ภาพยนตร์ที่ว่าด้วย LGBTQAN+

ภาพยนตร์ LGBTQAN+

Badhaai do ยินดีอย่างที่ซู้ด (2022) ภาพยนตร์ที่ว่าด้วย LGBTQAN+ กับชีวิตที่ผูกระบบชนชั้นวรรณะ

หากจะพูดถึงหนัง LGBTQAN+ สักเรื่องที่น่าสนใจในปีนี้มาพูดถึงกัน หนังสัญชาติอินเดียอย่างเรื่อง Badhaai do หรือในชื่อไทยที่ทางเนทฟลิกซ์ตั้งอย่าง “ยินดีอย่างที่ซู้ด” ย่อมเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจ ที่ผู้เขียนอยากแนะนำให้กับท่านได้รับชมภาพยนตร์ LGBTQAN+ เรื่องนี้ดูสักครั้ง เพราะมันสะท้อนทั้งอัตลักษณ์ และความรักในเพศวิถีได้เห็นภาพอย่างชัดเจน

“คุณไม่สนใจผู้ชาย”
“ใช่ค่ะ”
“แต่ผมสน…ดังนั้นเรามาแต่งงานกันเถอะ”

ชรทูล ชายหนุ่มที่อยากเป็นนักเพาะกล้าม แต่เลือกเป็นตำรวจ เพื่อทำตามความฝันให้กับครอบครัว กับ สุมัณ หญิงสาวดีกรีโปรไฟล์ระดับนักกีฬาทีมชาติ ที่ผันตัวมาเป็นครูพละ และชอบในผู้หญิงด้วยกัน

เรื่องราวทั้งหมดเริ่มต้นขึ้นจากการที่สุมัญเล่นแอพฯ หาคู่ของหญิงหญิง และนัดเจอตัวกับคนในแอพฯ แต่กลายเป็นว่าอีกฝั่งเป็นผู้ชายที่ปลอมตัวมาหลอกเธอว่าเป็นผู้หญิงด้วยกัน เพราะต้องการจะแบล็คเมล์ให้เธอยินยอมมีเพศสัมพันธ์ด้วย เรื่องร้อนไปถึงผู้กองชรทูลที่ในขณะนั้นเอง ก็โดนที่บ้านเร่งเร้าให้แต่งงานกับสาวสักคนเพื่อสืบทอดทายาทประจำตระกูลต่อไป

LGBTQAN+

ทั้งคู่พบกันในสถานะทางบ้านคล้ายคลึงกัน มีความลับที่บอกใครไม่ได้นอกจากคนที่มีความลับเหมือนๆ กัน พอโดนเร่งเร้าเข้ามากๆ จนถึงขั้นจะคลุมถุงชน แม้สุมัณจะใช้ลูกล่อลูกชน เล่าถึงอาถรรถ์คู่หมั่นที่ตายไปเพราะตนเองด้วยซวย สุดท้ายสุมัณตัดสินใจยอมแต่งงานกับชรทูล เพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้าของทั้งสองครอบครัวไปก่อน โดยที่ชรทูลเองก็มีแฟนหนุ่มที่กำลังดูใจกันไปด้วยในเวลานั้น

หลังแต่งงานเสร็จสิ้นสุมัณก็ย้ายเข้าไปอยู่ที่บ้านหลวงสวัสดิการของชรทูล ในตอนนั้นเองที่เธอก็ได้พบกับจิม นักเทคนิคทางการแพทย์สาวเชื้อสายจีน โดยแรกพบสบตาสุมัณก็หวนระลึกไปถึงความรักที่เคยตกหลุมรักกับเพื่อนผู้หญิงด้วยกัน และแม้ผู้หญิงคนนั้นในปัจจุบันจะมีครอบครัวมีสามีเป็นตัวเป็นตนก็ตาม

