โรค หนอง ใน เทียม เป็นโรคติดเชื้อเกิดขึ้นในเนื้อเยื่อทางเดินปัสสาวะ หรือช่องคลอดในผู้หญิง โรคนี้มีอาการไม่เป็นที่รู้สึกชัดเจนในระยะแรก แต่หากไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม อาการอาจเกิดขึ้นในระยะต่อไป Chlamydia เป็นโรคติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ที่พบได้บ่อยในผู้หญิงและผู้ชาย โรคนี้เกิดจากเชื้อแบคทีเรียชนิดหนึ่งที่มีชื่อว่า Chlamydia trachomatis ที่สามารถติดเชื้อผ่านทางเพศสัมพันธ์ได้ โดยสาเหตุหลักของการติดเชื้อคือผู้มีพฤติกรรมทางเพศที่ไม่ปลอดภัย เช่น มีเพศสัมพันธ์กับหลายคน ไม่ใช้ช่องคอนโดมในการป้องกัน และมีพฤติกรรมเสี่ยงอื่นๆ
อาการของคลามิเดียในผู้ชายมักจะปวด แสบ หรือมีคัน ขณะที่กำลังปัสสาวะ และอาจมีการปัสสาวะราดพลิก ในขณะที่ผู้หญิงอาจมีอาการคล้ายกับอาการของโรคอักเสบหลังกลัด แต่บางครั้งอาจไม่มีอาการเลย โรคคลามิเดียสามารถแพร่กระจายได้จากการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่ติดเชื้อ โดยอาจติดเชื้อจากทางช่องปาก ทางช่องคลอด หรือช่องทางอื่นๆ ผู้ที่ติดเชื้อ Chlamydia อาจไม่มีอาการชัดเจน เนื่องจากเชื้อนี้สามารถเข้าทำลายเนื้อเยื่อได้โดยไม่ทำให้เกิดอาการปวดหรือคัน แต่ก็มีบางครั้งที่ผู้ป่วยอาจมีอาการปวดเมื่อถ่ายปัสสาวะหรืออาการปวดในช่องคลอด หรือมีเลือดออกจากช่องคลอด นอกจากนี้ยังมีผื่นหรือความชื้นบริเวณอวัยวะเพศที่เป็นที่ติดเชื้อ
อาการของโรคหนองใน เทียม ในผู้ชาย สามารถรวมถึง:
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสาเหตุของโรค ซึ่งอาการอาจเริ่มแสดงได้หลังจากติดเชื้อไปแล้วไม่กี่สัปดาห์หรือหลายเดือน แต่หากคุณมีอาการดังกล่าวที่เริ่มต้นภายหลังจากมีเพศสัมพันธ์ไปเพียง 1-2 วัน อาจไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ แต่ยังคงแนะนำให้ไปตรวจหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อยู่ดี
หนอง ใน เทียม มักจะไม่แสดงอาการที่สังเกตได้ในผู้หญิง อย่างไรก็ตาม การติดเชื้อที่ทำให้เกิด หนอง ใน เทียม ในผู้ชายสามารถแพร่กระจายไปยังส่วนอื่นๆ ของระบบสืบพันธุ์ผู้หญิงได้ เช่น มดลูกหรือท่อนำไข่ ซึ่งเชื่อมต่อรังไข่กับมดลูกและหากการติดเชื้อแพร่กระจาย ผู้หญิงอาจเป็นโรคเกี่ยวกับกระดูกเชิงกรานอักเสบ (PID)
กระดูกเชิงกรานอักเสบ (PID) ย่อมาจาก Pelvic Inflammatory Disease เป็นภาวะที่มีการอักเสบของอวัยวะสืบพันธุ์ส่วนบนในเพศหญิง ได้แก่ มดลูก ท่อนำไข่ รังไข่ และเยื่อบุช่องท้องในอุ้งเชิงกราน มักเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียที่แพร่กระจายจากช่องคลอด หรือปากมดลูกเข้าสู่อวัยวะสืบพันธุ์ส่วนบน สาเหตุของ PID ได้แก่
อาการของ PID ได้แก่
การรักษา PID ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของการติดเชื้อ การรักษาอาจรวมถึง
