เริมที่จมูก ถือเป็นอีกโรคหนึ่งที่หากติดแล้วจะเป็นไปตลอดชีวิต ซึ่งจะมีอาการเป็นแผลขึ้นบริเวณรอบปากหรือบริเวณอวัยวะเพศ และรอยแผลอาจแตกจนกลายเป็นฝีได้ แต่ถึงแม้จะรักษาไม่หายก็ตาม อาการของโรคเริมส่วนมากจะเป็นแค่ไม่กี่สัปดาห์เท่านั้น และจะมีอาการก็ต่อเมื่อภูมิคุ้มกันในร่างกายอ่อนแอลง ด้วยสาเหตุต่าง ๆ เช่น การนอนหลับไม่เพียงพอ เครียด โดนแสงแดดเป็นเวลนาน หรือ ทำงานหนักเกินไป

เริมที่จมูก เกิดจากอะไร?

เริม เกิดจากการติดเชื้อไวรัสที่ชื่อ Herpes simplex virus หรือที่รู้จักกันโดยทั่วไปว่า Herpes ซึ่งมี 2 สายพันธุ์ คือ Herpes simplex virus ชนิด 1 (HSV-1) และ Herpes simplex virus ชนิด 2 (HSV-2) ซึ่งสามารถอยู่ได้ในหลายๆ บริเวณของร่างกาย ทำให้เกิดการสับสนได้ว่า จะต้องเรียกการติดเชื้อนั้นว่า เป็นเริมประเภทไหน ซึ่งเราสามารถพิจารณาได้ ดังนี้

  • HSV-1 พบมากบริเวณริมฝีปาก จมูก ลำคอ เกิดขึ้นเมื่อร่างกายอ่อนแอ ภูมิคุ้มกันต่ำ มีความเครียด พักผ่อนน้อย ก็สามารถป่วยด้วยโรคนี้ได้ เช่น อาการเริมที่ปาก อาการเริมที่จมูก
  • HSV-2 เป็นการติดเชื้อที่บริเวณอวัยวะเพศ ทหารหนัก ถุงอัณฑะ

เมื่อเรานำจมูกไปสัมผัสกับเชื้อเริมครั้งแรกจากการสัมผัสโดยตรงจากผู้ที่เป็นโรคผ่านทางน้ำลาย หรือรอยโรค หรืออาจจะเอามือที่สัมผัสเชื้อมาเกาที่จมูก อาจแสดงอาการหรือไม่ก็ได้ โดยเชื้อไวรัสจะเข้าทางผิวหนังและไปสะสมอยู่ที่ปมประสาท เมื่อมีปัจจัยมา กระตุ้น เชื้อไวรัสก็จะออกมาตามเส้นประสาทไปถึงปลายประสาททำให้เกิดรอยโรคที่ผิวหนัง หรือเยื่อบุ

คุณจะติดเชื้อเริมที่จมูกได้อย่างไร?

เริม ติดต่อได้ง่ายผ่านการสัมผัสกับรอยโรคที่ผิวหนัง โดยผิวหนังบริเวณอวัยวะเพศ ปาก จมูก และตา เป็นบริเวณที่สามารถติดเชื้อได้ง่าย ส่วนบริเวณอื่นๆ ของร่างกายก็อาจติดเชื้อได้ ถ้ามีช่องทางให้เชื้อเข้าไปได้ เช่น รอยบาดแผลที่ผิวหนัง ผื่นที่ผิวหนัง เป็นต้น

การติดเชื้อเริมไม่จำเป็นต้องผ่านการมี เพศสัมพันธ์ เท่านั้น บางครั้งคุณสามารถติดเชื้อเริมผ่านวิธีอื่นได้ เช่น ผู้ปกครองที่มีรอยโรคเริมจูบลูกที่ปาก เป็นต้น จะเห็นได้ว่า ผู้คนจำนวนมากที่เคยเป็นเริมที่ปากมักจะเคยเป็นตั้งแต่วัยเด็ก สำหรับหญิงตั้งครรภ์ก็มีโอกาสแพร่เชื้อเริมไปสู่ลูกขณะคลอดลูกได้ แต่ก็พบได้น้อย

นอกจากนี้คุณยัง สามารถแพร่เชื้อเริมไปที่บริเวณอื่นๆ ของร่างกายได้ ถ้าหากมีการสัมผัสกับแผลตุ่มพอง ตุ่มน้ำ แล้วนำไปสัมผัสที่บริเวณอื่นต่อโดยไม่ได้ล้างมือก่อน เช่น ปาก อวัยวะเพศ ตา จมูก วิธีนี้ยังเป็นช่องทางในการแพร่เชื้อไปยังผู้อื่นด้วย

เริมที่จมูกมีอาการอย่างไร?

