โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ คือ กลุ่มโรคที่ติดต่อจากคนหนึ่งสู่อีกคนหนึ่ง ส่วนใหญ่ติดต่อโดยการร่วมเพศ บางโรคอาจติดต่อกันโดยการสัมผัสทางเพศ หรือการถ่ายทอดสู่ลูกขณะอยู่ในครรภ์ ซิฟิลิส แผลริมอ่อน เริมอวัยวะเพศ ฝีมะม่วง หนองใน หนองในเทียม หูดหงอนไก่ หูดข้าวสุก พยาธิช่องคลอด เชื้อราช่องคลอด โรคโลน
โรคโลน (Pediculosis Pubis หรือ Pubic Lice) คือ แมลงขนาดเล็กที่อยู่ในกลุ่มของปรสิต มีขนาดเล็กมากประมาณ 1 – 2 มิลลิเมตร มีขา 3 คู่ แต่ที่ปลายขาหน้าจะมีลักษณะพิเศษเป็นก้ามคล้ายขาปู โลนสามารถติดต่อกันได้ผ่านการมีกิจกรรมทางเพศทุกชนิด
โลนสามารถดำรงวงจรชีวิตได้ด้วยการกินเลือดมนุษย์ และทำให้เกิดอาการคันอย่างรุนแรงในบริเวณนั้น โลนมักจะอาศัยอยู่บริเวณขนหัวหน่าวและแพร่กระจายผ่านการสัมผัส ในบางกรณีอาจพบได้ในขนตา ขนรักแร้ ขนหน้าอก หนวดเครา ขนคิ้ว และขนบนใบหน้า แต่จะไม่พบบนเส้นผม โลนจะมีขนาดเล็กกว่าเหาบนหัว การแพร่ระบาดของโลนส่วนมากติดต่อทางเพศสัมพันธ์
ตัวโลนที่เกาะอยู่ตามเส้นขนนั้นจะมีทั้งตัวผู้ตัวเมีย เมื่อผสมพันธุ์แล้ว ตัวผู้จะตายไป ส่วนตัวเมียจะวางไข่บนเส้นขน ซึ่งโดยปกติแล้วโลนตัวเมีย 1 ตัว สามารถวางไข่ได้ประมาณ 30 ฟอง เมื่อวางไข่แล้ว อีก 7 วัน ไข่จะฟักออกมาเป็นตัวอ่อน และต้องใช้เวลาอีกประมาณ 3 สัปดาห์ จึงจะเจริญเติบโตเป็นตัวเต็มวัย เพื่อผสมพันธุ์และออกไข่ต่อไป
โลนเป็นหนึ่งในสามประเภทของเหาที่รบกวนมนุษย์
อาการของ โรคโลน จะเริ่มมีอาการจะใช้เวลาประมาณ 3 – 4 สัปดาห์ ซึ่งอาการในผู้หญิง และผู้ชายจะคล้ายกัน โดยที่เห็นชัดเจนคือ อาการคันบริเวณอวัยวะเพศ บริเวณทวารหนัก หรืออาจมีอาการคันที่บริเวณอื่น ๆ เช่น ใต้รักแร้ บริเวณที่มีขน เช่น ขา หน้าอก ท้อง หรือหลัง หนวด เครา คิ้ว หรือขนตา
บ่อยครั้งที่พบว่ามีรอยเการุนแรง จนเลือดออก หากมีโลนที่อวัยวะเพศ อาจมองเห็นอุจจาระของโลนเป็นจุดสีดำ ๆ ติดกางเกงใน และมองเห็นไข่โลนที่ขนตามร่างกาย โดยเห็นเป็นเม็ดสีน้ำตาล เมื่อมองใกล้ๆ จะเห็นเป็นจุดสีแดง ซึ่งเป็นรอยที่โลนดูดเลือดเป็นอาหาร หากลองสังเกตให้ดีจะเห็นโลนเดินอยู่บนเตียงนอน มันมักจะหยุดอยู่นิ่งเมื่อเปิดไฟและเริ่มเดินอีกครั้งเมื่อดับไฟ
ในบางรายบริเวณที่ตัวโลนกัดและดูดเลือดจะเกิดการติดเชื้อแบคทีเรีย ทำให้เกิดตุ่มหนองบริเวณรากขน และหากมีโลนอาศัยอยู่บริเวณขนตาอาจเสี่ยงต่ออาการเยื่อบุตาอักเสบได้อีกด้วย ซึ่งอาการคัน จะคันมากขึ้นในเวลากลางคืน นอกจากนี้ ยังอาจพบอาการอื่น ๆ ได้ด้วย เช่น
หลังจากติดโลน จะใช้เวลาประมาณ 30 วัน ในการแสดงอาการ
เกิดจากแมลงขนาดเล็กที่มีชื่อว่า โลน (Pubic Lice) ซึ่งเป็นแมลงที่ไม่สามารถบิน หรือกระโดดได้ และต้องการเลือดมนุษย์เพื่อดำรงชีวิต โลนติดต่อกันได้ผ่านการสัมผัสอย่างใกล้ชิด เช่น การกอด จูบ แต่ที่มักพบได้บ่อยที่สุดคือการติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ที่สำคัญคือโลนไม่สามารถป้องกันได้ด้วยการสวมถุงยางอนามัย หรือการใช้ยาคุมกำเนิด โลนมักจะพบได้เฉพาะในผู้ใหญ่ หรือวัยที่สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้แล้ว แต่ถ้าพบในเด็กอาจเป็นสัญญาณของการถูกล่วงละเมิดทางเพศ
โดยสามารถติดต่อได้ 2 ทาง คือ
โดยทั่วไปแล้วโลนสามารถรักษาให้หายได้ด้วยแชมพู โลชั่น หรือครีมที่มีส่วนประกอบของสารเคมีที่มีฤทธิ์ในการกำจัดแมลงจำพวกโลนหรือเหา โดยแพทย์หรือเกสัชจะแนะนำผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับผู้ใช้มากที่สุด ผู้ใช้จะต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ และเอกสารกำกับยา ตัวยาที่ใช้ได้แก่ เพอร์เมทริน (Permethrin) ซึ่งมีวิธีการใช้ดังต่อไปนี้
การรักษาด้วยยาครั้งแรกมักจะเป็นการกำจัดตัวโลนที่อยู่ในร่างกาย ดังนั้น ไข่ที่ยังไม่ฟักจึงไม่ถูกทำลาย ภายหลังการใช้ยาครั้งแรก 3 – 7 วัน จึงควรใช้ซ้ำเพื่อกำจัดตัวโลนที่เพิ่งออกมาจากไข่ แต่หากใช้ยาซ้ำเป็นครั้งที่ 2 แล้วอาการยังไม่ทุเลาลง หรือการรักษาไม่ได้ผล ควรกลับไปปรึกษาแพทย์ และไม่ควรใช้ยาซ้ำเพราะอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายได้ เช่น ผิวหนังระคายเคือง มีอาการคัน ผิวหนังแดง หรือปวดแสบปวดร้อน เป็นต้น
ถึงแม้ว่าโรคโลนจะรักษาได้ แต่จะดีกว่าไหมหากเราป้องกันไว้ก่อน โดยการมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัยโดยใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้ง รักษาความสะอาดบริเวณอวัยวะเพศ หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่เป็นโรคโลน เพียงเท่านี้ก็จะทำให้คุณห่างไกลจากโรคโลนแล้วครับ
นักวิทยาศาสตร์ …
บทใหม่แห่งความร…