู้ที่มีเชื้อเอชไอวีรักษาผ่านยาต้านไวรัสมาอย่างต่อเนื่องเหมือนกัน โดยเฉพาะจากโครงการต่างๆ ที่มีอยู่ภายในประเทศไทย “มีหลายการศึกษา ออกมาให้ผลสอดคล้องกันว่า ถ้าใครที่ติดเชื้อ และเริ่มการรักษา ด้วยยาต้านเชื้อเอชไอวีอย่างถูกต้องเกิน 6 เดือนขึ้นไป และมีปริมาณเชื้อเอชไอวีในเลือดเหลือน้อยกว่า 40-50 ตัว (ก๊อปปี้) ต่อหนึ่งซีซีของเลือด หรือที่เรียกกันว่า “ตรวจไม่เจอ” คนๆ นั้นจะไม่แพร่เชื้อให้ใครได้อีกเลย” ศาสตราจารย์กิตติคุณ นายแพทย์ประพันธ์ ภานุภาค ศูนย์วิจัยโรคเอดส์ สภากาชาดไทย กล่าว

ขอบคุณข้อมูลจาก : The Matter

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า