โรคฝีดาษลิง เป็นโรคติดต่อจากสัตว์สู่คน และติดจากคนสู่คนได้ โรคฝีดาษลิงมีการแพร่ระบาดมากขึ้น ในหลายประเทศทั่วโลก พบมากในประเทศแถบแอฟริกากลาง และแอฟริกาตะวันตก โรคฝีดาษลิงพบได้ในสัตว์หลายชนิด โดยเฉพาะสัตว์ตระกูลลิง และสัตว์ฟันแทะ เช่น กระรอก หนูป่า เป็นต้น การมีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง จึงเป็นเรื่องสำคัญเพื่อจะได้เตรียมตัวรับมือกับโรคฝีดาษลิง ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โรคฝีดาษลิง (Monkeypox) หรือ ไข้ทรพิษลิง เกิดจาก ไวรัส Othopoxvirus ซึ่งอยู่ในกลุ่มเดียวกันกับไวรัสโรคไข้ทรพิษ (Smallpox) โดยค้นพบโรคนี้ครั้งแรกในลิง จึงเป็นที่มาของชื่อโรค “ฝีดาษลิง” โรคฝีดาษลิงแพร่ระบาดอยู่ทั่วไปในทวีปแอฟริกา จนกลายเป็นโรคประจำถิ่น (Endemic disease) ซึ่งพบอัตราการเสียชีวิต 1 – 10 % ทั้งนี้การเสียชีวิต ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ โดยสายพันธุ์หลักของโรคฝีดาษลิง แบ่งออกเป็น 2 สายพันธุ์หลัก คือ
เมื่อคนรับเชื้อเข้าสู่ร่างกาย จะมีระยะฟักตัว ประมาณ 7 – 14 วัน อาจนานถึง 21 วัน โดยอาการเริ่มแรกจะมีไข้ ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ ปวดหลัง ต่อมน้ำเหลืองโต หนาวสั่น อ่อนเพลีย จากนั้นประมาณ 1 – 3 วัน จะมีผื่นขึ้นบริเวณแขนขา และอาจจะเกิดบนหน้าและลำตัวได้ด้วย ผื่นจะกลายเป็นตุ่มหนอง ในระยะสุดท้ายตุ่มหนองจะเป็นสะเก็ดแล้วหลุดออกมา อาการป่วยจะประมาณ 2 – 4 สัปดาห์ ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะหายจากโรคเองได้ โดยอาการรุนแรงมักพบในกลุ่มเด็ก ซึ่งความรุนแรงของผู้ป่วยแต่ละคน จะขึ้นอยู่กับปริมาณเชื้อที่ได้รับ โดยสรุป อาการจะเป็นดังนี้
หากคุณมีอาการดังที่กล่าวมานี้ ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยทันที เพื่อการรักษาที่ทันท่วงที ลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง
การตรวจสารพันธุกรรมไวรัสจีนัส Orthopoxvirus ด้วยเทคนิค Real – time PCR และตรวจจำแนกไวรัสฝีดาษลิงด้วยการทดสอบลำดับสารพันธุกรรมของเชื้อ
WHO วันที่ 25 ก.ค.ที่ผ่านมา ให้การระบาดของโรคฝีดาษลิง (monkeypox) เป็นเหตุฉุกเฉินด้านสาธารณสุขโลก พบผู้ป่วยยืนยันแล้วมากกว่า 16,000 คนใน 75 ประเทศเป็นอย่างน้อย องค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุถึงการแพร่ระบาดของโรคฝีดาษลิงที่เพิ่มขึ้นว่า ผู้ติดเชื้อใหญ่อยู่ในกลุ่ม ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชายด้วยกัน ซึ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ นายเทดรอส อัดฮานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่ WHO แนะนำให้กลุ่ม ชายรักชาย ลดจำนวนคู่นอนรวมถึงการมีเพศสัมพันธ์กับคู่นอนหน้าใหม่ เพื่อจำกัดการสัมผัสเชื้อ โดย ญี่ปุ่นก็พบผู้ป่วยรายที่ 2 ในโตเกียว มีประวัติกลับจากตปท. นอกจากนี้ ออสเตรเลียประกาศฝีดาษลิงเป็น “อุบัติการณ์โรคติดต่อ” สำคัญระดับชาติ
สามารถเกิดได้จากการ สัมผัสโดยตรงกับเลือด สารคัดหลั่ง หรือตุ่มหนองของสัตว์ที่ติดเชื้อ หรืออาจอาจติดเชื้อจากการโดนสัตว์ที่มีเชื้อกัด โดยเฉพาะสัตว์ตระกูลลิง และสัตว์ฟันแทะ หรือการกินเนื้อสัตว์ที่มีเชื้อที่ปรุงไม่สุก
สามารถติดต่อได้จาก การสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ โดยไวรัสจะเข้าสู่ร่างกายผ่านแผลที่ผิวหนัง ระบบทางเดินหายใจ ทางปาก ทางตา หรือทางจมูก
ปัจจุบันยังไม่มีการรักษาที่จำเพาะสำหรับโรคฝีดาษลิง จากสถานการณ์การแพร่ระบาดทั่วโลก ยังไม่พบผู้ป่วยโรคไข้ฝีดาษลิงที่มีอาการรุนแรง โดยทั่วไปแล้ว ผู้ป่วยจะสามารถหายจากโรคได้เอง ในระยะเวลาประมาณ 2 – 4 สัปดาห์ ในกรณีที่เป็นกลุ่มผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง มีภูมิคุ้มกันต่ำ หรือมีโรคประจำตัว จะมีการรักษาโดยใช้ยา Tecovirimat, Cidofovir, Brincidofovir ซึ่งเป็นยากลุ่มเดียวกันกับที่ใช้รักษาโรคไข้ทรพิษ องค์การอนามัยโลกระบุว่า วัคซีนป้องกันโรคฝีดาษในคน สามารถป้องกันโรคฝีดาษลิงได้ 85%
โรคฝีดาษลิง ยังคงระบาดเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในหลายประเทศ แม้จะเป็นโรคที่มีโอกาสติดต่อน้อย แต่ก็ควรเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด ปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนหรือยาที่จำเพาะกับโรคฝีดาษลิง ดังนั้นควรระมัดระวัง และป้องกันตัวเองอยู่เสมอ
นักวิทยาศาสตร์ …
บทใหม่แห่งความร…