พวกเธอทั้งคู่ตกหลุมรักกันอย่างรวดเร็ว สุมัณตัดสินใจพาจิมย้ายเข้ามาอยู่สามคนอลเวงในบ้านพักของชรทูลที่ถึงแม้จะไม่เต็มใจแต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมถอยให้กับสุมัณบ้างเพราะเห็นใจหญิงสาวในเรื่องที่ไม่ได้รับความรักดี ๆ มาตลอด

เรื่องราวมันยิ่งอลวนเข้าไปอีกครั้งเมื่อเวลาผ่านไปแล้วสุมัณก็ยังไม่ตั้งครรภ์ตามความคาดหวังของครอบครัวทั้งคู่สักที จนแม่ผัวตัวดีถึงขั้นตามมาสอดส่องดูว่าลูกชายของตนเองทำการบ้านไหม มีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นระหว่างคนสองคนรึเปล่า ไปจนถึงกระทั่งสอนสุมัณให้รู้จัก ‘ยั่วเพศ’ บ้าง

ในระหว่างนั้นเองหนังก็เล่าถึงความระหองระแหงของบรรดาญาติพี่น้องของทั้งคู่ที่แต่งงานออกไปของทั้งสองครอบครัว บ้างก็มีปัญหาพี่น้อง บางก็เกิดการหย่าร้าง และหนังเองก็แสดงให้เห็นว่าแม้แต่ชีวิตหลังแต่งงานของชายหญิงก็ไม่ได้ลงท้ายด้วยดีเสมอไปทั้งหมด เป็นการแสดงให้เห็นถึงความเป็นปกติของชีวิตคู่ ที่ไม่ว่าคุณจะเป็นเพศหรือมีรสนิยมอย่างไร แต่คุณเป็นเหมือนกันกับเขา ปัญหาที่เจอก็ไม่ได้แตกต่างกันเพราะแค่รสนิยมที่ไม่เหมือนกัน

badhaai do LGBTQAN+

โทนเรื่องหนัง LGBTQAN+

แม้โทนเรื่องจะเล่าด้วยความตลกแต่ก็เป็นตลกร้ายหน้าตายที่คนสองคนไม่ได้รักกัน ต้องมาแสดงถึงความรักอันมากมายเพื่อให้ผ่านพ้นสายตาที่สอดส่องของคนในครอบครัว จนสุดท้ายแล้วความลับที่ซ่อนไว้ก็แตกออกมา ทุกคนรับรู้ว่าสุมัณไม่ใช่หญิง “ปกติ” ตามที่พวกเขาคิดว่าเธอเป็น

“ผมขอร้องอย่างหนึ่งได้ไหม คุณช่วยอย่าบอกได้ไหมว่าผมเป็นเหมือนคุณ” วิทูรกล่าวกับหญิงสาวในขณะที่แม่ของสามีรู้แล้วว่าเธอมีอะไรกับผู้หญิงด้วยกัน
ประโยคที่เฉือดเฉือนใจจากคนที่เคยเป็น “ทีม” เดียวกันยิ่งทำให้สุมัณจมดิ่งลงไปกับตัวเอง ทั้งการไม่ยอมรับในครอบครัว หรือน้องชายที่เธอเสียสละทุกอย่างกับรังเกียจแค่เพราะเธอไม่ปกติในสายตาพวกเขา สิ่งเหล่านี้สะท้อนออกมาผ่านความผิดหวังของหญิงสาว

ครอบครัวของวิทูรไม่พอใจอย่างหนัก เพราะคิดว่าลูกชายของตนเองโดนหลอกมาโดยตลอด ทั้งหมดพูดให้ร้ายสุมัณถึงความไม่ปกติของเธอ จนสุดท้ายแล้ววิทูรก็ร้องไห้ออกมาแล้วสภาพกับแม่ของตนเองว่าแท้จริงแล้วไม่มีใครหลอกลวงใคร ทั้งหมดคือการตกลงกันเองของทั้งคู่