ภาวะแทรกซ้อนของ PID ได้แก่
การตรวจวินิจฉัยโรคหนองในเทียมมีหลายวิธี อาทิเช่น
การตรวจวินิจฉัยโรคหนองในเทียม เป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมาก เนื่องจากโรคนี้สามารถส่งผลกระทบต่อสุขภาพและการมีเพศสัมพันธ์ของผู้ป่วยได้ ดังนั้น หากมีอาการดังกล่าวไปข้างต้น ควรพบแพทย์เพื่อทำการตรวจวินิจฉัยและรักษาโรคให้เร็วที่สุด
การรักษาหนองในเทียม สามารถทำได้ด้วยยาปฏิชีวนะ โดยยาปฏิชีวนะที่มักใช้ในการรักษาหลัก ได้แก่
ยารักษา | วิธีการใช้ยา | ผลข้างเคียง |
---|---|---|
อะซิโธรมัยซิน (Azithromycin) | รับประทานครั้งเดียว ปริมาณ 1-2 กรัม (ตามแพทย์สั่ง) | คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ ท้องผูก เบื่ออาหาร รสชาติปากเปลี่ยนไป ชาตามผิวหนัง ปฏิกิริยาแพ้ยา |
ดอกซีไซคลิน (Doxycycline) | รับประทานวันละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 7 วัน | คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ ท้องผูก เบื่ออาหาร รสชาติปากเปลี่ยนไป ชาตามผิวหนัง ปฏิกิริยาแพ้ยา |
ยาทดแทนคือ Erythromycin และ Ofloxacin หากผู้หญิงตั้งครรภ์ หรือคิดว่าตัวเองอาจตั้งครรภ์ ควรแจ้งให้แพทย์ทราบ เพื่อให้ใช้ยาที่ไม่ทำให้เกิดอันตรายต่อทารก แม้ว่าจะเริ่มการรักษาด้วยยาทั้งหมดนี้แล้วมีอาการดีขึ้นก็ตาม แต่ยังคงต้องทำตามวิธีการรักษาต่อจนกว่าจะใช้ยาหมดจริงๆ พร้อมทั้งแจ้งให้คู่นอนทราบ เพื่อที่จะได้ทำการรักษาไปพร้อมกัน และควรงดมีเพศสัมพันธ์จนกว่าจะรักษาหายแล้วทั้งคู่ หากยังมีอาการผิดปกติอยู่หรือกลับมาเป็นซ้ำอีกครั้งหลังจากทำการรักษาด้วยยาทั้งหมดแล้ว ควรกลับมาพบแพทย์ผู้ให้บริการดูแลสุขภาพเพื่อตรวจวินิจฉัยอีกครั้ง
เหตุผลส่วนใหญ่ที่คน ไม่กล้าตรวจเอชไอวี
กามโรค มีอะไรบ้าง อาการเป็นแบบไหน
กล่าวโดยสรุป หนองในเทียม หรือ Chlamydia (คลามัยเดีย) เป็นการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ที่พบบ่อย เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่มีชื่อว่า Chlamydia Trachomatis โดยทั่วไปจะติดเชื้อที่อวัยวะเพศและทางเดินปัสสาวะ แต่สามารถติดเชื้อที่ลำคอและทวารหนักได้เช่นกัน หนองในเทียมมักไม่มีอาการ แต่หากไม่ได้รับการรักษาอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงต่อสุขภาพ เช่น โรคอักเสบในอุ้งเชิงกราน ภาวะมีบุตรยาก และการตั้งครรภ์นอกมดลูก เป็นต้น การตรวจหาเชื้อหนองในเทียมมีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในคนที่มีเพศสัมพันธ์ไม่ปลอดภัย เพื่อให้สามารถตรวจพบและรักษาได้อย่างทันท่วงที การป้องกันทำได้โดยใช้ถุงยางอนามัย การตรวจหาเชื้ออย่างสม่ำเสมอ และพูดคุยกับคู่นอนของคุณเกี่ยวกับสุขภาพทางเพศ
นักวิทยาศาสตร์ …
บทใหม่แห่งความร…