อาการของเริมสามารถเป็นได้หลายแบบขึ้นอยู่กับว่าเป็นการเกิดโรคครั้งแรก หรือว่าเคยเป็นมาก่อน ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักจะเริ่มเป็นครั้งแรกในช่วงวัยเด็ก หรือวัยรุ่น โรคเริมที่เป็นครั้งแรกจะมีระยะเวลาฟักตัว ประมาณ 3 – 7 วัน หลังได้รับเชื้อ ซึ่งส่วนมากมักไม่มีอาการ แต่ถ้ามีอาการจะมีอาการดังนี้

  • พบกลุ่มตุ่มน้ำแตกเป็นแผลตื้นๆ
  • มีอาการเจ็บ ปวด แสบร้อนบริเวณรอยโรค
  • มีไข้ อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามร่างกาย
  • อาจมีต่อมน้ำเหลืองโต

โดยแผลจะค่อยๆ แห้ง ตกสะเก็ด และหายในระยะเวลาประมาณ 2 – 6 สัปดาห์
เริมที่จมูก สามารถกลับมาเป็นซ้ำได้ แต่จะมีอาการน้อยกว่าเป็นครั้งแรก ขนาดตุ่มจะเล็กกว่า จำนวนเม็ดก็น้อยกว่าและไม่มีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น เป็นไข้ ผู้ป่วยอาจมีอาการนำ เช่น คัน ปวดแสบร้อน บริเวณที่จะเป็น หลังจากนั้นก็จะเกิดตุ่มน้ำขึ้นในบริเวณใกล้เคียงกับตำแหน่งเดิม

การรักษา เริมที่จมูก

แม้ว่าจะไม่มียารักษาเริมให้หายขาดได้ในปัจจุบัน แต่ยังมีวิธีในการจัดการกับอาการที่เกิดขึ้น ยารักษาโรคเริมจะช่วยให้อาการหายได้เร็วขึ้น และ ช่วยลดโอกาสกลับมาเป็นซ้ำ แพทย์จะเป็นผู้แนะนำยาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคุณ ในขณะที่กำลังมีอาการแผลตุ่มพอง ตุ่มน้ำ แพทย์จะพิจารณาจ่ายยาให้คุณเพื่อให้แผลหายเร็วขึ้น

ยาที่ใช้ในการรักษาโรคเริม

โรคเริม ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่สามารถรักษาให้อาการดีขึ้น และบรรเทาอาการ คัน ระคายเคือง ได้ การรักษาโรคเริม มักใช้ยาต้านไวรัส

  • อะไซโคลวิรอล (Acyclovir)
  • วาลาไซโคลเวียร์ (Valacyclovir)
  • ฟามไซโคลเวียร์ (Famciclovir)

การป้องกันโรค เริมที่จมูก

  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับแผลเริมโดยตรง
  • หลีกเลี่ยงการใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกัน
  • พักผ่อนให้เพียงพอ
  • ออกกำลังกายเป็นประจำ
  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์
  • หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคเริม

ดูแลตัวเองอย่าไร เมื่อเป็นเริมที่จมูก

คุณสามารถบรรเทาอาการ เริมที่จมูก ได้โดยวิธีดังนี้

  • อาบน้ำอุ่น
  • ล้างมือให้สะอาดบ่อยๆ
  • รักษาความสะอาดบริเวณที่เป็นแผลเริม
  • พยายามดูแลให้บริเวณแผลแห้ง ไม่อับชื้น เพราะความชื้นจะทำให้แผลหายช้า
  • หลีกเลี่ยงการแกะหรือเกาตุ่มน้ำ เพราะอาจทำให้แผลหายช้าลงและติดเชื้อซ้ำ
  • ประคบเย็นบริเวณแผล (เช่น ใช้ถุงเจลประคบเย็น)
  • รับประทานยาแก้ปวด เช่น แอสไพริน ไอบูโพรเฟน พาราเซตามอล

โรคนี้อาจมีอาการค่อนข้างรุนแรง สำหรับคนที่มีอาการครั้งแรก แต่อาการจะเบาลงเรื่อย ๆ หากเกิดขึ้นในครั้งถัด ๆ ไป ปกติ เริมสามารถหายเองได้อยู่ ภายในไม่กี่สัปดาห์ แต่ถ้าอยากให้แผลหายไว ก็สามารถเอายามาทาได้ เมื่อหายแล้วก็ควรระวังไม่ให้ร่างกายภูมิคุ้มกันตกลง ไม่งั้นอาการของเริมจะกลับมาเป็นซ้ำได้

Love Foundation