ฉากจบของหนัง Badhaai do นี้

อยู่ที่สุมัณอยากมีลูกของเธอเองโดยการรับอุปการะเลี้ยงดูเด็ก ในขณะที่วิทูรเองก็อยากที่จะเป็น ‘พ่อทูลหัว’ เหมือนกัน
“เราแต่งงานกันครั้งแรกเพราะพวกคุณอยากให้เราแต่งงาน ส่วนครั้งนี้เราแต่งงานกันอีกครั้งเพราะกฎหมายบอกให้เราต้องแต่งงาน (ถึงจะรับอุปการะได้) ตอนนี้อยู่ที่พวกคุณตัดสินใจแล้ว” สุมัณกล่าวกับทั้งพ่อแม่ของตนเองและพ่อแม่ของวิทูรที่มาพูดคุยกันอย่างพร้อมหน้า

ในที่สุดทั้งคู่ก็จัดงานแต่งงานกันอีกครั้ง เพราะทั้งอุปการะเลี้ยงเด็กคนหนึ่ง ฉากจบที่น่ารักอยู่ตรงที่แม่ของสุมัณเรียกให้จิมมานั่งข้างๆ สุมัณในขณะที่ตัวเองปฏิบัติพิธีรับอุปการะเด็ก เหมือนๆ กับที่วิทูรเองก็มีชายหนุ่มที่อยู่เคียงข้างกันและกัน

แม้จะไม่ใช่ฉากจบฝันหวานในฝัน แต่ก็สะท้อนว่าเราทั้งหมดก็เป็นมนุษย์เหมือนๆ กัน นี่เองคือความแข็งแรงของภาพยนตร์เรื่องนี้ หนังไม่ได้เล่าให้เพศทางเลือกต้องออกมาเป็นอย่างใดอย่างหนึ่ง ตามที่สังคมคาดหวังว่าเขาควรจะเป็น ทุกคนสามารถเจ็บปวดได้ ร้องไห้เป็น หรือแม้แต่มีความสุขอย่างล้นหัวใจกับใครสักคนที่พวกเขาปรารถนา รวมไปถึงตัวละครของครอบครัวทั้งสองฝ่าย ที่ไม่ได้ทำให้หนังเรื่องนี้เต็มไปด้วยดราม่าเฉย ๆ แต่ก็สะท้อนถึงมุมมองของพ่อแม่และครอบครัวที่ “มือใหม่” กับการรับมือกับสิ่งที่ตนเองไม่ได้รับทราบมาก่อน รวมถึงเรื่องเพศศึกษาที่มีความอ่อนด้อยในการให้ความรู้กับเยาวชนในปัจจุบันด้วย

หลายครั้งแล้วเราต้องการความเข้าใจจากครอบครัว แต่เราเองก็ลืมไปว่าบางครั้งแล้วหลายคนก็พึ่งเป็นพ่อแม่ครั้งแรก พึ่งเคยเจอประสบการณ์ครั้งแรกเหมือนกันกับเรา และนั้นเองเป็นสิ่งที่เราควรระลึกเสมอ ๆ ทุกคนสามารถผิดพลาดได้และแก้ไขได้ พ่อแม่เองก็เช่นกัน

ครอบครัวคือการเรียนรู้ ให้อภัย และเติบโตไปด้วยกันเสมอ

อ่านบทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

เว็บไซต์ของเราใช้คุกกี้เพื่อทำให้คุณพบกับความแตกต่างจากผู้ใช้อื่น ๆ ของเว็บไซต์ของเรา Cookies policy ทั้งนี้เพื่อช่วยให้เราสามารถส่งมอบประสบการณ์ ที่ดีเมื่อคุณติดตามเนื้อหาในเว็บไซต์ของเราและยังช่วยให้เราในการปรับปรุงเว็บไซต์ของเราอย่างต่อเนื่อง เมื่อคุณใช้งานเว็บไซต์ของเรา ถือว่าคุณได้ยินยอมให้เราใช้คุกกี้ Cookie settings

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว บันทึกการตั้งค่า